ตอนที่ 1
ภารกิจสำคัญของ อลินทิรา คาฮานา สายลับสาวลูกครึ่งไทย เวเนซูเอลา หรือที่รู้จักในองค์กรว่า ออลโซย่า คือการโจรกรรมข้อมูลสำคัญของธาตุชนิดใหม่ที่สามารถพัฒนาเป็นอาวุธซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงกว่านิวเคลียร์ สายลับแสนสวยมือหนึ่งได้ข้อมูลนั้นไป แต่เธอกลับต้องพบกับความจริงอันน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่า เพราะเธอกำลังถูกตามล่า ไม่ใช่แค่องค์กรลับที่สั่งเธอมา แต่ยังมีเขา แดเนียล ไพรซ์ เทพบุตรผู้หล่อเหลาเกินใครในตระกูลขุนนางเก่าอันมั่งคั่ง มาเฟียผู้หยิ่งทะนงและเลือดเย็นเจ้าของข้อมูลลับที่ถูกโจรกรรม เขาควานหาตัว ออลโซย่า แทบพลิกแผ่นดิน แต่เมื่อได้ตัวเธอมา เขากลับ ฆ่า เธอด้วยเสน่หาและพิศวาสร้อนแรง
“ถ้าจับไอ้หัวขโมยนั่นได้ผมจะเค้นเอาชิปกลับมาและฆ่ามันทิ้งด้วยตัวผมเอง!”
เสียงหนักลอดไรฟันจากใบหน้าที่กรามถูกขบจนนูนเป็นสันของร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสนิทดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดภายในห้องเล็กแคบที่เขายืนอยู่หัวโต๊ะรายล้อมด้วยชายอีกหกคนซึ่งก็มีสีหน้าเข้มเครียดพอกัน นัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องผ่านกระจกนิรภัยไปยังอีกห้องที่เครื่องเร่งอนุภาคแบบไซโคลตรอนวางแน่นิ่งอยู่
วันนี้ถือว่าเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดเลยก็ว่าได้สำหรับแดเนียล นักธุรกิจหนุ่มอายุสามสิบห้าปีเจ้าของความสูง 185 เซ็นติเมตรทายาทตระกูลไพรซ์ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากขุนนางในตระกูลอันเก่าแก่และมั่งคั่งทางด้านอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในอเมริกา
เขาต้องเรียกประชุมนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ทั้งหกมาพร้อมหน้ากันในห้องทำงานซึ่งอยู่ติดกับห้องปฏิบัติการที่ถูกสร้างขึ้นอย่างลับ ๆ ใต้คฤหาสน์ไพรซ์อันโอฬารที่กินเนื้อที่กว่าแปดร้อยเอเคอร์ย่านชานเมืองแถบซานตา โมนิกาของลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอเนียเพื่อจะรับรู้ว่าข้อมูลการค้นพบอะตอมของธาตุลำดับที่ 119 ซึ่งทั้งหมดร่วมกันทำการวิจัยและทดลองอย่างยิ่งยวดจนได้มานั้นถูกจารกรรมไปเมื่อคืนนี้ แดเนียลถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าขณะมองไปยังเอกสารกองพะเนินตรงหน้าก่อนตบโต๊ะเสียงดัง
“บ้าเอ๊ย!...เราค้นพบมันแล้ว เกาะแห่งความเสถียรนั่น”
“ใช่...แดน เราค้นพบมัน แต่ก็มีคนมารู้การทดลองที่เราเก็บไว้เป็นความลับอย่างดีนี้ด้วย คุณคิดว่า...คุณสงสัยใคร?”
มอโรว์ ชายร่างสูงผิวสองสีอายุประมาณสามสิบห้าซึ่งเป็นหนึ่งในทีมนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ถามขึ้นขณะหรี่ตาลง
“มีเบาะแสแค่เล็กน้อยเท่านั้น คือมันปลอมตัวเข้ามาที่นี่ ...จีน่า แม่บ้านของผมถูกวางยาสลบและถูกมัดไว้หลังคฤหาสน์ แต่มันทำทุกอย่างได้แนบเนียนมาก ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ รื้อค้น หรือแม้แต่ชิปข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ก็หายไปเหมือนไม่มีใครเข้ามาที่นี่”
“ถ้าไม่ใช่เพราะมันล่องหนได้คุณก็คงสงสัยพวกเราหนึ่งในหก...ไม่คนใดก็คนหนึ่ง”
นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์คนเดิมพูดต่อ แต่มุขขบขันไม่ได้ทำให้ทุกคนในที่นั้นยิ้มออกมาได้ แดเนียลไหวไหล่ก่อนเสยผมสีน้ำตาลเข้มขลับอย่างเครียด ๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็เชื่อเถอะว่าอาจเป็นผมที่จัดฉากเพื่อจะได้ครอบครองข้อมูลการค้นพบธาตุชนิดใหม่ของโลกเพียงคนเดียวก็เป็นได้ หรือคุณคิดว่ายังไงล่ะ มอโรว์?”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายถามกลับไปก่อนค้ำยันมือหนาใหญ่ทั้งสองไว้บนโต๊ะ ทุกคนเงียบกันไปอีกพักใหญ่ในบรรยากาศอึมครึมก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออกพร้อมร่างสูงของชายคนหนึ่งในชุดลำลองพร้อมแล็ปท็อปขนาดเล็ก เขาหันไปพยักหน้าให้บอดี้การ์ดร่างยักษ์ก่อนประตูจะถูกปิดลง
“สวัสดีครับ คุณแดเนียล”
ชายหนุ่มใบหน้าคมสันใต้กรอบเรือนผมหยักศกสีทองสว่างกล่าวทักพร้อมทั้งยิ้มให้ทุกคนในที่นั้น
“สวัสดีคุณเออร์วิ่ง” แดเนียลทักตอบก่อนหันไปยังทุกคนในที่นั้น
“ทุกคนครับ ผมขอแนะนำให้รู้จักคุณเออร์วิ่ง ซีเมียน เขาเป็นนักสืบที่ผมเรียกให้มาช่วยสืบเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืน”
“และผมก็ได้ข้อมูลที่คุณต้องการครับ แดเนียล อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าเธอคือใคร”
“เธออย่างนั้นหรือ?”
ปื้นคิ้วหนาบนใบหน้าคร้ามคมขมวดมุ่นแสดงความฉงนต่อคำพูดของผู้มาใหม่ เออร์วิ่งก้าวช้า ๆ ผ่านทุกคนที่นั่งอยู่ไปยืนเคียงข้างแดเนียลที่หัวโต๊ะก่อนวางแล็ปท็อปลงและเปิดมันขณะให้คำอธิบาย
“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนผมพยายามสืบหาทุกอย่างเท่าที่ผมจะพบได้จากห้องปฏิบัติการที่มีระบบป้องกันภัยแน่นหนาของคุณ...แต่ไม่พบอะไรเลยทั้งเส้นผม ลายนิ้วมือหรือแม้แต่ร่องรอยบางอย่างที่อาจตกหล่นอยู่ในห้องทำงานหรือห้องทดลองที่มีเครื่องไซโคลตรอนตั้งอยู่ แต่ผมกลับพบเบาะแสบางอย่างที่กล้องวงจรปิดในบ้านของคุณจับภาพเอาไว้ได้ นั่นคือสัญลักษณ์ตัวอักษร เอส กลับหัวเล็ก ๆ บนต้นคอของแม่บ้านตอนเธอเดินผ่านห้องโถงออกมาตอนเที่ยงคืน”
“คุณกำลังจะบอกอะไรกับผมอย่างนั้นหรือ เออร์วิ่ง?”
“ผมแค่อยากจะบอกคุณว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่โจรธรรมดาที่แค่อยากขโมยข้อมูลของคุณเพราะอยากมีชื่อเสียง แต่มันเป็นแผนขององค์กรลับที่มีเครือข่ายอันตรายมาก”
“องค์กรลับ...”