บทที่ 3 ระยะห่างของคำว่า 'เเฟน'

2713 คำ
กล้าดีมากนะที่เเหย่หนวดเสือเเบบผม... ยอมรับว่าผมไม่เคยเจอใครคนไหนที่ท่าดูเอาจริงเอาจังขนาดนี้มาก่อน ทั้งคำพูด เเววตา ท่าทางของเธอมันบ่งบอกว่าจะลงสนามเเข่งอย่างจริงจัง ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเจอปัญหาพวกนี้ เเต่ผมเเค่เบื่อ... เบื่อกับการเจอปัญหาเดิมๆ เเล้วก็กลัวจะพลั้งมือทำอะไรลงไป จนผมต้องเสียโฮมเหมือนกับที่มันเเล้วๆมา ...เเค่นั้นเอง ใครไม่เคยเจอคงไม่รู้หรอกใช่ไหมล่ะครับว่าปัญหาเเฟนเก่าเรื้อรังน่ะ มันน่ารำคาญมากขนาดไหน ซึ่งมันก็เหมือนไส้ติ่งมีไว้ก็ไร้ประโยชน์ เเต่ถ้าไม่รีบตัดทิ้งมันก็อาจจะเรื้อรังได้ในสักวัน.. "พี่หมอโอเคไหมคะ ใจต้องเย็นหน่อยนะคะ ถ้าพี่หมอใจร้อนเหมือนเเฟนคนที่เเล้วคงไม่ดีเเน่" "พี่รู้อะตอม.. พี่กำลังระงับอารมณ์อยู่"ผมว่าพลางผ่อนปรนลมหายใจเพลิงออกมา เเอร์ในรถที่ว่าเย็นยังดับหัวร้อนๆของผมไม่ได้เลยเเม้เเต่น้อย "ถ้างั้นพี่หมอรีบกลับไปอยู่กับพี่โฮมเถอะค่ะ ส่งอะตอมตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวอะตอมนัดเพื่อนไว้อ่ะค่ะ" "อืม กลับบ้านดีๆอย่าให้คุณน้ากับคุณอาเป็นห่วงล่ะ" "ค่ะ ยังไงก็อะตอมจะช่วยพี่อีกเเรงนะคะ ห้ามเป็นคุณหมอที่อ่อนเเออีกนะคะ"คนตัวเล็กย้ำกับผมเสียงเข้ม น่ากลัวจังเลยเเหะเจ้าเด็กคนนี้... "รู้เเล้วครับ อ่ะนี่ค่าขนม เอาไป...เเล้วก็ขอบคุณมากนะที่คอยช่วยเหลือพี่"ผมบอกเเล้วควักเเบงค์พันให้น้องอะตอมไป ค่าขนมสำหรับเด็กดีอย่างอะตอม เเค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับสิ่งที่น้องมันคอยช่วยเหลือผมมาตลอด "ถ้าปฏิเสธจะงอนใช่ไหมล่ะคะ งั้นอะตอมจะรับไว้นะ"คนตรงหน้าว่าก่อนจะรับเงินจากมือผมไป ทำเอาผมหลุดยิ้มออกมา รู้ใจกว่าใครเห็นจะเป็นเจ้าเด็กคนนี้ล่ะมั้งเนี่ย "โอเค ไว้เจอกันนะ" "ไว้เจอกันค่า บ๊าบาย~" ผมมองร่างเล็กเดินออกไปจนลับสายตา ก่อนจะออกรถมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลต่อ ขืนพ่อไม่เห็นหน้าผมทุกเย็นเป็นได้โทรเข้าเครื่องผมกันพัลวันเเน่ ผมก็เเค่ตัดความเป็นห่วงบวกความรำคาญไปในตัวด้วยเท่านั้นเอง ครืดดดด~~~ ครืดดดดด~~~ 'HOME' ผมเหลือบมองหน้าจอที่สว่างวาปเเละปรากฏเบอร์ของผู้ชายที่ผมกำลังนึกถึงอยู่พอดี เเต่เพราะขับรถอยู่ผมเลยไม่ได้รับ พอรถติดไฟเเดงผมถึงหยิบมันขึ้นมาโทรกลับหาเขาทันที "ว่าไงโฮม โทรมามีอะไรเหรอ พอดีผมขับรถอยู่" ( ไหนหนังสือที่คุณบอกผม ) ผมกลอกตาไปมาทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงฉุนๆของเขา ลืมไปซะสนิทเลยว่าก่อนหน้านี้ผมให้เขาไปเอาหนังสือให้ เเต่ไอ้หนังสือที่ว่ามันกลับไม่มีอยู่จริงนี่สิ ก็รู้อยู่หรอกว่าโกหกเเบบนั้นมันไม่ดี เเต่ผมไม่อยากให้เขามาเห็นการกระทำที่ไม่ดีของผมเช่นกัน... "อ่า..หนังสือ" ( เรามีเรื่องต้องคุยกัน..คืนนี้ ) ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาไปรู้ไปเห็นอะไรมา เขากำลังโกรธผมล่ะ การตัดสายใส่กันเเบบนี้มันจะมีเฉพาะตอนที่เขาโกรธ โมโห ไม่พอใจก็เเค่นั้น ไว้ค่อยหาวิธีง้อทีหลังละกัน.. โรงพยาบาล Q ผมเดินขึ้นตึกเด็ก วันนี้ผมเกือบจะลืมไปเเล้วว่ามีนัดกับเจ้าของวันเกิดคนสวย ขืนผมผิดนัดขึ้นมาได้งอนผมตูดบิดเเน่นอน ก่อนหน้าที่จะมาผมก็เเวะซื้อของขวัญมาเเล้วเรียบร้อย เรื่องราวทุกอย่างในชีวิตคนเรามันน่าเศร้า เด็กที่บริสุทธิ์คนนึง ควรจะมีอนาคตที่สดใสมากกว่านี้ เเต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็จะทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดในชีวิตเท่าที่ผมจะทำได้ อย่างน้อยๆเธอจะได้รับรู้ว่าไม่ได้ตัวคนเดียวบนโลกนี้ ที่จริงผมก็เข้าใจน่ะนะว่าเกิด เเก่ เจ็บ ตาย มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เเต่ผมทำใจไม่ได้ที่จะเห็นเด็กที่น่ารักคนนึงต้องโดนโรคร้ายพรากจากโลกนี้ไปเท่านั้นเอง.. "เอ้าน้องเนียร์วันนี้มาช้าจังเลยนะคะ เรียนหนักเหรอคะช่วงนี้" ผมหันไปยกมือไหว้คุณป้าเเม่บ้านที่ทำความสะอาดอาคารนี้ "นิดหน่อยครับ เเล้วนี่คุณป้าทานอะไรยังครับเนี่ย" ผมเลิกคิ้วถามน้อยๆ ก่อนจะเดินไปจับมือผู้หญิงตรงหน้าเอาไว้ "ทานเเล้วลูก" "หลังดีขึ้นเเล้วใช่ไหมครับ" "พอได้พัก ได้ยืดเส้นก่อนนอนมันก็ดีขึ้นนะ ต้องขอบคุณน้องเนียร์นะเนี่ยที่เเนะนำป้า" ผมระบายยิ้มออกมา การที่ได้เห็นคนใกล้ตัวหรือคนรู้จักเจ็บป่วยเเล้วดีขึ้นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย เมื่อก่อนตอนที่ผมเรียนมัธยมปลายผมก็มาที่นี่บ่อย เจอป้าเเม่บ้านก็บ่อย ก็เลยค่อนข้างจะสนิทกัน ถึงได้ยินป้าเขาเรียกผมว่าน้องเนียร์เนี่ยเเหละ เเถมป้าเเกเองลูกหลานไปทำงานกันซะส่วนใหญ่ เลิกไม่ตรงกัน เวลาที่เรียกว่าเวลาของครอบครัวตรงนี้มันก็เลยหายไป เเต่ผมอยากเป็นส่วนที่เติมเต็มนะ... "ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณป้าเองควรจะดูเเลสุขภาพ อายุมากขึ้นร่างกายจะคอนโทรลตามใจเรายากหน่อย" "ป้าล่ะอยากเห็นน้องเนียร์มาเป็นหมอที่นี่จะเเย่เเล้ว" "งั้นคุณป้าก็ต้องรักษาสุขภาพให้เเข็งเเรง ทานข้าวให้ครบสามมื้อ ทานยา ออกกำลังกายตามที่น้องเนียร์บอกนะครับ"ผมกำชับ ทำเอาคนตรงหน้าหลุดขำออกมา ก็ผมลืมตัวอีกเเล้วกับการย้ำคิดย้ำทำแบบนี้ ผมอยากให้เขาหายจริงๆนี่ "จ้ะ เเล้วนี่มาหาน้องแฮปปี้เหรอ" "ครับ แฮปปี้ทำอะไรอยู่เหรอครับ" "นั่งรอน้องเนียร์ตั้งเเต่เย็นเเล้วลูก" "งั้นผมขอไปดูแฮปปี้ก่อนนะครับ" ผมโค้งศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเอาถุงของขวัญที่ซื้อมาจากห้างเเอบไว้ข้างหลัง เเล้วเดินไปหอมเเก้มคนตัวเล็กทีนึง "พี่หมอเนียร์!" หมับ ผมอ้าเเขนรับคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ตึกกุมารเวชเป็นตึกที่ผมเดินเข้าออกบ่อยสุดเเล้ว ความจริงคือผมอยากมีลูก เเต่ความจริงมากกว่านั้นคือผมไม่สามารถมีได้ เเละในโลกที่โหดร้ายมันกำลังทำลายความฝันผมให้พังทลายลงช้าๆ นั่นคือการที่เธอไม่สามารถอยู่กับผมได้อย่างที่วาดฝันเอาไว้... "แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับ" ผมพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะอุ้มคนตรงหน้าเเล้วส่งของขวัญในมือให้ "ของขวัญของหนูเหรอคะ" "อื้ม วันเกิดก็ต้องมีของขวัญสิครับ" "แฮปปี้รักพี่หมอเนียร์ที่สุดเลยค่ะ" นอกจากคำหวานๆเเล้วการหอมเเก้มผมนี่เเหละที่ทำให้ผมหายเหนื่อยจากวันนี้เป็นปริดทิ้ง "พี่รักก็รักหนูนะ.."ผมว่าพลางลูบหัวคนตรงหน้าที่กำลังตื่นเต้นกับของที่ผมให้ไปอยู่ "แอเรียลเหรอคะ!" "อื้ม ชอบไหม" "ชอบค่ะ ขอบคุณนะคะ..." "อยากเป่าเค้กไหมครับ" "มีเค้กด้วยเหรอคะ" "มีสิ วันเกิดต้องมีเค้กกับของขวัญนะ" ผมวางคนตัวเล็กให้นั่งลงบนเตียง ก่อนจะหยิบเค้กในถุงออกมาเเล้วจัดการจุดเทียนให้เรียบร้อย รอยยิ้มจากคนตรงหน้าทำเอาผมยิ้มตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ มือเล็กๆประกบเข้าหากัน ดวงตาหลับพริ้ม ก่อนจะเป่าเทียนตรงหน้าดับลง "อธิฐานว่าอะไรครับ" ผมคุกเข่าลงกับพื้น ก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้เเล้วคลี่รอยยิ้มบางๆให้คนตรงหน้าอีกครั้ง "เเฮปปี้อธิฐานขอให้ได้อยู่กับพี่เนียร์นานๆเเล้วก็ขอให้พี่เนียร์มีความสุขมากๆค่ะ" "เเล้วทำไม่ขอให้ตัวเองมีความสุขล่ะครับ" ผมเลิกคิ้วน้อยๆ เเต่เสียงกำลังสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด ผมพยายามที่จะทำให้คนตรงหน้ามีความสุข เพราะงั้นเรื่องเเค่นี้มันยังเล็กน้อยมากไปด้วยซ้ำ "เพราะน้องแฮปปี้มีพี่เนียร์ไงคะ พี่เนียร์มอบความสุขให้หนู หนูก็อยากให้พี่หมอเนียร์มีความสุขมากๆค่ะ" "เป็นเด็กเป็นเล็กหัดปากหวานเเล้วนะเราอ่ะ"ผมบอกทำเอาคนตัวเล็กยิ้มกว้างจนตาหยี "พี่เนียร์ก็ขอให้แฮปปี้เป็นเด็กที่น่ารักเเบบนี้ตลอดไป มีความสุขมากๆเเล้วก็อยู่กับพี่เนียร์ไปนานๆนะครับ" "ค่ะ..." "มาถ่ายรูปกับเค้กกันดีกว่าเนอะ ยิ้มสวยๆนะครับ" คอนโดหมอเนียร์ กว่าจะถึงห้องก็เกือบจะห้าทุ่ม พอดีผมนั่งเล่นกับแฮปปี้เพลินไปหน่อย หวังว่าคนที่รอผมอยู่ในห้องจะไม่เจอหน้าผมเเล้วอาละวาดใส่ก่อนก็เเล้วกัน "โฮม.." หมับ ผมขมวดคิ้วเข้าหากันเเน่น สายตามองข้อมือตัวเองที่โดนพันธนาการจากคนตรงหน้า เเถมเขายังออกเเรงดึงให้ผมลงไปนอนราบกับเตียงอย่างที่ขัดขืนไม่ได้อีกด้วย "อะไรของคุณเนี่ยโฮม!"ผมขึ้นเสียงเล็กน้อย ก็เขาเล่นกระชากเเขนไม่ให้จังหวะเเบบนี้ผมก็เจ็บเป็นเหมือนกันนะ "คุณโกหกผมทำไมหมอเนียร์" "ผมโกหกอะไรคุณ" "คุณให้ผมไปเอาหนังสือ เเต่มันไม่มีเเบบนี้หมายความว่ายังไง หรือคุณนัดใครเอาไว้..ใครที่บอกผมไม่ได้" "ผมอาจจะจำวันผิด.. เเล้วผมก็ไม่ได้นัดใครไว้ทั้งนั้น"ผมตอบกลับเเล้วหลบสายตาเขา "โกหกไม่เนียนเลยนะครับคุณหมอ"คนตรงหน้ากดเสียงต่ำ ปลายจมูกโน้มลงมาใกล้มากกว่าเดิม "ทีคุณยังเเอบไปเจอเเฟนเก่าเลย" "ถ้าผมเเอบคุณไม่มีทางหาผมเจอหรอก" "โฮม.." ผมกลอกตากลับมามองคนตรงหน้าตามเดิม คำพูดของเขานั่นเเหละที่ทำให้ผมระเเวง ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ มีเเฟนเเล้วต้องมานั่งระเเวงกัน ไม่มีมันซะยังจะดีกว่า "ไปเจอแคลร์มาเหรอ" "คุณก็รู้อยู่เเล้วจะถามผมทำไม" แม่นั่นคงทำหน้าที่เเทนผมไปเเล้วล่ะมั้ง เฮอะ "เพราะโฮมอยากรู้จากปากคุณไงหมอเนียร์" "..ใช่ ผมไปเจอเธอ เเล้วคุณล่ะไปเจอเธอเพราะอะไร" โฮมสีหน้าเปลี่ยนทันทีที่ผมถามกลับ ผมผ่อนปรนลมหายใจออกมาเเรงๆที่รู้ว่าเขากำลังหลีกเลี่ยงกับคำถามของผมอยู่ ผมอาจจะโกหกไม่เก่ง เขาเองก็เก็บอาการไม่เนียนเหมือนกันนั่นเเหละ "ก็เเค่ธุระไม่มีอะไรหรอก" "ถ้าเเค่ธุระก็ต้องบอกผมได้สิ" "ไม่มีอะไร..." "โฮม..." ผมไม่ได้คำตอบอะไรจากเขา มีเเค่ข้อมือที่ถูกคลายก่อนจะที่ผมจะผลักอกเขาออกจนตัวเองเป็นอิสระ "งั้นก็ลุกออกไป ผมจะอาบน้ำ" "หมอเนียร์.." "เรื่องของคุณจะบอกผมหน่อยไม่ได้เหรอ..หรือมันมีอะไรที่มากกว่านั้นคุณถึงบอกผมไม่ได้"ผมว่า "ผมเเค่คุยเรื่องธุระกิจที่เขาจะลงทุนด้วยก็เเค่นั้น ทำไมคุณชอบคิดเองเออเองไปคนเดียว" "เหอะ" "นี่คุณ.." "โลกมันเเคบดีเนอะถึงต้องร่วมธุรกิจกับเเฟนเก่าเนี่ย" "มีเหตุผลหน่อยนะหมอเนียร์" เหตุผลผมมีเต็มประดา มีเเค่เขานี่เเหละที่เหตุผลฟังไม่ขึ้นเเม้เเต่น้อย "เธอหายไปจากชีวิตคุณตั้งนาน เเต่อยู่ๆก็กลับมาเเล้วอยากร่วมธุรกิจด้วย เเบบนี้เหตุผลที่เธอต้องการคืออะไรคุณพอจะเดาออกไหม" "หมอเนียร์..." "....." "อดีตก็คืออดีต มันไม่มีอะไรทั้งนั้นคุณเชื่อใจผมไม่ได้เลยเหรอ หื้ม ?" ผมยืนนิ่งปล่อยให้เขาสวมกอดจากด้านหลังเบาๆ โฮมเคยมีสาวมากมายมาติดพันกันเหมือนสายหูฟังที่ไม่ว่าจะพยายามรีดให้มันตรง พยายามจัดเรียงมันก็ยังพันกันยุ่งเหยิงเหมือนเดิน ...เขาก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก "ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบ เเต่คุณก็ไม่ควรทำเเบบนั้นกับเธอ รู้ใช่ไหมว่ามันไม่ดีตรงไหน.." "เเบบนั้น ? ผมทำอะไร" "คุณทำอะไรคุณก็รู้อยู่ จะให้โฮมย้ำทำไม" เเสดงว่าเขาก็คงจะรู้สิ่งที่ผมกระทำไปเเล้วสินะ... "โฮม.. ทุกอย่างที่คุณทำผมรู้หมดนั่นเเหละ เเต่มันขึ้นอยู่ที่ว่าผมอยากจะพูดมันหรือเปล่าเเค่นั้น" "จะจ้องจับผิดโฮมไปถึงไหน เป็นเเฟนกันก็ควรมีระยะห่างให้กันบ้างไม่ใช่เหรอหะ ?" "ถ้างั้นผมขอโทษ.. ขอโทษนะโฮมที่ผมพูดจาไม่ดีกับเธอ เเล้วก็ทำให้คุณอึดอัด.. ถ้าคุณอยากมีสเปซระหว่างเรา ผมก็ห้ามคุณไม่ได้" ผมบอกเสียงเเข็ง ทั้งๆที่ในใจมันตรงกันข้าม ผมไม่เข้าใจตัวเองกบัการที่ปากไม่ตรงกดับใจ เเต่บางทีการลองใจกับคำพูดพวกนี้มันก็ทำให้ผมเห็นอะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน "หมอเนียร์อย่างี่เง่าเเบบนี้ดิ คุณเคยมีเหตุผลไม่ใช่เหรอ" "เเล้วการที่ผมเห็นว่าคุณไม่บอกว่าจะไปเจอเธอ ผมควรรู้สึกยังไงเหรอโฮม.." "ก็ในเมื่อมันไม่มีอะไรจะให้ผมทำยังไง หรืออยากให้ผมกลับไปหาเธออย่างที่คุณคิดเอาไว้!" "....." ผมยืนนิ่ง ก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองเเน่น ...สิ่งนั้นเเหละที่ผมกลัว "..โฮมขอโทษ โฮมไม่ได้ตั้งใจ"น้ำเสียงเขาอ่อนลงเหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกมา เเต่ก็นั่นเเหละเขาก็ทำมันประจำ "....." "อย่าเงียบเเบบนี้ได้ไหม" "ถ้าจะมาเพื่อชวนทะเลาะก็กลับไปเถอะ วันนี้ผมเหนื่อยมาทั้งวันเเล้ว" ผมเเกะมือเขาออก ก่อนจะเดินไปถอดเสื้อกราวน์ด้านนอกออกเเล้วหันหลังให้เขา ผมไม่ตั้งใจที่จะร้ายขนาดนั้นใส่เธอ เเต่ดูจากท่าทางเเละประโยคสนทนาในวันนี้เเล้วผมก็พอจะรู้ว่าเธอเอาจริง เเล้วก็ดูเหมือนจะยอมคนไม่เป็นซะด้วย "เเต่เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง อย่ามาเดินหนีโฮมแบบนี้" "คุยกันก็มีเเต่ทะเลาะ มีเเต่ความไม่เข้าใจ จะคุยไปเพื่ออะไรอ่ะโฮม"ผมบอกปัด "เเล้ววันนี้คุณไปไหนมา ทำไมพึ่งกลับ เลิกนานเเล้วไม่ใช่เหรอไง" "ไปโรงพยาบาล เเวะห้าง ซื้อของขวัญให้น้องแฮปปี้ เเล้วผมก็รีบกลับมาหาคุณ ..มีอะไรอีกไหม" "อย่าประชด.." "ผมไม่ได้ประชด ผมเเค่ตอบตามความจริง" "โอเค..ได้ งั้นไว้คุยกันตอนที่ใจเย็นกว่านี้ก็เเล้วกัน" ผมยืนนิ่งปล่อยให้เขาเดินออกไปอย่างเงียบๆ จนเสียงประตูดังขึ้น เเข้งขาที่ยืนอยู่จู่ๆมันก็ไร้เรี่ยวเเรงขึ้นมาซะงั้น เเขนขามันชารวมถึงริมฝีปากผมที่เม้มเข้าหากันเเน่น กัดจนมันห้อเลือด ตอนเเรกก็ว่าจะคุยด้วยดีๆ เเต่ทำไมมันถึงเป็นเเบบนี้ไปได้.. ขอโทษที่ผมไม่สามารถสลัดกำเเพงตรงนี้ทิ้งไปได้เลย ..ขอโทษ ผมจะไม่มีทางให้เหตุการณ์เดิมมันเกิดขึ้นอีกครั้งเเน่นอน ...ไม่มีทาง ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม