ฉันจะรอดู

1615 คำ
8.10 น. ฉันถือกระเป๋าเก็บความร้อนใส่เบนโตะเดินไปที่ลานจอดรถของผู้บริหารตามเวลานัดหมาย เพื่อความสำเร็จในอนาคต ฉันจำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อบังคับของผู้ชายบ้าอำนาจอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยง “นี่คุณ... แกล้งผมหรือเปล่า” มาร์คขมวดคิ้วไม่พอใจ เมื่อฉันยื่นกระเป๋าเก็บความร้อนสีชมพูลายดอกส่งให้เขา “คุณเอาอันนี้ก็ได้นะคะ ของข้างในเหมือนกันทุกอย่าง” ฉันชูสัมภาระที่อยู่ในมือข้างขวาขึ้นมาอวด แอบแสยะยิ้มในใจ ที่ได้เห็นมาร์คมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถึงแม้จะเป็นเพียงความรู้สึกสะใจเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ยังดีกว่าโดนเขากดขี่ห่มเหงอยู่ฝ่ายเดียว “ลายเป็ดน้อยสีเหลือง ?” เขาถอนหายใจ ยอมรับเอาไว้อย่างหมดทางเลือก น่าเสียดายที่ฝ่ายแพทเทิร์นกับฝ่ายดีไซเนอร์แยกกันอยู่คนละชั้น ฉันเลยอดเห็นท่าทางหลบๆ ซ่อนๆ ของมาร์คตอนที่หยิบกล่องเบนโตะออกมาจากกระเป๋าเก็บความร้อนสีสันสดใส “ถ้าคุณหาเรื่องแกล้งผมอีก ผมจะให้คุณกินแซนด์วิชเป็นมื้อเที่ยงทั้งเดือน” “หากคุณเป็นคนจ่าย ฉันก็ยินดี... กินข้าวกลางวันให้อร่อยนะคะ” ฉันยิ้มหวานให้มาร์คแบบที่ไม่ต้องฝืนความรู้สึกเลยสักนิด ก่อนจะหันหลังให้เขาและเดินตรงไปที่ประตูทางเข้าด้านหลังอาคารสำนักงาน ใครบ้างจะไม่อารมณ์ดีที่ได้รับค่าจ้างให้ทำเบนโตะ 19 มื้อในราคา 2,000 ยูโร แพงกว่าค่าแรงขั้นต่ำตั้ง 500€ ยอดเงินที่มาร์คโอนเข้าบัญชีธนาคารของฉันยังคงเหลือเท่าเดิม เพราะฉันใช้ซอสเพสโต้ฝีมือปะป๊าเป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหาร ส่วนเส้นพาสต้า กล่องเบนโตะกับกระเป๋าเก็บความร้อนก็เป็นของที่เอามาจากบ้าน ฉันวางแผนว่าวันต่อไปจะทำมะกะโรนีใส่ซอสโบโลเนส ผัดไทยกุ้ง และข้าวมันไก่ รายการอาหารของสัปดาห์นี้ ใช้วัตถุดิบที่อยู่ในตู้เย็นทั้งนั้นเลย กำไรเนื้อ ๆ ฮ่า ฮ่า... ฉันสามารถก้าวข้ามอุปสรรคระหว่างการฝึกงานในวันที่สองไปได้ อลิเซียรู้สึกพึงพอใจกับผลงานชิ้นแรกของฉันและฟานนี่มากทีเดียว เราทั้งคู่สอบผ่านการประเมินตามโจทย์ที่บังคับ งานชิ้นที่สองคือการทำแพทเทิร์นตามตัวอย่างดีไซน์เสื้อผ้าแฟชั่นที่กำหนด โดยมีเวลาให้สามวัน โจทย์ข้อนี้เป็นเรื่องหมูๆ สำหรับฟานนี่ซึ่งเติบโตมาจากครอบครัวที่ใช้นามสกุลเดียวกับเจ้าของบริษัทอิรอนเดล เธอทำงานสำเร็จในช่วงบ่ายวันที่สอง ตรงข้ามกับฉันที่หอบกระดาษแพทเทิร์นไปส่งให้อลิเซียภายในเวลาที่ฉิวเฉียด “งานเรียบร้อยใช้ได้ ถ้าเธอทำเวลาให้เร็วกว่านี้สักหน่อย จะดีมาก” “ฉันจะพยายามให้มากขึ้นค่ะ” ฉันน้อมรับคำวิจารณ์ หลังเลิกงาน รู้สึกเหนื่อยล้าเหมือนร่างกายถูกสูบพลังออกไปจนหมด ฉันนั่งพิงเบาะอย่างอ่อนแรง ไม่เคยอยากกลับบ้านไปนอนพักผ่อนมากเท่าวันนี้ มันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงชีวิตวัยเด็กที่มีแต่ความสุขสบาย รสชาติชีวิตของการเป็นผู้ใหญ่ไม่สนุกอย่างที่คิด ฉันตั้งสมาธิก่อนจะขับรถ ทว่าหมุนกุญแจอยู่หลายรอบ เครื่องยนตร์ก็ยังสตาร์ทไม่ติด...งานเข้าอีกแล้ว ! ฉันฟุบหน้าลงบนพวงมาลัยอย่างหมดอาลัยตายอยาก กระทั่งได้ยินเสียงคนข้างนอกเคาะกระจกเรียก ฉันจำเป็นต้องเปิดประตูลงจากรถ เพราะอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระบบออโตเมติกภายในห้องผู้โดยสารใช้งานไม่ได้ “คะ ? ” ฉันเอ่ยสั้นๆ รู้สึกอ่อนเพลียจนไม่อยากเปล่งเสียง “ผมมีของจะให้คุณ” มาร์คยกถุงช็อปปิ้งขึ้นมาอวด ข้างในคือกระเป๋าเก็บความร้อนลายเป็ดน้อยสีเหลืองใบเดิมที่ฉันใช้ใส่เบนโตะส่งให้เขาทุกเช้า มีของใหม่อีก 2ใบเป็นสีน้ำเงินกรมท่ากับสีฟ้าเทา และกล่องเบนโตะแบบครบชุด พันธะสัญญาอาหารกลางวัน สลายบรรยากาศมึนตึงระหว่างเราสองคนได้อย่างหมดจด “ขอบคุณค่ะ” ฉันยื่นมือออกไปรับของเหมือนหุ่นยนต์ใกล้หมดพลังงาน “มีอะไรหรือเปล่า” เขาเลิกคิ้ว มองฉันด้วยสายตาช่างสังเกต “ค่ะ ฉันมีปัญหา” “คุณมีปัญหากับใคร” เขาลดเสียงลง เห็นได้ชัดว่าสนอกสนใจ “กับรถค่ะ” “ขอผมเช็คดูรถคุณหน่อย” ฉันปล่อยให้มาร์คตรวจสอบสภาพภายในและภายนอกรถยนตร์จนกระทั่งเขายอมแพ้ไปเอง ท้ายที่สุดก็ต้องเรียกใช้บริการจากช่างผู้ชำนาญงาน “ใกล้ค่ำแล้ว เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณ” มาร์คถือถุงช็อปปิ้งเดินนำหน้า เขารู้ว่าฉันไม่มีทางปฏิเสธความช่วยเหลือครั้งนี้อย่างแน่นอน เพราะฉันจำเป็นต้องประหยัดเงินเอาไว้จ่ายค่าซ่อมรถ เขายืนยิ้มแฉ่ง รอเปิดประตูให้ฉันเข้าไปนั่ง “ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มตอบแบบจืดชืด ไม่มีอารมณ์เริงรื่นกับความหรูหราภายในรถสปอร์ตคันใหม่ของเขา สมองกำลังครุ่นคิดเรื่องภาระค่าใช้จ่ายที่จะต้องรับผิดชอบ “อะพาร์ตเมนต์คุณอยู่แถวไหน” “ตรงร้านขายยา ถนนเซียร์โรสค่ะ” ฉันตอบเสียงเบา แปลกดีที่เขาขับรถมาตั้งไกล แต่เพิ่งจะถามไถ่ถึงจุดหมาย แถมยังขับรถมาถูกเส้นทางอีกด้วย ฉันจะรอดู...ถนนสายนี้ ไม่ได้มีร้านขายยาแห่งเดียว “คุณอยากจะแวะทำธุระที่ไหนก่อนหรือเปล่าครับ” “ไม่ค่ะ” ฉันจ้องมองมือที่ประสานกันอยู่บนตัก ทว่าก็รับรู้ได้ถึงสายตาอ่อนโยนของมาร์ค ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบ ฉันเริ่มไตร่ตรองเรื่องราวระหว่างเราสองคน ความรู้สึกโหยหาอันทรมานหวานล้ำที่สุมแน่นภายในอก กระตุ้นให้ฉันระลึกถึงความทรงจำดีๆ ช่วงที่เราเริ่มคบหาดูใจ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของมาร์คทำให้โลกทั้งใบสว่างไสว เมื่อไหร่ที่ได้ยินเพลงรักที่เราเคยฟังด้วยกัน ฉันก็นั่งอมยิ้มได้ทั้งวัน ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นสีชมพูไปหมด จนกระทั่งฉันจับได้ว่ามาร์คมีผู้หญิงอื่น...นั่นคือหนแรกที่ฉันเห็นเขามีท่าทางร้อนรนกระวนกระวาย และในคืนที่ฉันไปเที่ยวบาร์กับเพื่อนๆ ครั้งล่าสุด ฉันก็ได้เห็นสีหน้าเดือดดาลของเขา เวลาผ่านไปประมาณห้านาที มาร์คหมุนพวงมาลัย เลี้ยวรถเข้าสู่ลานจอดบริเวณด้านหน้าอาคาร ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดูคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง เหมือนคนที่คุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี “ทำไมคุณต้องแกล้งถาม ทั้งที่รู้ว่าอะพาร์ตเมนต์ของฉันอยู่ตรงไหน” “นั่นสิ” เขายอมรับ อย่างจำนนต่อหลักฐาน “แล้วคุณรู้ได้ยังไงคะ” “คืนนั้น...ผมแอบขับรถตามคุณ ตั้งแต่คุณออกจากบาร์ ถ้าคุณไม่ได้ลงมาจากรถแท็กซี่แค่คนเดียว ป่านนี้ผมคงจะนอนอยู่ในคุก” มีเสียงถอนหายใจเฮือก คุณจะทำเรื่องสิ้นคิดแบบนั้นไปเพื่ออะไร ?...ฉันกลืนคำพูด สถานะของฉันทำได้เพียงต่อว่าเขาในใจ “ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” มาร์คเอื้อมมือมาจับแขนฉันไว้ “ให้ผมถือของขึ้นไปส่งนะ” “ค่ะ” ฉันพยักหน้าอย่างสับสนงุนงง ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไม ไม่ตอบปฏิเสธ ทั้งที่เมื่อก่อนฉันไม่กล้าบอกชื่อที่อยู่ของอะพาร์ตเมนต์ให้เขารู้ด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะว่า ความคิดกลัดกลุ้มต่างๆ นาๆ กำลังเกาะกินจิตใจ มาร์คออกอาการตื่นเต้นที่ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่แสนธรรมดาของวัยรุ่นเริ่มสร้างตัว โชคดี(หรือเปล่านะ)ที่ฉันไม่มีสมบัติพัสถานมากมาย ภายในห้องรับแขกและห้องครัวเป็นพื้นที่เปิดโล่งติดกับประตูทางออกไปสู่ระเบียง ไม่มีสิ่งของเกะกะเกินความจำเป็นที่สร้างความรำคาญให้แก่สายตาแขกผู้มาเยือน “ดื่มชาไหมคะ” “ดื่มครับ” ที่พักของฉันใกล้เคียงกับคำว่าว่างเปล่า ถ้าอยากได้น้ำร้อนชงชาปริมาณครึ่งลิตรแบบเร่งด่วน ฉันต้องใช้ตู้อบไมโครเวฟเป็นตัวช่วย ฉันเคยซื้อกาต้มน้ำร้อนมาจากร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิคมือสอง แต่ก็ได้สินค้าที่คุณภาพไม่ทนไม้ทนมือผู้หญิงซุ่มซ่าม ฉันยกถาดสำรับที่มี ถ้วยน้ำชา 2 ใบซึ่งดูไม่เข้าชุดกัน กับจานคริสตัลใส่คุกกี้เนยสดฝีมือแม่ และขวดโหลเซรามิคบรรจุถุงชากลิ่นรสต่างๆ มาวางบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา “มีชามะลิที่คุณชอบด้วยนะคะ” “คุณยังจำได้” มาร์คอมยิ้ม “เอ่อ...ค่ะ” ฉันนึกอยากจะเขกกะโหลกตัวเองแรงๆ ทำไมถึงจดจำเรื่องไร้สาระ แต่ดันลืมเรื่องสำคัญที่ไม่ควรจะลืม อย่างเช่น...คนรักตัวจริงของมาร์ค ชื่อว่า โซฟี “แฟนคุณเป็นยังไงบ้างคะ ฉันรู้มาว่า คุณสองคนขับรถชนกันบนมอเตอร์เวย์” ฉันกัดริมฝีปากล่าง อืม...คำถามฟังดูเหมือนเด็กขี้อิจฉาเกินไปหรือเปล่านะ ? อันที่จริงฉันควรจะสำนึกในความไม่เอาไหนเรื่องการเริ่มต้นหัวข้อสนทนาของตัวเอง และตอบปฏิเสธเขาไปตั้งแต่แรก “อารยา...ผม...” ความร้าวรานในน้ำเสียงของมาร์คทำให้ฉันนึกอยากรู้ขึ้นมา ฉันเงยหน้าและมองสบตากับเขาอย่างลืมตัว นัยน์ตาสีฟ้าที่เคยสดใสคู่นั้นหม่นเทา เขาเสยผมไปด้านหลัง ท่าทางเหมือนคนคิดไม่ตกและเป็นกังวล “ทำไมหรือคะ” ทำไมสีหน้าเขาเคร่งเครียด ? ฉันรู้สึกใจหายวาบ หรือว่า...โซฟีจะ...ไม่รอด...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม