บทที่๓
อัญมณีเก็บภาพคนตายในที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพตำรวจและเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักรวมถึงตั้มเพื่อนร่วมงาน หลังสัมภาษณ์เสร็จตั้มก็เดินมาหาเพื่อกลับสถานี
“แปลก” ตั้มเปรยขึ้น
“แปลกยังไงคะ” อัญมณีรีบถามทันที
“นี่เป็นฆาตกรรมคนเร่ร่อนรายที่สามแล้ว”
“ฆาตกรรม ไม่ใช่ฆ่าตัวตาย”
“อือ ไม่ใช่ฆ่าตัวตายหรอก”
“รู้ได้ยังไง ก็เห็นอยู่ว่ามือเขากำปืนไว้” อัญมณีสงสัย
เพราะคนตายในวันนี้เป็นชายสูงวัยแต่งตัวภูมิฐานไม่เหมือนคนเร่ร่อน สภาพนั่งพิงกำแพงเก่าๆ ของบ้านร้างมือกำปืนสั้น ตรงขมับมีรูกระสุนและเลือดที่ไหลย้อยเป็นทางเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า รอบบริเวณไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ใครเห็นก็ต้องคิดว่ายิงตัวตาย
ตั้มยังไม่ทันพูดอะไรเสียงกระแอมดักคอก็ดังขึ้น ทั้งสองรีบหันไปจึงเห็นชลทิศเดินใกล้เข้ามา
“เอาไว้ฟังตำรวจแถลงตอนจับคนร้ายได้ก็แล้วกัน” ตั้มตัดบทเสียดื้อๆ แล้วยิ้มให้คนที่เดินมาหยุดตรงหน้า
“งานศพเรียบร้อยดีนะครับ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปเผา”
“เรียบร้อยดีครับ แค่ไปร่วมงานก็ถือว่าเป็นเกียรติแล้วครับ ดีกว่าคนบางคนที่เป็นต้นเหตุยังไม่ไปดูดำดูดีเลย”
อัญมณีรู้ว่าถูกกระทบ แต่หล่อนไม่สะเทือนเพราะหล่อนไม่ใช่คนที่เขาคิด และอีกอย่างคนทำผิดก็รับโทษอยู่ในคุกแล้ว แม้จะไม่รู้ข่าวคราวความคืบหน้าของคดีนี้เลย เพราะญาติต้องการเก็บเป็นความลับเนื่องจากอับอาย ข่าวจึงเงียบไปพร้อมการเผาร่างของดวงดาว หล่อนเชิดหน้าใส่เขาอีกครั้งแล้วหันไปพูดกับตั้ม
“กลับกันเถอะ”
“ความลับไม่มีในโลก แต่บางเรื่องก็ควรเก็บเป็นความลับไว้ก่อนจะเสียรูปคดีนะคุณตั้ม” เขาพูดกับตั้มแต่จ้องอัญมณี แล้วก็เดินจากไป
“อะไรของหมอบ้านี่” หล่อนไม่ได้พูดเสียงเบา และหมอบ้าของหล่อนก็หันมามอง แถมยักคิ้วกวนประสาทอีก จนหล่อนต้องหันไปจิกตาใส่เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆแทน
“อ้าว! ไม่เกี่ยวนะ ไปกลับ” ตั้มรีบออกตัวแล้วเดินนำไปที่รถ
วันนี้ทั้งคู่มากับรถของสถานีและต้องกลับไปเสนอข่าว งานของทั้งสองอยู่ในส่วนของการเสนอข่าวสารผ่านเว็บไซต์ของสถานี ไม่ใช่ถ่ายทอดสดอย่างทันท่วงทีเหมือนที่เสนอข่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ พวกเขามีเวลากลั่นกรองเนื้อข่าวและรูปภาพที่เหมาะสมก่อนนำเผยแพร่
ระหว่างทางอัญมณีดูรูปที่ถ่ายมาทีละรูปอย่างพินิจเพราะคำว่าฆาตกรรมจากปากตั้มยังคาใจอยู่ และเริ่มเห็นสิ่งผิดปกติจนหล่อนพูดเสียงตื่นเต้น
“รู้แล้วๆ”
“รู้อะไร มานี่” ตั้มที่ทำหน้าที่ขับรถถามขึ้นทันควัน
“ก็รู้แล้วไงว่าทำไมถึงรู้ว่าคนตายเป็นคนเร่ร่อน นี่” หล่อนชี้ให้ดูจุดผิดปกติของรูปพร้อมสาธยาย คนตายแต่งตัวภูมิฐานทว่าไม่สวมรองเท้าหรือมีรองเท้าตกอยู่ในบริเวณนั้น ขาและเท้ามีคราบไคลตามซอกเล็บก็มีเศษดินติดอยู่ ซอกเล็บมือก็เช่นกัน เสื้อผ้าที่สวมดูสะอาดเหมือนเพิ่งผ่านการใช้งานมาไม่นานแล้วยังไปยิงตัวตายในบ้านร้างอีกซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้
“เก่งนี่” ตั้มชม เพราะอัญมณีวิเคราะห์เหมือนที่ชลทิศบอกเขาคร่าวๆ จะให้แน่ชัดต้องนำศพไปผ่าพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง แต่นับว่าคนลงมือนั้นรอบคอบพอสมควรเพราะไม่มีร่องรอยการลากของหนักเข้ามาในบ้าน ไม่มีรอยเท้าแปลกปลอม ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ จึงถือเป็นฆาตกรรมที่ซ่อนเงื่อนพอสมควร
“แต่อย่างที่หมอชลบอก มันเป็นความลับ มานี่อย่าเอาไปพูดให้ใครฟังนะ เดี๋ยวจะเสียรูปคดี”
“เห็นนี่เป็นคนปากโป้งหรือยังไง” หล่อนค้อนให้เขาวงโต แล้วพานเคืองไปถึงคนที่ตั้มเอ่ยถึง