ตอนที่ 37 - 1 ผู้บงการยังคงลอยนวล

1696 คำ
“ฮูหยินผู้เฒ่า ผู้น้อยคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับท่านโดยตรง ผู้น้อยจึงอยากให้ท่านเป็นผู้ตัดสินโทษของพวกเขาเอง ส่วนผู้น้อยนั้นจะขอเป็นพยานให้ เช่นนี้ท่านว่าดีหรือไม่” เยว่อู๋ชางรู้ดีว่าตระกูลซิ่วคงจะไม่ปล่อยให้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ภายในตระกูลในวันนี้หลุดรอดไปให้คนนอกได้ยิน และเพราะเขาเป็นคนซื่อตรง หากให้เขาเป็นผู้ลงโทษ มีหรือจะมีผู้ใดหนีพ้นความตายไปได้ แม้นฮูหยินผู้เฒ่าจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ใช่ว่าสตรีทั้งสองที่คิดร้ายต่อนางจะไม่กลับมาคิดเข่นฆ่านางอีก การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมย่อมดีกว่า “ขอบน้ำใจท่านหัวหน้ามือปราบในวันนี้มาก เรื่องลงโทษพวกนาง…ท่านวางใจ ข้าจะเป็นผู้ตัดสินเอง” “ท่านย่า…โปรดเมตตาท่านแม่ด้วยเถิดขอรับ หลานรู้ว่าสิ่งที่ท่านแม่กระทำลงไปเป็นสิ่งที่ผิดอย่างใหญ่หลวง แต่ได้โปรดไว้ชีวิตของท่านแม่ด้วย ถึงเยี่ยงไรแล้วนางก็เป็นแม่ของพวกข้า” ซิ่วหวงรีบคุกเข่าลงต่อหน้าท่านย่าพร้อมกับกล่าวอ้อนวอนออกมา เขาไม่อาจทนเห็นมารดาตายไปต่อหน้าต่อตาได้ ถึงแม้ว่าความผิดของมารดาจะไม่น่าให้อภัยก็ตาม “ท่านย่า.. โปรดไว้ชีวิตของท่านแม่ด้วยเถิดขอรับ หลานสัญญาว่าจะตั้งใจศึกษา หลานจะสอบเป็นขุนนางให้ได้ เพื่อที่จะได้สร้างชื่อเสียงให้ตระกูลของเรา” ซิ่วจิ่งซึ่งเคยเป็นเด็กที่ไม่เคยสนใจเรื่องการเป็นขุนนางมาก่อน อ้อนวอนผู้เป็นย่าทั้งน้ำตา “หากวันนี้เป็นข้าที่ตายไป พวกเจ้าจะคุกเข่าร่ำไห้ให้ข้าเช่นนี้หรือไม่” ผิงหลันเอ่ยถามออกมาอย่างปวดใจ ชิงเหมยเห็นเช่นนั้นจึงจับมือของนางเข้ามากุมไว้พลางบีบเบาๆ หญิงวัยกลางคนหันไปมองใบหน้าที่งดงามของหลานสาว ก่อนที่จะพยักหน้าให้เป็นเชิงบอกกล่าวว่า ย่าไม่เป็นอันใด จากนั้นจึงหันไปมองหลานชายทั้งสองคน ซิ่วหวังและซิ่วจิ่งต่างพากันพูดไม่ออก พวกเขายอมรับว่าสิ่งที่มารดากระทำลงไปนั้นเลวร้ายยิ่งนัก แต่ถึงเยี่ยงไรนางก็คือมารดา จะปล่อยให้มารดาผู้ให้กำเนิดถูกลงทัณฑ์จนตายได้เช่นไร "เซียงซุน ให้คนมาพาอี๋นั่วออกไปโบยสี่สิบที จากนั้นให้ยกเลิกสัญญาบ่าวของตระกูลซิ่ว และขับไล่นางออกจากจวนไปเสีย” เพราะการซื้อขายทาสนั้นถูกยกเลิกไปนานหลายปีแล้ว บ่าวสาวรับใช้ที่นี่จึงมีสัญญานายบ่าวกับจวนเท่านั้น สาวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับก้มศีรษะโขกพื้นให้กับฮูหยินผู้เฒ่าที่ยอมไว้ชีวิตนาง “เจ้าค่ะฮูหยินผู้เฒ่า” เซียงซุนรับคำสั่งแล้วเรียกสาวรับใช้ร่างบึกบึนเข้ามาพาตัวอี๋นั่วออกไป ก่อนที่อดีตสาวรับใช้คนสนิทของซิ่วฮูหยินจะออกจากห้องนอนของฮูหยินผู้เฒ่าไป ก็ไม่พ้นที่จะพร่ำกล่าวขอบพระคุณฮูหยินผู้เฒ่าที่เมตตาไม่ฆ่านาง แม้การถูกโบยสี่สิบไม้จะเจียนตายแต่ก็คงไม่ถึงกับตาย หลังจากที่อี๋นั่วถูกนำตัวออกไปด้านนอกแล้ว ไม่นานนักเสียงไม้กระทบกับเนื้อหนังก็ดังขึ้นปะปนกับเสียงกรีดร้องอันโหยหวนของอี๋นั่ว คนฟังได้แต่รู้สึกเวทนาแต่ผู้ที่รับรู้ถึงความผิดของนาง ต่างก็พากันสมน้ำหน้าไปตามๆ กัน เพราะคราที่อี๋นั่วได้อยู่เคียงข้างนายหญิงนั้น นางก็มักจะมองไม่เห็นหัวผู้ใด และกระทำตนราวกับเป็นคนโปรดของนายหญิง “ท่านแม่ฮึก…สะใภ้สำนึกผิดแล้ว จะลงโทษสะใภ้ก็ได้ แต่ได้โปรดนึกถึงตระกูลโม่ของสะใภ้ด้วยเถิด หากสะใภ้ตายไป ตระกูลโม่จะต้องหยุดสนับสนุนท่านพี่และเห็นตระกูลซิ่วเป็นศัตรูเป็นแน่ แล้วอีกอย่าง.. อนาคตของซิ่วจิ่งกับซิ่วหวังจะทำเยี่ยงไร ผู้ใดจะอยากแต่งเข้ามาในตระกูลซิ่วกัน” โม่หลันร้องไห้พลางกล่าวออกมาอย่างไม่หวั่นเกรง ถึงอย่างไรแล้วแม่สามีคงจะไม่กล้าตัดสินโทษประหารนาง เพราะถ้าตระกูลซิ่วขาดนางไปสักคน มีหรือที่สามีจะเป็นผู้นำตระกูลที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้ และหากเกิดเรื่องกับนางมีหรือที่ตระกูลอื่นจะยินดีให้บุตรีของพวกตนออกเรือนมากับบุตรชายทั้งสองของนาง ฮูหยินผู้เฒ่ามองสตรีวัยสามสิบกลางๆ ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ที่ผ่านมานางมองคนผิดไปจริงๆ หญิงชาวบ้านหรือยังจะดีกว่าสตรีที่มาจากตระกูลพ่อค้าเช่นนางเสียอีก ช่างเป็นสตรีที่โง่เขลาเบาปัญญานัก ก่อนทำไม่คิด คิดได้ก็ตอนที่สายไปเสียแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองหน้าหลานชายและบุตรชาย ก่อนที่นางจะให้เขาเป็นผู้ลงโทษภรรยาของตนเอง “หวงเอ๋อร์… แม่ให้เจ้าเป็นผู้ตัดสินโทษฮูหยินของเจ้า แม่เองก็อยากจะเห็นเช่นกัน ว่าขุนนางเช่นเจ้าจะตัดสินเรื่องนี้ออกมาเยี่ยงไร” ความรู้สึกหนักอึ้งถูกโยนกลับไปยังใต้เท้าซิ่ว เขามองหน้าภรรยาสลับกับหน้ามารดาด้วยความหนักใจ หากเขาบ่ายเบี่ยงที่จะตัดสินเรื่องนี้ หรือตัดสินเรื่องนี้ออกมาอย่างเอนเอียงไปหาภรรยา มีหวังเขาต้องถูกมารดาสงสัยไปด้วยอีกคนเป็นแน่ เขาหันไปมองฮูหยินด้วยแววตารู้สึกผิด ก่อนที่จะตัดสินโทษของภรรยาออกมา “ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ข้าให้เจ้าเดินทางไปอยู่ที่อารามซีโถวเพื่อสำนึกตนเป็นเวลาสามปี ไม่อนุญาตให้เจ้าก้าวเท้าออกจากอารามซีโถวแม้เพียงครึ่งก้าว และห้ามกลับมาที่จวนตระกูลซิ่วจนกว่าเจ้าจะสำนึกตนได้” คำตัดสินของใต้เท้าซิ่วทำให้โม่หลันรู้สึกไม่ค่อยพอใจ อารามซีโถวอยู่ห่างจากเมืองถิงฮวาไปเกือบพันลี้ อีกทั้งยังอยู่บนเขา ครั้นลองคิดดูให้ดีก็ยังดีกว่าถูกตัดสินให้แขวนคอหรือดื่มยาพิษ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะกลับมาก็คงไม่ได้แล้ว โม่หลันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจพร้อมก้มหน้ายอมรับในชะตากรรม ถือว่าสามีคิดหาทางออกให้นางได้อย่างเหมาะสม ซิ่วหวังและซิ่วจิ่งพากันเข้าไปโอบกอดมารดาแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ก่อนที่พวกเขาจะคำนับขอบคุณในความเมตตาของท่านย่าและท่านพ่อของพวกตน การเปิดโปงแผนการชั่วและการลงโทษผู้กระทำผิดในวันนี้ยังไม่ถือว่าเหตุการณ์ในจวนตระกูลซิ่วจะสุขสงบ เยว่อู๋ชางรู้ดีเพราะใต้เท้าซิ่วก็คือหนึ่งในผู้กระทำผิดที่แท้จริง แต่ในเมื่อซิ่วฮูหยินยอมรับสารภาพ และสาวรับใช้ก็ไม่ได้เอ่ยถึงอีกฝ่าย จึงทำให้ใต้เท้าซิ่วรอดพ้นจากโทษการวางยาบุพการีไป ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ได้เปิดเผยความลับของบุตรชายออกมา แม้จะรู้ดีแก่ใจ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเขาคือผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง เพราะนางเหลือเขาอยู่ผู้เดียว นางจึงอยากจะลองให้โอกาสบุตรชายดูอีกสักครา ข่าวที่ซิ่วฮูหยินมีอาการเจ็บป่วยจนต้องออกเดินทางไปรักษาตัวอยู่ที่เมืองซีโถว ได้ถูกเล่าขานออกไปอย่างรวดเร็ว แม้หลายๆ คนจะนึกประหลาดใจว่า ซิ่วฮูหยินเกิดเจ็บป่วยอันใดถึงต้องเดินทางไปรักษาตัวไกลถึงเมืองซีโถวทั้งๆ ที่หมอของเมืองถิงฮวา ก็มีความสามารถอยู่หลายคน แต่แม้จะคาดเดากันไปต่างๆ นานา สุดท้ายก็เลิกคาดเดากันไปเอง เพราะจวนตระกูลซิ่วนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอันใด ทุกอย่างเป็นปกติยกเว้นก็แต่เรื่องของฮูหยินผู้เฒ่าที่เคยล้มป่วยมาหลายปีมีอาการดีขึ้น หลังจากที่ซิ่วฮูหยินเดินทางออกจากจวนตระกูลซิ่วไปได้เพียงสามวัน ชิงเหมยก็ขอตัวกลับหมู่บ้านซานฉี เพื่อเป็นการบอกกล่าวผู้เป็นลุง ว่าที่นางมาเยือนจวนตระกูลซิ่ว แท้จริงหาได้ต้องการสิ่งใดไม่ นางเพียงมาเยี่ยมผู้เป็นย่าที่ยามนั้นได้ข่าวว่านางล้มป่วยก็เท่านั้น แต่ทว่าชิงเหมยกลับถูกฮูหยินผู้เฒ่าขอร้องให้อยู่ต่อจนกว่าจะถึงพิธีปักปิ่น โดยนางจะส่งคนไปแจ้งข่าวนี้กับท่านยายของนาง ก่อนวันที่จวนจะจัดพิธีปักปิ่นให้แก่ชิงเหมย ฮูหยินผู้เฒ่าจะส่งบ่าวไปรับท่านยายของนางมาร่วมงานด้วย คราแรกชิงเหมยลังเลและอยากปฏิเสธ แต่ทว่าเยว่อู๋ชางกลับขอร้องให้นางอยู่ต่อ เพราะเขามีเรื่องบางอย่างที่อยากให้นางช่วย นางจึงตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ ถึงกระนั้นชิงเหมยก็ไม่ลืมที่จะต่อรองกับท่านย่าว่า หลังจากพิธีปักปิ่นเสร็จสิ้นแล้ว นางขอติดตามท่านยายกลับหมู่บ้านซานฉีทันที แม้ฮูหยินผู้เฒ่าอยากจะรั้งให้หลานสาวพักอาศัยอยู่ในจวนนี้เพียงใด นางก็จำใจต้องปล่อยหลานสาวไป เพราะชิงเหมยคงจะเคยชินอยู่กับการใช้ชีวิตอย่างอิสระ มากกว่าการมาเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่ต้องอยู่ในกฎระเบียบและต้องระวังตัวอยู่ตลอด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม