คนเอาแต่ใจ

2508 คำ
 ห้องอาหารชั้นบนสุดของโรงแรมหรูกลางกรุง เจ้าของร่างสมส่วนใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ตบแต่งมาอย่างสวยงาม นั่งหน้าบูดบอกบุญไม่รับสายตาจับจ้องไปทางประตูของห้องอาหารเป็นระยะสลับกับก้มมองนาฬิกาเรือนหรู ถ้าจะมีใครสังเกตคงเห็น อารมณ์หงุดหงิดที่เกิดขึ้นจากความไม่ได้ดังใจตามประสาคนถูกตามใจจนเคยตัว สายตาสวยมองจ้องร่างสูงใหญ่หล่อเหลาที่เร่งรีบเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน ก่อนจะมาหยุดตรงสายตาสวยที่มองมาแบบโกรธกรุ่น           "คุณมาช้ามากนะคะพุฒิ"ทันทีที่ชายหนุ่มมาถึง สาวสวยก็ตั้งคำถามขึ้นมาตามอารมณ์โกรธที่เริ่มปะทุขึ้น           "ไม่เอาน่ามายด์" มายด์หรือมณีรินทร์ หญิงสาวสวยที่นั่งตรงหน้ามองสบตาพร้อมกับสายตาที่ขอคำอธิบาย           "คุณให้ฉันรอคุณสองชั่วโมงเพื่อที่จะฟังคุณพูดแค่นี้ เหรอคะ"           "ผมติดธุระกับครอบครัว คุณก็รู้"           "ธุระอะไรคะพุฒิ ใช่ธุระเรื่องหมั้นของคุณหรือเปล่า"สายตาจ้องมองอย่างคาดคั้น           "คุณจะให้ฉันรอไปถึงไหนคะคุณเองก็ไม่ชัดเจน ก็แค่คุณบอกว่าคุณไม่หมั้น คุณมีแฟนอยู่แล้วคุณพูดได้ไหมคะ จะอะไรกันนักหนาเชียว"หญิงสาวกล่าวด้วยอารมณ์โกรธ           "มายด์คุณก็รู้ว่าผมยังพูดอะไรไม่ได้ มันเป็นข้อตกลงที่ทางผู้ใหญ่เราเคยคุยกันไว้"           "แล้วไงคะ?ผู้ใหญ่คุณคุยกันแล้วฉันต้องรอด้วยเหรอคะ คุณต่างหากที่ไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลย คุณไม่กล้าขัดใจพ่อแม่คุณ หรือบางทีคุณอาจจะไม่รักฉันแล้วหรือเปล่า"           "มายด์!พูดอะไรของคุณ ผมนะเหรอที่ไม่รักคุณ คุณก็รู้ว่าผมรักคุณคนเดียว" ชายหนุ่มพูดรัวเร็วเหมือนจะย้ำความรู้สึกของตัวเอง           "สั่งอาหารเถอะผมหิวแล้ว"พุฒิพัฒน์เอ่ยตัดบทเพราะกลัวจะบานปลาย           "ไม่หิวคะ!"บอกอย่างคนเอาแต่ใจ           "ระหว่างรอคุณฉันกินลมไปจนอิ่มแล้ว ขอตัวเลยนะคะ ช่วงบ่ายมีงานต่อ"พูดจบก็ลุกขึ้นยืนไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยอะไรอีก           "ออ…พุฒิคะถ้าคุณยังไม่ชัดเจนแบบนี้ฉันคงต้องทบทวนข้อเสนอของคุณพ่อท่านแล้วสิคะ บางทีการรับนัดกับ คนอื่นบ้างอาจจะทำให้คุณตัดสินใจอะไรเร็วขึ้น"พูดจบร่างโปร่งก็เดินจากไปด้วยท่าทางมาดมั่นแบบคนที่มั่นใจในตัวเองสูง           "โธ่โว้ย!อะไรกันนักหนาเชียว "ชายหนุ่มสบถอย่างอารมณ์เสีย วันนี้อะไรๆของเขาดูจัดการยากไปหมด พุฒิพัฒน์กำหมัดแน่นทบทวนบทสนทนาของคนรักก่อนจากไป           "นัดรับคนอื่นหรอไม่มีทาง!" กล่าวอย่างหัวเสียพร้อมกับสายตาที่ขุ่นมัว                                            คนเอาแต่ใจ           รถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาตีวงจอดหน้าคฤหาสน์ ‘ราชภัค’ด้วยความเร็วสูงตามอารมณ์ของคนขับ ทันทีที่รถจอดร่างโปร่งสมส่วนก็ก้าวออกมาอย่างรีบร้อน           "คุณมายด์ กลับแล้วเหรอคะ"สาวใช้วิ่งออกมารับหน้า           "ก็เห็นกลับมาแล้วจะถามทำไมอีก"ตอบแบบไม่สบอารมณ์พร้อมกับส่งของในมือให้สาวใช้           "คุณแม่อยู่ไหม"           "อยู่ค่ะ"           "อือ จะไปไหนก็ไป"พูดจบก็เดินเข้าบ้านทันที           "อะไรของเขานะ ตอนออกไปยังยิ้มหน้าบานอยู่เลย"สาวใช้เกาหัวแกรกๆด้วยความงงพร้อมกับส่ายหน้าไปมา           "กลับมาแล้วหรอลูกไหนว่าไปทานข้าวกับคุณพุฒิ ทำไมกลับเร็วจังเลย"คุณวดีเอ่ยถามหลังจากเห็นคนหน้างอเดินเข้ามาในบ้าน           "ไปเจอกันค่ะแต่ไม่ได้ทานข้าว จริงๆแทบไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ"บอกพร้อมกับกระแทกตัวลงนั่งด้วยใบหน้าที่งอง้ำยิ่งกว่าเดิม            "ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอลูกทำไมช่วงนี้ทะเลาะกันบ่อยจังเลย นี่ก็นานแล้วนะที่คุณพุฒิไม่ได้แวะมา" คุณวดีเอ่ยถามด้วยความห่วงใย           "บางทีมายด์ว่าเรื่องของมายด์กับพุฒิคงจะเป็นไปไม่ได้แล้วค่ะแม่ "เอ่ยด้วยน้ำเสียงปนเบื่อหน่าย           "มายด์คงคบกับพุฒินานเกินไป พุฒิเค้าถึงไม่เลือกมายด์ คงเห็นมายด์เป็นของตาย"           "ยายมายด์อะไรกันลูก มีปัญหาอะไรเล่าให้แม่ฟังสิ"คุณวดีเอ่ยถามด้วยความห่วงใย           "ปัญหาเดิมๆค่ะแม่ลูกแหง่กลัวแม่ ไม่รู้สิคะบางทีมายด์คงต้องถอยบ้างเพื่อให้เค้าได้มีเวลาคิด คุณแม่อย่าสนใจเลยค่ะ มายด์โอเค ถ้ามันใช่ก็คงใช่มานานแล้ว ขอตัวนะคะแม่มายด์ปวดหัว"พูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้คุณวดีมองตามด้วยสายตาสงสัยและห่วงใย ลูกคนนี้ใช่ว่านางจะไม่รู้นิสัยถึงจะดูเป็นคนเข้มแข็งแต่จริงๆแล้วก็มีมุมที่อ่อนไหว นางก็พอจะไม่รู้เรื่องราวของลูกกับคนรักมาบ้าง ข่าววงในก็ลือกันให้สะพัดถึงการหมั้นหมายของ พุฒิพัฒน์กับพิมพ์มาดา ถึงมณีรินทร์จะบอกว่าไม่เป็นไรแต่นางก็ยังอดห่วงลูกไม่ได้อยู่ดี           "ยายมายด์เอ้ย"คุณวดีถอนหายใจ……………………………………………………………………           เสียงสัญญาณมือถือดังขึ้น เจ้าของเพียงแค่ปรายหางตามอง ปล่อยให้มันดังอยู่แบบนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว ทั้งสายโทรเข้าและเสียงแอพพลิเคชั่นไลน์ที่ดังต่อเนื่องมาสักพัก           "สามสิบสาย! คุณคิดว่าจะง้อฉันด้วยวิธีเดิมๆเหรอคะ" ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มมุมปากให้กับมือถือ           "ห่างกันบ้างก็ดีค่ะ คุณจะได้เห็นคุณค่าของฉันบ้าง"พูดพร้อมกับกดปิดมือถือ เป็นอันจบการสนทนาที่มีเพียงหญิงสาวพูดเพียงคนเดียวเท่านั้น           เสียงบริการฝากหมายเลขโทรกลับของปลายสาย ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้บูดบึ้งจนคิ้วแทบชนกันกำหมัดทุบโต๊ะระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัว ถ้าโต๊ะทำงานเป็นหน้าสวยๆของคนปลายสายป่านนี้คงพังยับเยิน           "รับสายสิครับมายด์ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน"พุฒิพัฒน์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงาน พร้อมกับกดปุ่มติดต่อภายใน           "คุณสาเย็นนี้เลื่อนนัดให้ผมก่อนนะ บอกทางเราจะติดต่อกลับไปอีกครั้ง”           “ให้มันได้อย่างนี้สิมายด์เสียงานเสียการจริงๆ"สบถออกมาอย่างหัวเสีย…………………………………………………………………….           "คุณผู้หญิงคะ คุณพุฒิมาค่ะ"เสียงรายงานจากสาวใช้ ทำให้คุณวดีละมือจากทัพพีที่กำลังคนแกงในหม้อ           "ขึ้นไปตามคุณมายด์หรือยัง"           "ไปแล้วค่ะคุณมายด์เธอบอกให้คุณพุฒิกลับไปเลย หนูเลยมาถามคุณผู้หญิงก่อนว่าจะให้หนูทำยังไงดี"           "ลูกคนนี้บทจะดื้อก็ดื้อเอาการ เชิญคุณพุฒิไปห้องรับแขกก่อนเดี๋ยวฉันตามออกไป"พูดจบก็ละมือจากงานตรงหน้า           "ฝากด้วยนะแม่อิ่ม"คุณวดีหันไปสั่งแม่บ้านที่ทำหน้าที่เป็นลูกมืออยู่ใกล้ๆก่อนจะเดินออกไปพบแขกของลูกสาว           "สวัสดีครับคุณอา ผมมาหามายด์ครับ"ทันทีที่คุณวดีเดินเข้ามายังห้องรับแขก พุฒิพัฒน์ก็ลุกขึ้นทำความเคารพ           "เชิญนั่งค่ะ ยายมายด์ไม่สะดวกลงมาเห็นบ่นว่าปวดหัว คุณพุฒิมาก็ดีแล้วอากำลังมีเรื่องอยากคุยด้วยพอดี"สายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่ม           "ไม่อ้อมค้อมนะคะข่าวที่คุณพุฒิจะหมั้น มันยังไงกันคะ จริงๆอาก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวหรอกนะ แต่คุณพุฒิต้องนึกถึงหน้าตาของยายมายด์บ้าง คุณคบกับยายมายด์มาตั้งนาน อยู่ๆมามีข่าวแบบนี้ มายด์จะเป็นไงค่ะคุณคิดบ้างไหม"เป็นคำถามที่ทำให้ชายหนุ่มหน้าซีดลง           "คุณอาทราบแล้วเหรอครับ"เอ่ยถามไม่เต็มเสียงนัก           "พอทราบมาบ้างค่ะแต่ก็ไม่แน่ใจเท่าไร อาเลยถามคุณพุฒิไงคะ ได้ยินจากปากคุณคงดีที่สุด"คุณวดีตอบ           "เรื่องหมั้นเป็นเรื่องที่ทางผู้ใหญ่คุยกันครับ แต่ก็ยังไม่ได้ตกลงอะไรกันมาก แค่เอ่อ...แค่อยากให้หมั้นกันนะครับ"พุฒิพัฒน์ตอบเสียงเบา           "เรือล่มในหนองสินะ ธรรมดาค่ะตระกูลใหญ่กับตระกูลใหญ่ต้องอยากเกี่ยวดองกัน"คุณวดีสรุปตามความคิดของตัวเอง           "ผมรักมายด์ จะไม่มีงานหมั้นครับผมจะคุยกับคุณพ่อคุณแม่เรื่องมายด์ครับ"ชายหนุ่มบอกเสียงมาดมั่น           "เอาไว้ให้คุณพุฒิไปคุยกับพ่อแม่คุณก่อนนะคะแล้วค่อยมาคุยกับยายมายด์ อาก็แค่อยากทราบน่ะค่ะ อย่างที่รู้ๆยายมายด์รักคุณคนเดียว ถ้าคุณจะเลิกกับแกอาก็ไม่ทราบค่ะว่าแกจะเป็นยังไง มายด์นะข้างนอกอาจจะดูแข็งๆแต่ในใจของแกก็อ่อนไหวค่ะ เชิญทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ"คุณวดีเอ่ยชวนหลังจากบอกความรู้สึกของนางให้ชายหนุ่มรับรู้           "ขอบคุณนะครับ แต่ผมต้องขอตัวก่อนเอาไว้วันหลังจะมาฝากท้องนะครับ มายด์ปวดหัวเป็นอะไรมากไหมครับ ฝากบอกมายด์ด้วยว่าผมเป็นห่วงและก็ขอโทษด้วยเรื่องข่าว ผมลากลับเลยนะครับ สวัสดีครับคุณอา"พุฒิพัฒน์กล่าวลาคุณวดี ไม่ใช่ว่าเค้าอยากกลับ แต่เป็นเพราะสายตาของคุณวดีที่มองมาอย่างตำหนิแบบไม่ปิดบังนั่นต่างหากที่ทำให้เขาอึดอัด กลับไปตั้งหลักก่อนแล้วค่อยหาทางง้อคนรักทีหลังจะดีกว่า……………………………………………………………………                      เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ใบหน้าสวยละสายตาจากโทรศัพท์มือถือหันไปมองตามต้นเสียง            "มายด์ แม่เข้าไปได้ไหมปวดหัวเป็นอะไรมากไหมลูก  ลงมาทานข้าวแล้วทานยาเสียหน่อยนะ"เสียงคุณวดีที่แสดงความห่วงใย ทำให้หญิงสาวที่เผลอทำตัวตามใจตนเองนึกขึ้นได้ อย่างน้อยเธอก็ยังมีพ่อกับแม่ที่รักและคอยห่วงใยเธอ           "พุฒิกลับไปแล้วเหรอคะแม่"อดเอ่ยถามถึงคนรักไม่ได้           "มายด์ไม่เป็นไรค่ะกำลังจะนอนแล้ว ไว้ค่อยคุยกันนะคะแม่"หญิงสาวตอบปฏิเสธ           "ได้จ้ะ ถ้าหนูอยากอยู่คนเดียวแม่ไม่กวนแล้ว แต่อย่าลืมนะลูกหนูยังมีพ่อกับแม่นะ ถ้าหนูมีเรื่องอะไรหรือคิดจะทำอะไร คิดให้ดีๆก่อนนะลูก"คุณวดีกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป           ในชีวิตของมณีรินทร์ตั้งแต่เล็กจนโต เธอจะมีพ่อกับแม่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ ถึงแม้จะเป็นคนเอาแต่ใจสักแค่ไหน แต่ทุกอย่างที่ทำก็ล้วนมาจากความคิดที่ทบทวนแล้ว หญิงสาวกดโทรศัพท์มือถือไล่หารายชื่อของสายโทรออกล่าสุด           "ไงยะยายมายด์ นึกยังไงถึงโทรมาหาเพื่อนได้" วิชุดา รับสายพร้อมกับค่อนขอดเพื่อนตามประสาเพื่อนสนิท           "วิแกว่างไหม ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย"           "ตอนบ่ายฉันเข้าไปหาที่ออฟฟิศ แต่เลขาบอกว่าแกออกมาแล้วและไม่กลับเข้าไป ฉันก็กะว่าจะโทรหาแกอยู่พอดี"วิชุดาบอกกลับมาตามสาย           "เครียดเรื่องข่าวแฟนแกใช่ไหม เราเจอกันที่เดิมนะหรือจะให้ฉันไปหาดี"วิชุดาถามด้วยความห่วงใย           "ไม่ต้องมาหรอกวิคุยกันทางนี้แหละ ฉันเกรงใจคุณแม่น่ะบอกท่านว่าปวดหัว"           "แกมีอะไรก็ระบายออกมา"           "ก็เรื่องหมั้นของพุฒินั่นแหละแกว่าฉันจะทำไงดี วันนี้ฉันเจอกับพุฒิแต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก ฉันเบื่อนะแก เบื่อที่ต้องมารอเขาแบบนี้"มณีรินทร์เริ่มระบายความอัดอั้นให้ปลายสายรับรู้           "ถ้าพุฒิไม่ชัดเจนแบบนี้แกว่าฉันควรจะถอยดีไหม"เป็นคำถามที่คนถามก็คิดทบทวนคำตอบไว้แล้ว           "แกรักเขามากไหมมายด์"ปลายสายเอ่ยถามพร้อมกับเสียงถอนหายใจ           "เอาอย่างนี้นะมายด์ถ้าแกรักเขาและยังไม่พร้อมที่จะเสียเขาไป แกก็ต้องทำให้เขาเป็นของแก ผู้ชายน่ะร้อยทั้งร้อยถ้ามันรักเราอยู่แล้ว พอมันได้เรามันต้องรับผิดชอบ แกดูฉันสิฉันก็ทำแบบนี้ แล้วเป็นไงฉันก็ได้สามี ได้ครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น” วิชุดาแนะนำวิธีการ’จับ’สามีของเธอให้มณีรินทร์ฟัง           "นี่!ยายวิแกจะบ้าเหรอ แกจะให้ฉันจับผู้ชายแบบแกเนี่ยนะ"           "แบบฉันเนี่ยแล้วไงยะ ก็ได้สามีมาเป็นตัวเป็นตน"นอกจากปลายสายจะไม่โกรธแล้วยังตอบกลับมาแบบภาคภูมิใจ           "มายด์แกฟังฉันนะ…แกอายุยี่สิบแปด แล้วแกก็ควงกับพุฒิมาตั้งแต่อยู่อเมริกา แกคิดเหรอว่าจะมีใครคิดว่าแกสองคนยังไม่มีอะไรกันบ้าง ใครๆเขาก็คิดกันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าแกกับพุฒิ…"           "พอเลยๆไม่ต้องบรรยายต่อ "มณีรินทร์เอ่ยตัดบท ก่อนที่เพื่อนรักจะบรรยายให้เห็นภาพไปมากกว่านี้           "มายด์แกสองคนรักกันนะ ถ้าแกไม่ยึดเขาไว้ตอนนี้ หรือแกจะรอเป็นเมียน้อยเขา เชื่อฉันนะทำตามที่ฉันบอก แล้วอีกอย่างพุฒิกับผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่ได้รักกัน ตัดสินใจก่อนที่ทุกอย่างจะแก้ไม่ได้นะ"วิชุดาแนะนำ           "ขอบใจมากนะจ้ะวิ ฉันขอคิดดูก่อน ถึงวิธีของแกมันจะทุเรศไปสักหน่อย แต่ก็สบายใจที่ได้คุยกับแก แค่นี้ก่อนนะ "มณีรินทร์บอกวิชุดา ก่อนที่ปลายสายจะแนะนำวิธีอื่นๆให้อีก           "ว้าย!มายด์นี่แกด่าฉันเหรอยะ โอเคแกสบายใจก็ดีแล้วแค่นี้นะแกฉันจะได้ไปทำงานต่อ บายจ้ะ"           หลังจากวางสายจากวิชุดามณีรินทร์ก็คิดหนัก ถึงแม้การคุยกับวิชุดาจะไม่ค่อยได้สาระสักเท่าไร แต่อย่างน้อยๆก็ทำให้เธอสบายใจขึ้น           "จับพุฒิอย่างนั้นเหรอ" หญิงสาวทวนคำของเพื่อน อันที่จริงแล้วมณีรินทร์แทบจะไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นเลย เพราะพุฒิพัฒน์ก็พร้อมจะสยบให้เธออยู่แล้ว แต่เธอต้องการความถูกต้อง และการยอมรับจากครอบครัวของพุฒิพัฒน์ ถึงแม้ต้นตระกูลจะต่างกันแต่ทว่าฐานะทางครอบครัวของเธอก็ไม่ด้อยไปกว่าเค้าหรือพิมพ์มาดาเลย’พิมพ์มาดา’ชื่อนี้ทำให้เธอเจ็บแปลบๆทุกครั้งที่นึกถึง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม