สารภีตัดสินใจอย่างหดหู่ เธอจะไม่หนี ไม่ดิ้นรนอะไรอีก ใครให้ทำอะไรก็จะทำ
ทำไปจนตาย!!!
ถ้าเธอไม่มีลมหายใจก็คงหมดทุกข์หมดโศก ไม่มีใครมาเอารัดเอาเปรียบเธออีก
ด้านล่างมีแสงสีเสียงชวนปวดหัว เธอถูกผลักให้ไปเสิร์ฟเครื่องดื่มรินเหล้าให้แขก
พวกผู้ชายเหมือนกันหมด อยากแตะเนื้อต้องตัว แรก ๆ เธอก็ปัดป้อง หลัง ๆ เธอปล่อยเลยตามเลย เพราะไม่อยากเจ็บตัว ใครอยากจับอยากขยำก็ทำไป
“โต๊ะโน้นเรียกเธอแน่ะ เห็นบอกว่าจะให้ทิปหนัก” เสียงกระซิบริมหูที่ดังขึ้นทำให้สารภีหันไปมอง เธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิงห์นั่งดื่มอยู่ตรงนั้นกับเพื่อนกลุ่มเดิมของเขา
สารภีขาแข็งตัวชา รู้สึกเหมือนก้อนอะไรแล่นมาจุกอยู่ที่คอหอย เธอโดนผลักและดันให้มาที่โต๊ะของสิงห์ แต่คนที่โดนเธอตีหัวไม่มาด้วย
“เด็กใหม่น่ะค่ะ ฝากด้วยนะคะ รับรองว่าคนนี้สดใหม่ค่ะ” แม่เล้าที่ดูแลผับกระซิบกระซาบหัวร่อต่อกระซิก สารภีหน้าชาไปทั้งแถบ เธอรู้สึกอับอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ว้าย!” เด็กสาวร้องเสียงหลงเมื่อโดนกระชากเข้าไปหา สิงห์ดึงเธอไปนั่งตักสีหน้าของเขาเย็นชาเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน
“รินเหล้าสิ อยากได้ทิปไม่ใช่เหรอ” เขาบอกเสียงกระด้าง มือล้วงควักเข้ามาในร่มผ้า สารภีดิ้นหนีแต่เขาไม่ยอมปล่อย
เธออับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เพราะเขาเป็นคนที่เธอแอบรัก
เด็กสาวเม้มปากสั่นระริกแทบจะร้องไห้ เธอไม่ใช่สาวน้อยไม่ประสาแต่ก็ไม่อยากให้ผู้ชายที่แอบรักดูถูกดูแคลนเช่นนี้
“จะดิ้นทำไม หรือว่าต้องทำท่าทำทางเล่นตัวเอาไว้เพื่ออัปค่าตัว” น้ำเสียงแดกดันของเขาทำให้เธอเจ็บแปลบในหัวใจไม่น้อย
“วันก่อนยังหวงเนื้อหวงตัวอยู่เลย ไม่คิดว่าหนูกล้วยคนสวยจะมาทำงานในที่แบบนี้” เพื่อนของสิงห์พูดแล้วทำสายตาแทะโลม สารภีดิ้นหนีจนสำเร็จ แต่พอเธอจะวิ่งหนีก็เจอเข้ากับชายร่างยักษ์สองคนเข้ามาขวางหน้าเอาไว้
“เจ๊บอกให้ดูแลแขกโต๊ะนี้ให้ดี” เสียงเหี้ยมที่พูดออกมาทำให้เธอต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างอดสูใจ
“ฉันขอนอกสถานที่ เท่าไหร่จ่ายไม่อั้น” สิงห์พูดขึ้น ไอ้หน้าเหี้ยมร่างยักษ์ทั้งสองรีบพยักหน้าไปตามแม่เล้ามาในทันที
พอต่อรองราคากันเสร็จสิงห์ก็กระชากร่างเล็กออกไปจากผับในทันที ก่อนไปยังทิ้งเงินเอาไว้ให้เพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง
“วันนี้ฉันเลี้ยง นายก็หาคนอื่นติดมือไปแล้วกัน” สิงห์บอกเพื่อน อีกสองหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร หันไปกวักมือเรียกสาว ๆ มานั่งใกล้ ๆ ในทันที
“ชอบเหรอทำงานแบบนั้น” สิงห์เอ่ยถามขณะอยู่ด้วยกันในม่านรูด เขาอัดควันบุหรี่เข้าปอดหรี่ตามองเด็กสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมตอบคำถาม
“อ้อ... ที่ไม่ตอบนี่อยากให้ทำเร็ว ๆ ไม่ต้องเสียเวลานั่งถามสินะ ฉันก็ลืมไปว่าเธอนิสัยเป็นยังไง” คนพูดดึงเสื้อผ้าออกจากกาย สารภีเจ็บจนพูดไม่ออก เขาพูดเหมือนเธอเลวร้ายเสียเต็มประดา
เด็กสาวพยายามจะไม่ร้องไห้ อย่าอ่อนแอเด็ดขาดไม่เช่นนั้นเธอจะโดนหัวเราะเยาะแล้วก็โดนรังแกเอาอีก สิงห์กดร่างเล็กแต่แสนอวบอัดลงบนเตียง เธอหลับตานอนตัวแข็ง ทำให้เขาชะงัก
“เธอควรจะทำหน้าที่ให้ดีนะ ฉันเสียเงินไปเยอะ” เขาพูดจาถากถาง เธอลืมตามองเขาอย่างน้อยใจ เป็นครั้งแรกที่สิงห์รู้สึกไม่ปกติเมื่อได้สบตากับเธอ สารภีค่อย ๆ ดันร่างสูงใหญ่นอนลงเบื้องล่าง เธอช่วยเขาถอดกางเกงอย่างเลื่อนลอย ทำเสร็จ ๆ ไปจะได้กลับไปพัก เขาซื้อเธอมาทั้งคืน อย่างน้อยคืนนี้ก็มีที่ซุกหัวนอน และไม่ต้องไปนอนกับผู้ชายคนอื่น
สิงห์ตะครุบมือน้อยที่กำลังจัดการปลดกางเกงของเขา เธอเงยหน้ามองเขาสายตาว่างเปล่า เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกใจหาย
“เป็นอะไร”
“เป็นโสเภณีค่ะ ดิฉันต้องบริการลูกค้าให้ดีที่สุด ถ้าไม่พอใจเดี๋ยวทางผับจะเสียชื่อเสียงได้” เธอตอบเสียงราบเรียบพยายามดึงกางเกงของเขาให้พ้นไปจากสะโพกแต่ไม่สำเร็จ
“ทำตัวแข็งเหมือนท่อนไม้แบบนี้จะไปมีอารมณ์อะไร” เขายังสาดคำพูดเจ็บช้ำใส่เธอ หญิงสาวก้มหน้าก่อนจะค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกจากกาย เธอทำมันเหมือนหุ่นยนต์ ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร แม้จะรักเขาเพียงใด แต่เธอไร้ค่าสำหรับสิงห์เสมอ
ควรทำใจ!
อย่าไปหวังสูง!
ผู้หญิงด้อยค่าอย่างเธอทำอาชีพแบบนี้เหมาะสมที่สุดเหมือนอย่างที่มารดาพูดเอาไว้นั่นแหละ
“เป็นอะไร” สิงห์ถามอีก เขายอมรับว่าไม่ได้มีอารมณ์พิศวาสอะไรในตัวเด็กสาวตรงหน้าเลย เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาถอดเสื้อผ้าจนเขาต้องดึงร่างเล็กมาเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
“ถามว่าเป็นอะไร”
“เป็นอีตัวไง เหมือนที่ลุงสิงห์ชอบด่ากล้วยนั่นแหละ พอใจหรือยัง ฮึก ๆ ฮือ ๆ ฮือ ๆ” เธอระเบิดอารมณ์ใส่เขา ก่อนจะร้องไห้ มือน้อยปิดหน้าปิดตาร้องไห้โฮออกมา สิงห์ได้แต่อึ้งเขายื่นมือไปแตะไหล่บอบบาง แต่เธอสะบัดหนี
สารภีรวบเสื้อผ้ามาสวมใส่ เธอเดินเซ ๆ ไปที่ประตูก่อนจะขาแพลง
“โอ๊ย!” คนอยากหนีร้องด้วยความเจ็บ แต่ไม่อยากให้ใครด่าหาว่าสำออยอีก เลยรีบกัดฟันลุกขึ้น เธอเดินขากะเผลกไปที่ประตูในขณะที่ร่างสูงใหญ่พุ่งเข้ามาดึงร่างเล็กเอาไว้
“โอ๊ย!” ร่างของสารภีเซแซด ๆ เธอนิ่วหน้าปวดข้อเท้าอย่างหนัก แต่ก็ยังฝืนดิ้นหนีเพื่อจะเดินไปจากห้อง
“ยายเด็กดื้อ” เขาอุ้มเธอขึ้น เด็กสาวร้องประท้วง เขาก็พาเธอออกจากห้องพักจับเธอโยนเข้าไปในรถ
“โอ๊ย!” เธอร้องด้วยความเจ็บ พยายามจะตะกายลงจากรถแต่เขาขึ้นมาล็อกรถเอาไว้ แถมยังขู่เธอเสียงเข้ม
“อยากตายก็กระโดดลงไปสิ” เขากระชากรถออกจากม่านรูด สารภีปวดข้อเท้าจนต้องนิ่วหน้า เหงื่อผุดพรายไปทั่วใบหน้า เขาขับรถเร็วมากจนเธอนึกกลัว ความเจ็บปวดทำให้เธอนั่งนิ่งพยายามไม่เคลื่อนไหวอันใด
รถจอดสนิทหน้าบ้านพักของสิงห์ เธอมองบ้านของเขานิ่ง ๆ คิดว่าเขาคงเปลี่ยนสถานที่ไม่อยากอยู่ที่ม่านรูดอีก
แค่คิดถึงสถานที่ที่เพิ่งจากมาก็รู้สึกขมคออดสูใจเข้าไปอีก เธอมีค่าแค่ไหนไม่ต้องบอกก็รู้จากการกระทำของคนข้างกาย
น้ำ¬รินเคยบอกเธอว่าคนเรามีคุณค่าทุกคน แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะอยู่ตรงไหนก็แค่นั้นเอง ถ้าเราอยู่กับคนที่เห็นคุณค่าของเรา เราก็จะมีคุณค่า แต่ถ้าเราอยู่กับคนที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของเรา เราก็ไม่มีคุณค่าสำหรับคนคนนั้น
แต่คนรอบข้างไม่เคยมีใครเห็นคุณค่าของเธอเลย แม้แต่ตัวเธอเองบางครั้งยังนึกด้อยค่า
“โอ๊ย!” เขาดึงเธอลงจากรถ และเหมือนสิงห์เพิ่งนึกได้ว่าเธอขาแพลงอยู่ เลยจัดการอุ้มเธอเข้าบ้านแทน
เธอกอดคอหนาของเขาเอาไว้ มองหน้าเขาแล้วก้มงุดเมื่อเขาก้มลงมาหา ได้สบตาคมดุคู่นั้นก็ทำให้เธอใจสั่นระริก
“ลุงสิงห์คะ กล้วยไม่ไหว ให้ทางผับหักเงินเดือนจากกล้วยก็ได้ คืนนี้กล้วยคงทำให้ลุงสิงห์พอใจไม่ได้”
เธอรีบบอกเขาปากคอสั่น นิ่วหน้าปวดข้อเท้า เขาไม่พูดอะไรรีบก้มมองสำรวจข้อเท้าของเธอในทันที
“โอ๊ย!” สารภีร้องเสียงหลงเจ็บจนน้ำตาร่วง
“นั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับ” เขาทำเสียงดุก่อนเดินหายเข้าไปหลังบ้าน แล้วรีบเดินมาคุกเข่าประคบเท้าให้เธอ สารภีดึงเท้าหนีมองอย่างตกใจ แต่เขาดึงกลับไป ก่อนทำเสียงดุ
“บอกให้อยู่นิ่ง ๆ ไง” เขาประคบเสร็จก็ไปหาผ้ามาพันข้อเท้าให้เธอ สารภีไม่เข้าใจการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย
“นอนซะ อย่าดื้อ ไม่อย่างนั้นโดนหนักแน่”
เขาจับเธอกดลงบนเตียงก่อนจะห่มผ้าให้จนถึงคอ สารภีไม่กล้าหนีไม่กล้าเถียงหรืออาละวาดอะไร เธอเหนื่อยเกินกว่าจะสู้รบตบมืออะไรกับใครได้อีก
ใครอยากให้ทำอะไร อยากไล่ให้ไปเป็นวัวเป็นควายไปไถนาเธอก็ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรอยู่แล้ว