น้ำเสียงที่พยายามข่มให้ปกติที่สุด ดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูป ดวงยิหวาลอบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดจนปิดไม่มิดของบุรุษตรงหน้าด้วยความอับอาย
เมื่อได้ยินว่าผู้ชายหน้าตาดีตรงหน้าคือพี่ชายของลักษกร นารีก็รีบยิ้มตอบให้ทันที น้ำเสียงและกิริยาผิดแผกไปจากเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนไปจนผู้เป็นหลานสาวตามไม่ทันเลยทีเดียว
“น้าไม่ยักรู้นะว่าพ่อลูกเขยมีพี่ชายด้วย งั้นเรามาตกลงกันดีกว่าว่าจะจัดงานเมื่อไหร่ สินสอดมากน้อยเพียงใด”
มาร์คัสแสยะยิ้มจ้องหน้านารี ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองดวงยิหวาที่ตอนนี้ยืนพิงกับพนักเก้าอี้นิ่ง ใบหน้างามฉายชัดถึงความเศร้าหมอง เรียวปากอิ่มที่เขาอยากจะมอบจุมพิตให้ตั้งแต่แรกเจอนั้นเม้มเข้าหากันแน่น เรือนร่างอรชรที่ซ่อนอยู่ในชุดที่แทบจะปกปิดความอวบอัดของวัยสาวไม่มิดสั่นสะท้านจนเขาอดเวทนาไม่ได้
ชายหนุ่มไล่สายตาไปตามใบหน้างามที่ตกแต่งมาด้วยเครื่องสำอางนั้นด้วยความขยะแขยง หล่อนมีดีก็แค่สวยนั่นแหละ ข้างในนั้นเน่าเฟะจนแทบจะใช้การไม่ได้อยู่แล้ว
มาร์คัสขบกรามแกร่งแน่น ความอิจฉาแล่นเข้าไปฝังรากลึกในหัวใจโดยไม่รู้ตัว ขณะที่สายตาเคลื่อนต่ำลงไปหยุดที่หัวไหล่ขาวเนียนเปลือยเปล่า รอยยิ้มหยันปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อคิดไปถึงฝ่ามือของลักษกรที่เคยลูบไล้มันมาแล้ว แล้วไหนจะเจ้าทรวงอกอวบอิ่มที่แทบจะทะลักออกมาจากเดรสเกาะอกตัวนั้น
ไฟร้อน ๆ ลามเลียไปทั่วทั้งร่างจนแทบจะทนสะกดกลั้นความเดือดดาลเอาไว้ไม่อยู่
ทำไมความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเนิ่นนานแล้ว มันเริ่มปะทุขึ้นมา
แม้หล่อนจะได้ชื่อว่าเป็น เมีย ของน้องชายก็ตาม
“ไม่มีว่าที่ลูกเขยอะไรทั้งนั้น ผมไม่มีวันยอมให้น้องชายของผมแต่งงานกับผู้หญิงชั้นต่ำแบบหลานสาวของคุณเด็ดขาด” เขาพูดกับนารี ก่อนจะเลื่อนสายตาไปจ้องมองใบหน้าของดวงยิหวาด้วยสายตาของเพชฌฆาตตัวร้าย
คำดูถูกของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกคล้ายกับตัวเองเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง สัตว์ที่ทุกคนต่างพากันรังเกียจ
“ผมให้คุณสิบล้าน เพื่อแลกกับรูปภาพของลักษกร ที่กำลัง...”
เขาละไว้ในฐานที่คิดว่าสองสาวต่างวัยจอมหลอกลวงจะเข้าใจ นารีแสยะยิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่า ผิดกับดวงยิหวาที่แทบจะเอาหน้ามุดลงดินด้วยความอับอาย
พวกเขาห้ำหั่นใส่กันด้วยความต้องการเอาชนะ แต่มีใครคิดถึงหล่อนบ้าง ตอนนี้ศักดิ์ศรีของหล่อนกำลังละลายหายไปต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดที่ถูกขว้างไปขว้างมาราวกับเศษขยะกำลังจะทำให้สาวน้อยกระอักเลือด
“ฉันไม่ได้ต้องการแค่สิบล้าน แต่ฉันต้องการเป็นส่วนหนึ่งของอัครพรชัย...”
นารีหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะต้องหุบยิ้มทันควันเมื่อได้ฟังคำพูดเย็นราวกับน้ำแข็งของผู้ชายที่ท่าทางดุร้ายตรงหน้า
“คุณต้องการมากไปแล้ว...” เขาลากเสียงเย็น
“และบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าผมมีเพื่อนเป็นทนายเก่ง ๆ หลายคน ถ้าคุณตุกติกมากนักล่ะก็ ผมก็จะใช้ไม้แข็งกับคุณ”
อุ้งมือซาตานของมาร์คัสกางออก เล็บแหลมคมของเขาเตรียมพร้อมจะขยี้เหยื่อให้แหลกคามือ หากพวกหล่อนเรียกร้องมากเกินไป
“คุณจะขู่ฉันใช่ไหม ก็เอาสิ อยากรู้นักว่าหากเรื่องมันแดงไป ใครจะเดือดร้อนมากกว่ากัน”
นารีท้าเสียงแหลมเหมือนเสียงของปีศาจ ไม่สนใจสักนิดว่าตอนนี้ดวงยิหวาจะอยากมีลมหายใจอยู่อีกหรือไม่
“น้ารีค่ะ ยิหวาว่าเรากลับ...” ความอับอายแพร่กระจายอยู่ในกระแสเลือดราวกับเชื้อโรคน่ารังเกียจ
หญิงสาวพยายามกลืนก้อนสะอื้นแห่งความน่าบัดสีลงคอ แต่มันช่างดื้อแพ่งเหลือเกิน เพราะไม่ช้าเสียงสะอึกสะอื้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับเขื่อนพินาศก็หลุดรอดออกมา จนนารีต้องหันมาตวาดเสียงดังลั่นด้วยความไม่พอใจ
“หุบปากไปเลย นั่งเฉย ๆ อย่ามาทำสำออยตอนนี้ได้ไหม” นารีหันไปตวาดอย่างเกรี้ยวกราดใส่หลานสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
ชายหนุ่มหรี่ตามองสาวน้อยตรงหน้าที่เขารู้แค่ว่าหล่อนชื่อดวงยิหวาด้วยความเคลือบแคลงใจ ความผิดปกติบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นเป็นเงาทะมึน
“ดูเหมือนว่าหลานสาวของคุณจะยินดีมากเลยนะ ถึงได้ร้องไห้เป็นเผาเต่าอย่างนั้น”
มาร์คัสหย่อนระเบิดที่จุดชนวนแล้ว วางไว้ตรงหน้านารี ชายหนุ่มแสยะยิ้มด้วยชั้นเชิงของราชสีห์
นารีหันขวับไปมองหลานสาวที่ยืนโงนเงน ปล่อยโฮอยู่ข้าง ๆ ด้วยความโมโห ก่อนจะจิกเล็บลงบนต้นแขนของดวงยิหวาอย่างแรง
“ถ้าแกทำฉันเสียแผนนะ รับรองฉันจะเอาน้องแกไปขายในซ่องแน่ นังหลานระยำ” กัดฟันพูดกระซิบกระซาบเสียงเบา
ดวงยิหวาไม่มีทางเลือกแค่นารีขู่เรื่องน้องสาวเท่านั้น หล่อนก็กลัวจนลนลานเสียแล้ว หญิงสาวจำใจต้องนิ่งเฉยให้นารีต่อรองกับผู้ชายที่แสนจะร้ายกาจอย่างมาร์คัสต่อไปอย่างไม่มีทางเลือก
แม้ร่างกายมันจะเป็นของหล่อน แต่ชะตาชีวิตลิขิตมาแล้วว่า หล่อนต้องตกเป็นเครื่องมือของนารีต่อไป
“โธ่ ๆ ๆ ยิหวา หลานอย่าร้องไห้เสียใจไปเลยนะ ยังไงน้าก็ต้องทำทุกอย่างให้เขารับผิดชอบหนูให้ได้ น้ารู้ว่าหลานเสียใจที่เสียตัวครั้งแรกให้กับเขา”
ดวงยิหวาแทบจะอาเจียนออกมากับคำพูดหวานหูของนารี เพราะมันไม่ได้มีความจริงใจแม้แต่น้อย มันเต็มไปด้วยความหลอกลวงต่างหาก
“ลักษกรกำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้นของเขา ดังนั้นเรื่องการแต่งงานระหว่างหลานสาวของคุณกับลักษกรจึงเป็นไปไม่ได้” มาร์คัสกล่าวเสียงราบเรียบ เขาทำเหมือนกับว่าการเจรจาที่น่าบัดสีนี้คือการเจรจาธุรกิจที่แสนธรรมดา
“ผมว่าคุณเอาเงินไปดีกว่า” ชายหนุ่มเสนอทางเลือก
นารีแสยะยิ้ม “ร้อยล้าน ให้ฉันได้หรือเปล่าล่ะ”
คิ้วเข้มสีถ่านเลิกขึ้น ก่อนที่ดวงตาสีนิลจะตวัดขวับจ้องมองหญิงวัยกลางคนที่หน้าเลือดยิ่งกว่าปลิงอย่างรังเกียจ
“ค่าตัวหลานสาวของคุณแพงเวอร์ไปหน่อยนะ ผมว่าหากหักค่าเสื่อมบวก ค่าสึกหรอที่เกิดจากการใช้งานนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนี่ พันหนึ่งก็ถือว่ามากเกินไปแล้ว”
คำพูดที่แสนจะเหยียดหยามของมาร์คัสทำให้ดวงยิหวาหน้าชาดิก ค่าความเป็นคนถูกเขาถล่มด้วยฝ่าเท้าจนย่อยยับติดดิน หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง ขณะจ้องหน้าเขาอย่างตัดพ้อ
“หรือถ้าให้พูดแบบภาษาผู้ชายล่ะก็ ให้ฟรี ๆ ผมยังไม่เอาเลย!”