นังตอแหลตัวแม่

1653 คำ
ช่วงพักกลางวัน ฟานนี่มีท่าทางสนอกสนใจกล่องเบนโตะของฉันผิดปกติ จากที่สังเกตเห็นสีสันอาหารในกล่องพลาสติกที่เธอสั่งผ่านบริการอูเบอร์อี้ต ฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบกินซูชิเหมือนกับคนฝรั่งเศสส่วนใหญ่ซึ่งนิยมกินอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ “เธอทำเบนโตะมากินเองทุกวันหรือ” ฟานนี่ถาม ขณะเดินผ่านไปกดน้ำดื่มที่ตู้หยอดเหรียญ “ใช่ เมื่อวานฉันมีเวลาว่าง ก็เลยทำเมนูพิเศษเอาใจตัวเองสักหน่อย” “แน่หรือว่าอยากเอาใจตัวเองน่ะ ? ” เธอเลิกคิ้วมองฉัน มุมปากข้างหนึ่งโค้งลงนิดๆ “แน่ใจสิ ซูชิเป็นของโปรดอันดับต้น ๆ ของฉันเลยนะ” “ขนาดนั้นเชียว” ฟานนี่ยักไหล่ “espèce d'hypocrite[1]” เธอพูดลอย ๆ แล้วเดินหนีไป น้ำเสียงและท่าทางเหยียดหยันของฟานนี่ ทำเอาฉันเกือบจะสำลักซูชิ มีลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่อาจระบุได้ชัดเจน เตือนว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าฉันเอามาก ๆ หลังจากนั้นฟานนี่ก็แสดงท่าทางมึนตึงใส่ฉัน... ฉันไม่เข้าใจพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเธอ ฉันนึกกังวลและหวาดหวั่นต่ออิทธิพลนามสกุลของเธอที่อาจจะมีผลในการประเมินคะแนนการฝึกงานครั้งนี้ กระทั่งในวันถัดมา อลิเซียโทรเรียกฉันขึ้นไปพบที่ห้องประชุมแผนงานบนชั้น 5 เพื่อรับทราบข่าวดีว่า ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทฯ ต้องการสั่งซื้อชุดเดรสที่ฉันเป็นผู้ออกแบบ และเสนอเงื่อนไขในการทำสัญญาซื้อขายผลงานชิ้นดังกล่าว “ผมอยากให้คุณอ่านรายละเอียดในสัญญาให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจ” เควินเป็นคนยื่นเอกสารกับปากกาให้ฉัน จอนผมสีขาวทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทั้งที่อายุห่างกับมาร์คแค่ปีเดียว ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาร์คเล่าให้ฉันฟังว่าเขากับเควินรู้จักกันระหว่างที่ทั้งคู่ทำงานสั่งสมประสบการณ์อยู่ในปารีส บรรยากาศภายในห้องประชุมเงียบกริบ ทุกคนนั่งรอฉันอย่างใจเย็น พอได้เห็นตัวเลขหกหลัก ฉันถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะ... ตอนนี้ฉันไม่แปลกใจเลยที่มาร์คมีเงินซื้อรถสปอร์ตและอะพาร์ตเมนต์หรูราคาเกินล้าน ฉันลอบส่งสายตาให้มาร์คอย่างขอความเห็น เขาพยักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณให้ฉันวางใจได้ว่า ฉันจะไม่โดนเอาเปรียบแน่นอน “ลูกค้าต้องการเห็นงานตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด เราตกลงกันว่าจะให้เธอแสดงฝีมือสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ด้วยตัวเองทั้งหมด” อลิเซียเอ่ยขึ้น หลังจากที่ฉันเซ็นยอมรับเงื่อนไขข้อแลกเปลี่ยน “แต่ฉันยังอยู่ในระหว่างฝึกงานนะคะ” ฉันรู้สึกปอดแหกขึ้นมาทันที “งานตัวอย่างชิ้นนี้คือบททดสอบด่านสุดท้ายในการฝึกงานของคุณ” เควินยิ้มให้ฉันอย่างใจกว้าง “ขอบคุณค่ะ” ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก คุณพระคุณเจ้า... นี่มันเกินกว่าที่ฉันคาดหวังไว้มาก ฉันไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกปลาบปลื้มปรีดาให้เป็นความลับส่วนตัว หลังจากเลิกประชุมฉันเดินแวะเข้าห้องน้ำเพื่อส่งข้อความสั้นๆ ไปบอกให้แม่กับปะป๊ารู้ว่า คืนนี้ฉันมีข่าวน่ายินดีจะเล่าให้พวกท่านฟัง ฟานนี่ระเบิดอารมณ์ที่เก็บกดออกมา... ระหว่างที่อลิเซียและโรส ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายแพทเทิร์นกำลังให้คำปรึกษาและกล่าวแสดงความยินดีกับฉัน “พวกคุณเชื่อหรือว่าอารยาเป็นคนออกแบบงานชิ้นนี้ด้วยตัวเอง ? ” ฟานนี่มองมาที่ฉันด้วยสายตาดูแคลน แล้วเธอก็พูดต่อ “ฉันรู้ว่าเธอแอบคบหากับมาร์ค แบร์นาร์ด แบบชู้สาว... ฉันมั่นใจว่านี่ต้องเป็นผลงานของมาร์คแน่นอน” ทุกคนที่อยู่ในห้องถึงกับอ้าปากหวอด้วยความคาดไม่ถึง “สิ่งที่ฟานนี่พูดเป็นความจริงหรือเปล่า ? ” อลิเซียเอ่ยถาม ฉันหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติอารมณ์ ไม่ให้ตื่นตระหนกไปกับแรงยั่วยุ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ฉันกับมาร์คคบกันจริง แต่เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลงานชิ้นนี้ ฉันเป็นคนทำเองทั้งหมดค่ะ” “คนหน้าโง่ที่ไหนจะกล้ายอมรับความผิดกันล่ะ” ฟานนี่หัวเราะเยาะ แล้วเธอก็ต้องรีบหุบปากลงทันที เมื่อได้ยินคำพูดเตือนสติของอลิเซีย “ฟานนี่ เธอดูจะมีปัญหาในการแสดงความยินดีกับความสำเร็จของคนอื่นนะ อย่าลืมว่าทุกหน่วยงานไม่ต้องการบุคลากรที่มีทัศนคติติดลบ อ้อ... ฉันหมายถึงนักศึกษาฝึกงานและลูกจ้างชั่วคราวด้วยน่ะ” น้ำเสียงของอลิเซียค่อนข้างนุ่มนวล ขัดกับเจตนาที่เชือดเฉือน ในยามปกติเธอเป็นคนที่คุยง่ายและใจดี หากถึงคราวที่ต้องแสดงบารมี เธอก็ดูน่าเกรงขามไม่น้อยเลยจริง ๆ ทว่า... ฟานนี่ยังไม่ยอมจบง่าย ๆ หลังจากที่อลิเซียกับโรสแยกย้าย ไม่ถึงชั่วโมงฟานนี่ก็เดินออกไปป่าวประกาศว่าฉันอยากจะพิสูจน์ฝีมือด้วยการทำงานตัวอย่างให้เสร็จก่อนถึงเย็นวันศุกร์ ฉันไม่ได้พูดจาตอบโต้หรือแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่ก็ยอมรับการท้าท้ายอยู่ในใจ และปล่อยให้เธอหงุดหงิดงุ่นง่านไปเอง ตลอดเวลาแห่งความกดดัน ไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามในห้องทำงานของฉันกับฟานนี่ เราทั้งคู่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่คนละมุม แทบจะไม่มีใครลุกออกจากเก้าอี้ กระทั่งฉันได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบริการศูนย์ซ่อมฯ ให้ลงไปรับรถที่ลานจอดหน้าบริษัทฯ สิบห้านาทีถัดมา ฉันกลับขึ้นมาตัดกระดาษแพทเทิร์นที่ทำค้างเอาไว้จนเสร็จทุกชิ้น และนำไปให้อลิเซียตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มขั้นตอนสำคัญ... ฉันลงทุนทำงานล่วงเวลาติดต่อกันสองวัน โดยที่ไม่ได้รับค่าเหนื่อยเพิ่ม เพื่อจะเอาชนะการท้าทายของฟานนี่ และสามารถส่งงานตัวอย่างให้อลิเซียได้ก่อนเที่ยงวันศุกร์ ความจริงในใจ ฉันแอบคาดหวังว่าจะได้รับคำชมเชย ทว่า... สิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกันข้าม “อารยา” น้ำเสียงของอลิเซียฟังดูเยือกเย็นจนฉันขนลุกเกรียว “ฉันไม่ติดใจเรื่องการออกแบบงานชิ้นนี้... แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่เธอไม่ทำตามความต้องการของลูกค้า” สายตาไร้แววขี้เล่นของเธอ ทำให้ฉันรู้สึกวิตกกังวลและงุนงง “ฉันไม่เข้าใจค่ะ” “ฉันก็ไม่เข้าใจเธอเหมือนกัน ให้ตายเถอะ ! ในใบสั่งงานมีแบบผ้าให้ดูอยู่ทนโท่ ทำไมเธอถึงผิดพลาดเรื่องง่าย ๆ แบบนี้ได้” อลิเซียโยนแฟ้มเอกสารมาไว้ตรงหน้าฉัน ก่อนจะเปิดดูข้อมูลข้างในฉันมั่นใจว่าตัวเองทำถูกต้องแล้ว แต่ไม่ใช่... แบบผ้าเป็นสีชมพู ทว่าฉันใช้ผ้าสีฟ้าชนิดเดียวกันทำงานตัวอย่าง “ลูกค้านัดมาดูงาน 10โมงเช้า วันจันทร์นี้ เธอคิดว่าจะแก้ปัญหายังไงดีล่ะ ? ” “ขอโทษค่ะ ฉันจะรับผิดชอบด้วยการทำตัวอย่างใหม่ให้เสร็จก่อนเวลานัดหมาย” ฉันก้มศีรษะลงด้วยความสำนึกผิด และเดินกลับมาตั้งหลักที่โต๊ะทำงาน ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างเวทนา แล้วก็มีสายตาสมน้ำหน้าอีกคู่หนึ่งรวมอยู่ด้วย ฉันหอบงานเดินออกมาจากลิฟต์ด้วยความเหนื่อยล้า ในหัวยังมีความคิดขัดแย้งเกี่ยวกับสาเหตุความผิดพลาด ฉันสงสัยว่าอาจจะมีคนกลั่นแกล้ง แต่การกล่าวโทษคนอื่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันถนัด และสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดตอนนี้ คือ กำลังใจจากมาร์ค ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่คิดถึง ฉันจะได้ยินเสียงของเขาทันที... ฉันเหลียวหาต้นตอ และมองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาโผล่ออกมาจากมุมตึก เขาอยู่ห่างไม่ถึงสิบก้าว “อารยาไปด้วยหรือเปล่าคะ” เสียงระริกระรี้ของฟานนี่ ทำเอาฉันถึงกับก้าวขาไม่ออก “เธอไม่ดื่มกาแฟ” มาร์คอธิบายเหตุผลอย่างชัดเจน “แสดงว่า มีแค่เราสองคนหรือคะ” “ครับ” “แล้วเจอกันที่ร้านสตาร์บัคส์นะคะ” ฟานนี่หัวเราะอย่างมีจริต เธอเดินสวนกับมาร์คซึ่งหายตัวไปทางด้านหลังอาคารและเลี้ยวมาปะหน้ากับฉันที่ยังยืนอยู่ตำแหน่งเดิม ฟานนี่มีอาการแปลกใจเล็กน้อย คนที่วางสีหน้าไม่ถูกคือฉันมากกว่า “ตายจริง... นี่ฉันเพิ่งรู้นะว่า เธอไม่ดื่มกาแฟ” ฟานนี่เดินเอาไหล่กระแทกฉันอย่างไม่ปิดบังความมีอคติ ขณะที่ฉันได้แต่ยืนอึ้งและรู้สึกสมองหมุนเหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่กำลังเข้าสู่โหมดปิดการทำงาน ฉันพยายามปลอบใจตัวเองให้เชื่อใจมาร์ค พยายามคิดว่าทุกการกระทำของคนเราล้วนมีเหตุผล เขามีชีวิตก่อนที่เราสองคนจะมาเจอกัน เขาสามารถมีเพื่อนผู้หญิงได้และฉันก็มีเพื่อนผู้ชายได้เหมือนกัน เขาอาจจะต้องการพูดคุยกับฟานนี่เรื่องงานเท่านั้น ฉันตบแก้มตัวเองเบาๆ เป็นการเรียกสติ... หากมิวายแอบขับรถผ่านไปแถวหน้าร้านสตาร์บัคส์ เพื่อชะเง้อคอมองหามาร์คกับฟานนี่ หลังจากนั้นก็กลับมาขดร่าง นอนน้ำตาซึมอยู่บนโซฟาตัวเดิม เอาอะไรมามั่นว่าฉัน...ผู้แสนจะโง่เขลาและไร้เสน่ห์ คือคนที่กุมหัวใจของผู้ชายที่มีคุณสมบัติดีเลิศอย่างมาร์ค ในเมื่อเขาสามารถเลือกผู้หญิงที่สวยสมบูรณ์แบบ คนที่มีชื่อเสียงและมีฐานะทางสังคมมาเป็นคู่รักได้ตามความต้องการ [1] espèce d'hypocrite เอสเปซ ด’อีโปคริ(เตอ) นังตอแหลตัวแม่, คนหน้าไหว้หลังหลอก, คนหน้าซื่อใจคด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม