ขยี้รัก มาเฟีย : 01/1
@งานเลี้ยง 20.00น.
ตึกตึก ตึกตึก..
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นกระเบื้องหรู ที่เกิดจาก พริบพราว สาวสวยสุดเซ็กซี่ที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีขาว เธอเดินตรงเข้ามาในงานเลี้ยงสุดหรูด้วยเรือนร่างอรชรผิวขาวละเอียด มาพร้อมกับหน้าอกอวบใหญ่ที่แทบจะล้นออกมาจากชุดราตรีเกาะอกตัวสวยที่รับกับเอวคอดกิ่วและสะโพกผายบวกกับบั้นท้ายงอนงามที่มันเด้งขึ้นลงตามจังหวะที่ก้าวเดิน จนเรียกสายตาบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ นักธุรกิจไฮโซชื่อดังได้เป็นอย่างดี
“ (*u*) ” พริบพราวยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยที่วันนี้เธอตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าบรรดาผู้ชายและหญิงสาวเพราะด้วยความสวยของเธอ โดยในทุกจังหวะก้าวเดินของเธอ พริบพราวจะแอบเบะปากใส่หญิงสาวคนอื่นๆ ที่มองเธอกลับมาด้วยสายตาที่ริษยาอย่างเหนือกว่า
“อยู่ไหนนะ?” ทันทีที่เข้ามาในงานเลี้ยงเธอก็สอดส่ายสายตามองไปทั่วในงานเพื่อหาคนสำคัญ ก่อนที่ตาคู่สวยจะสะดุดและพบคนที่นัดหมายเธอไว้ และตัดสินใจเดินนวยนาดเขาไปหาบุคคลนั้นทันที
“สวัสดีค่ะคุณแม่” พริบพราวพนมมือขึ้นไหว้เรียกผกาผู้เป็นแม่ของเธออย่างมีจริต
“เฮ้อ....มาได้สักทีนะตัวแสบ ฉันก็ลุ้นจะแย่กลัวว่าแกจะไม่มาอีก” ผกาอุทานออกมาอย่างโล่งอก ที่ลูกสาวคนเดียวของเธอเดินทางมาถึงงานเลี้ยงตามที่นัดหมายไว้สักที
“ต้องมาสิคะคุณแม่~ ระดับพริบพราวแล้วคำไหนคำนั้น!”
“จ้า!....ลูกรัก ลูกเทวดาของแม่!”
“ค่ะ~” พริบพราวเอ่ยตอบผกาด้วยน้ำเสียงสดใส โดยไม่สนใจสายตาเอือมระอาของผู้เป็นแม่ที่กำลังมองสำรวจตัวเธอเลย
“แล้วนี่แกเป็นอะไร นอนตกหมอนเหรอ..ทำไมเชิดคอสูงขนาดนั้น” ผกามองลูกสาวตัวเองที่เชิดปลายคางขึ้นสูงและเผยอปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมส่งสายตายั่วยวนอย่างมีจริตไปรอบๆ ข้างอย่างลอยหน้าลอยตา
“อือแม๊!...นี่หนูกำลังเชิดใบหน้าโชว์ความสวยให้ทุกคนในงานเห็นอยู่นะ”
“ฮ่าๆ จริงดิ! ใครสอนแกเนี่ยว่าทำท่าแบบนี้แล้วสวย ฉันก็นึกว่าเส้นเอ็นที่คอแกยึด ฮ่าๆ ”
“แม่! อย่าหัวเราะเสียงดังไปสิคะ นี่มันเส้นยงเส้นยึดอะไรกัน แม่นี่ขัดจังหวะหนูจริงๆ ไม่เข้าใจวิธีการโปรยเสน่ห์ของหนูเลย ชิ!”
พริบพราว Talk…
ฉันชื่อพริบพราวค่ะ! เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณอำนาจ และคุณผกานักธุรกิจระดับกลางๆ ของประเทศ ที่สวยแซ่บที่สุดในสามโลก เพราะว่าบรรดาลูกสาวนักธุรกิจคนอื่นๆ ที่ผลิตออกมาก็มีแต่ใบหน้าที่จืดๆ และทำตัวเฉยๆ บางคนก็ทำตัวใสๆ จนฉันล่ะหมั่นไส้ นี่เลยเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครเหมาะที่จะเป็นเพื่อนฉันเลยสักคน
ฉะนั้นฉันเลยเบื่อที่จะต้องเข้างานสังคมแบบนี้ เลยแอบเบี้ยวนัดคุณแม่อยู่บ่อยๆ แต่ที่เบื่อที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นกับพวกชอบแอ็บ ครันสายตาฉันก็ไปปะทะกับนางเชอรี่ รากไม้ (นี่ฉันแอบตั้งนามสกุลให้มันเองT.T เพราะฉันไม่ชอบมันมากที่สุด) เพราะนางคือไม้เบื่อไม้เมาของฉัน และครอบครัวของเราก็ไม่ถูกกัน เพราะพ่อนางและพ่อฉันเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันอีก
ฉันเบะปากใส่นางเชอรี่รัวๆ เมื่อมันส่งยิ้มอ่อนให้ฉันอย่างผู้มีชัยชนะ เพราะว่าวันนี้มันมีผู้ชายคนใหม่มายืนข้างกายควงแขนแนบชิดในงานอีกแล้ว ซึ่งฉันจะต้องพยายามข่มอารมณ์ความอิจฉานี้ไว้ถึงแม้ว่าภายในใจมันจะร้องดั่งไฟสุมทรวงก็ตาม
“พราว!...นี่แกคิดอะไรอยู่” เสียงผกาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นความผิดปกติของลูกสาว
“.....” พริบพราวไม่สนใจเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ เธอยังคงสายตาเคียดแค้นไปยังเชอรี่โดยที่ทั้งคู่กำลังปะทะสายตากันดั่งละครหลังข่าว
“ยัยพราว!!” ผกาเอ่ยเรียกชื่อลูกสาวเสียงดังอีกครั้ง
“อะไรอีก แม๊!!”
“พอเลย! แกหยุดคิดจินตนาการเป็นละครหลังข่าวเลยนะ”
“แม่นี้รู้ทันหนูจริง! หนูจะไม่ให้อภัยแม่20เปอร์เซ็นต์!”
“ไม่ให้อภัย20เปอร์เซ็นต์อะไรของแก นี่ฉันแม่แกนะ!”
“เชอะ! หนูล่ะไม่เข้าใจจริงๆ เลยนะ นี่หนูทั้งสวยแซ่บแบบขนาดนี้ทำไมผู้ชายดีๆ ถึงไม่ตกถึงท้องเลยสักคน นี่พรหมจรรย์ของหนูหยากไย่จะขึ้นแล้วนะแม่ เฮ้อ...หนูอยากให้ใครสักคนมาช่วยแง้มมันออกมาสักที T-T”
“ว๊ายย! นี่แกพูดอะไรเนี่ย พูดจาน่าเกลียดมาก หยุดพูดและหยุดคิดแบบนี้เลยนะยัยพราว!”
“โอ๊ย! เจ็บนะแม่ งื้อ!!หนูจะไม่ให้อภัยแม่100เปอร์เซ็นต์” พริบพราวร้องโอดครวญเมื่อผกาหยิกเข้ามาที่ต้นแขนอย่างแรง
“อะไรกัน!” เสียงทุ้มตะโกนจากด้านหลังของสองแม่ลูก จึงทำให้สงครามย่อมๆ นั่นยุติลงไป
“คุณพ่อ~” พริบพราวรีบเดินเข้าไปสวมกอดแขนใหญ่ของอำนาจผู้เป็นพ่อของเธออย่างออดอ้อน
“ไม่มีอะไรค่ะคุณ” ผกาเอ่ยตอบสามีตัวเองอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะหันไปมองลูกสาวอย่างคาดโทษ
“เหรอ...”
“ค่ะคุณพ่อ พราวกับคุณแม่แค่หยอกล้อกันนิดหน่อยค่ะ” พริบพราวรีบเอ่ยเสริมทัพ จนอำนาจต้องก้มใบหน้าลงมามองที่ลูกสาว
“พ่อว่าวันนี้ เราแต่งตัวโป๊ไปหน่อยนะ”
“งื้อ...พราวว่าไม่โป๊เลยนะคะ นี่คอลเลกชั่นใหม่เลยนะเหมาะกับสาวแซ่บอย่างพราวที่สุด”
“เฮ้อ...งั้นต่อไปก็เลือกเสื้อผ้าก็ให้มันดีๆ หน่อยนะ และก็เบาๆ ลงหน่อย..ความแซ่บ!”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวผิดคอนเซ็ปต์สาวแซ่บที่สุดในสามโลก”
“พริบพราว!”
“โอเคค่ะ งานหน้าพราวจะเบาๆ” พริบพราวรีบตอบกลับทันควันเมื่ออำนาจเรียกชื่อเต็มเธอด้วยเสียงที่เข้มขึ้น ‘เพราะนั้นหมายความว่าฉัน...กำลังพูดมากไปแล้ว..’