มุมปากกดโค้งก่อนจะกระตุกยิ้ม ชายหนุ่มหรี่ตาลง เขากระหายที่จะเห็นภาพเช่นนั้นจนตัวสั่น อยากรู้ว่าอองตวนบิดาจะอ้าแขนปกป้องมีแชลอีกหรือเปล่า หรือว่าท่านทำใจได้ที่ภรรยาคนสวยเคยเป็นสาวให้บริการในสังคมชั้นสูง พ่อเขาโง่งมถึงขนาดไปคว้าผู้หญิงไร้สกุลรุนชาติมาสมสู่ แถมยกย่องเชิดชูให้เธอขึ้นมายืนเทียบกับตำแหน่งของมารดา ซึ่งอองรีคิดว่ามันไม่สมควร เขานิ่งเฉยมานานเกินไป นานจนทั้งสองคนลำพอง คิดว่าเขาไม่สนใจสมบัติส่วนที่ตัวเองควรได้ วันนี้ล่ะ...วันนี้เขาจะทวงคืนทุกอย่างไม่ว่าจะทรัพย์สมบัติหรือเกียรติยศ....
ตัวตึกรูปแบบโบราณตั้งอยู่เนินเขาเตี้ยๆ อองรีพุ่งสายตามองดู เขาหวนคิดถึงความหลังสมัยยังเป็นเด็กน้อย เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความสุขทั้งหมดทั้งมวลที่เอ่ยถึงหมดสิ้นเมื่อมาดามเดอฟร็องส์สิ้นชีวิต ผู้ชายวัยกลางคนที่ยังมีความต้องการเรื่องเพศรส พ่อที่เคยเป็นคนอ่อนโยนกลับเปลี่ยนไป อาจจะเป็นเพราะความโศกเศร้าเรื่องของภรรยา อองตวนเริ่มออกเที่ยวกลางคืน ระบายความทุกข์โศกไปกับแสงสีและสิ่งยั่วเย้า วันสุดท้ายที่เด็กชายวัย13ปียิ้มออก คือวันที่บิดาพาภรรยาใหม่เข้าบ้าน มีแชลในขณะนั้นอายุแค่18ปี แก่กว่าบุตรชายของเจ้าของปราสาทไม่เท่าไหร่ แต่ประสบการณ์เธอโชกโชนเสียจน หนุ่มวัยกลางคนยังหลงใหลหักปักหัวปำ
ริมฝีปากเคลือบสีสดแสยะยิ้มให้เขา เธอเชิดหน้าเดินเคียงคู่มากับบิดา ประกาศตัวแทนที่มารดาเขา อองรียังเด็กนัก เขาทนอยู่เพราะยังไม่แก่กล้า ถูกกดดันจากภรรยาวัยสาวของบิดา สิ่งที่ทำให้อองรีกับอองตวนแตกหัก คือวันที่เมียของพ่อแอบย่องเข้าหาเขา ตั้งแต่อองรีเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม เกลียด!! คำๆ นี้อองรีตะโกนใส่หน้ามีแชล ชายหนุ่มเกลียดผู้หญิงคนนั้นยิ่งกว่าสัตว์เลื้อยคลานบนโลกนี้เสียอีก ขยะแขยง รังเกียจ ไม่อยากจะอยู่ในบริเวณเดียวกันเพื่อสูดอากาศร่วมกันด้วยซ้ำไป
วันสิ้นสุดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก สาเหตุก็มาจากผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้นนั่นล่ะ เธอหาช่วงจังหวะที่พ่อไม่สบาย ย่องเข้ามาปลุกปล้ำเขา แต่เผอิญสามีแก่ๆ ของเธอตามมาพบเข้า มารยาของผู้หญิงร้อยเล่ห์ เธอกลับโยนความผิดทั้งหมดให้เขาเป็นผู้ลงมือเสียเอง
อองตวนตบหน้าและเอ่ยปากไล่ลูกชายด้วยความโกรธจัด ภรรยาวัยสาวสะอื้นไห้แนบอก เขาลืมไปว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในห้องนอนของลูกชาย อองรีเองก็ไม่ต่างจากบิดา เขาโกรธจัดเพราะพ่อไร้ความยุติธรรม ไม่เชื่อคำพูดของสายเลือดตัวเอง หลงงมงายกับบทรักที่มีแชลปรนเปรอให้ แต่ว่า...ขณะนั้นอองรีอายุ20ปี เขาโตเป็นผู้ใหญ่พอ ชายหนุ่มจึงหันหลังให้บิดา เก็บของออกจากปราสาทเดอฟร็องส์ โดยมีญ็องตามมารับใช้
มุมปากกระตุกยิ้ม อองรีนึกถึงของขวัญที่เขานำมามอบให้บิดากับภรรยาสาว เขาอยากรู้เหมือนกันว่าทั้งสองคนจะทำหน้าอย่างไร เวลาที่ได้รับของขวัญชิ้นนั้น แค่คิดก็สาแก่ใจ จนอดใจรอแทบจะไม่ไหว ปลายเท้าในรองเท้าหนังสีดำ จึงกดคันเร่งเพิ่มความเร็วรถยนต์เพื่อที่จะได้ไปถึงปราสาทเดอฟร็องส์ให้เร็วขึ้น อีกนิด...
บรรยากาศของความขลังยังเหมือนเดิม ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆ เขามองรอบๆ ตัวด้วยความคิดถึง กลิ่นไอของมารดาหายไปเกือบหมด ไม่มีสวนดอกไม้หน้าตัวปราสาท สถานที่ของมารดาเปลี่ยนไปเกือบหมด จนชายหนุ่มเหยียดยิ้มขื่นๆ น้ำพุขนาดใหญ่ตั้งแทนที่สวนดอกกุหลาบของมารดา ก็คงเป็นฝีมือของนังผู้หญิงแพทยาคนนั้น เธอพยายามเปลี่ยนแปลง ลบเลือนภาพของมาดามผู้สูงศักดิ์ พยายามตะเกียกตะกายแทบตายที่จะขึ้นไปยืนอยู่ตรงนั้น นับว่ามีแชลมีความพยายามไม่น้อย เธอสามารถเขี่ยเขากระเด็นออกไปได้สำเร็จ แต่ก็ไม่สามารถครอบครองเดอฟร็องส์ได้อย่างใจคิด เพราะเธอไม่มีลูก...
“เดอฟร็องส์สวยขนาดนี้เชียวหรือคะอองรี คุณไม่นึกเสียดายบ้างหรือคะ”
โลรีสหมุนตัวมองไปรอบๆ ตัวปราสาทมีสปร์อตไลน์ส่องทำให้มองเห็นความอลังการงานสร้างแม้รอบๆ ตัวตึกจะมืดมิด เธอมโนว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง เป็นผู้ครอบครองปราสาทหลังงดงามหลังนี้ หากอองรีกลับมาอยู่ที่ปราสาทหลังนี้เขาก็มีสิทธิ์ที่จะครอบครองเพราะเป็นทายาทหนึ่งเดียวที่เป็นผู้สืบสกุล
“สมัยที่แม่ผมยังมีชีวิต ที่นี่สวยเหมือนปราสาทเจ้าหญิง ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยดอกไม้สวยๆ กลางคืนมีแต่กลิ่นดอกไม้ลอยอบอวล แต่เวลานี้เดอฟร็องส์เหมือนคุกที่จองจำนักโทษมากกว่า มีแต่ความแห้งแร้งไร้ชีวิตจิตใจ”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็นเฉียบ เขาไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเหมือนเคย
นางแบบสาวไหวไหล่ เธอสอดมือเรียวควงแขนชายหนุ่ม พรางเบียดกระแซะ ชี้ชวนให้อองรีอารมณ์ดีขึ้น เมื่อเธอรู้ว่าเขากำลังกรุ่นโกรธ เพราะแววตาสีเขียวมรกตขุ่นมัว
“ไปค่ะ ทุกๆ คนคงกำลังรออยู่ โลรีสอยากรู้เหมือนกันว่ามาดามมีแชลจัดงานฉลองอะไร!!”
เสียงเพลงคลาสสิคบรรเลงเจื้อยแจ้ว เสียงพูดคุยดังคลอเบาๆ ทันทีที่ประตูบานใหญ่ของตัวปราสาทเปิดออก เพื่อต้อนรับชายหนุ่มผู้มาเยือน สายตาแทบทุกคู่ มองมายังอองรีเป็นตาเดียว เสียงดนตรีหยุดชะงักไปชั่วครู่ เมื่อหายตื่นตกใจก็เริ่มต้นบรรเลงเพลงใหม่ช้าๆ
มีแชลแสยะยิ้ม เธอกระซิบบอกสามีเบาๆ
“ลูกชายของคุณพี่มาค่ะ”
อองตวนหน้าซีดสลด เขาไม่คิดว่าบุตรชายจะตอบรับคำเชิญครั้งนี้ เมื่อชายหนุ่มจงเกลียดจงชัง ไม่เคยคิดที่จะย้อนกลับมาให้ตัวเองเจ็บใจมากขึ้น แววตาประมุขเดอฟร็องส์อ่อนเศร้า เขานึกถึงภรรยาเก่าผู้เพียบพร้อม เธอเกิดมาในตระกูลเก่าแก่ เป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว เป็นหญิงสูงศักดิ์ที่วางตัวได้เหมาะสม เสียแต่ว่าสุขภาพเธอไม่ค่อยแข็งแรง ยิ่งหลังคลอดบุตรเธออ่อนแอลงมาก จนไม่สามารถให้ความสุขตามประสาผัวเมียได้ มันจึงทำให้อองตวนหงุดหงิด เขาแอบภรรยาไปหาความสุขเมื่อยังมีความต้องการเรื่องเพศรสเต็มเปี่ยม เธอคงพอรู้เลาๆ จึงทำให้สุขภาพอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนกระทั่งจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ เขารู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกันที่เป็นต้นเหตุให้ภรรยาหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ แต่ในมุมกลับเธอน่าจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำ เพราะเธอจากไปสบาย ไม่ต้องทนรับสภาพร่างกายอ่อนแอ ชายสูงวัยผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เขาเดินตามแรงจูงของมีแชลภรรยาสาว และรู้เลาๆ ว่าเป้าหมายของเธอคือตำแหน่งใด
“มีแชล อย่า...”
ท่านพยายามห้ามภรรยาวัยสาว เพราะรู้ดีว่าคนข้างตัวต้องการอะไร ตั้งแต่เธอรู้เรื่องพินัยกรรมกับผู้ครอบครองปราสาทตัวจริง มีแชลดูหงุดหงิด เธอแสดงออกหลายครั้งถึงความผิดหวัง เขาเข้าใจดีว่าคนทะเยอทะยานอย่างมีแชลต้องการอะไร อองตวนเป็นเขยที่เข้ามาร่วมสกุล เขาไม่มีสิทธิครอบครองสมบัติใดใดเลยในเดอฟร็องส์ แต่คนภายนอกไม่รู้ รวมถึงมีแชลเองด้วย ทายาทแท้จริงคืออองรีบุตรชายต่างหาก ชายสูงวัยยังนึกแปลกใจ ว่าอองรีไม่เคยกลับมาทวงของตัวเองคืนหลังจากเขามีอายุครบตามพินัยกรรม บุตรชายปล่อยเวลาให้เขาเสวยสุขบนสมบัติของตัวเอง มันก็ใช่ อองรีประสบความสำเร็จ เขาเป็นมหาเศรษฐีด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจนไม่สนใจเศษสมบัติเพียงแค่หยิบมือ เนื่องจากเขาและมีแชลผลาญไปเกือบหมด ที่เหลืออยู่คือทรัพย์สินที่ระบุไว้ ไม่สามารถยักย้ายถ่ายเทได้ เมื่อไอ้ทนายหัวเห็ดยืนกรานหนักแน่น เขาไม่รู้ว่ามีแชลจัดงานวันนี้เพราะอะไร แค่อยากตามใจภรรยาเพราะเห็นว่าเธอหงุดหงิดมาหลายอาทิตย์แล้วนั่นเอง
“คุณพี่คะ อย่าห้ามน้องเลย เราต้องไปตกลงกับอองรี เมื่อเขาไม่ต้องการทรัพย์สมบัติของเดอฟร็องส์ก็ควรยกให้คุณพี่ซิคะ เศษเงินแค่นี้เทียบไม่ได้กับที่เขามีหรอกค่ะ”
อองตวนตกตะลึง เขาเพิ่งรู้วัตถุประสงค์ของมีแชลวันนี้เอง อยากจะห้ามปรามแต่ก็เกรงใจ เมื่อตามใจกันมานานจนเคยตัว อีกอย่างอองรีหยิ่งในศักดิ์ ในเมื่อเขาไม่เคยรับมานานเป็น10ปี ก็คงไม่ปฏิเสธหากเขาจะเอ่ยปากขอ ชายชราที่ลุ่มหลงในกามราคะคิดเข้าข้างตัวเอง
“สวัสดีอองรี ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”