อิ่มหนำสำราญจากอริสาแล้วภามินเขียนเช็คให้หล่อนเป็นค่าตัวก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดออกมาสวมลวกๆ เสยผมแก้เซ็งก่อนเดินออกจากห้องทำงานไปไม่สนใจร่างกายเปลือยเปล่าแสนอ่อนระทวยนั่นอีก ข้างหลังนั้นอริสามองตามด้วยความไม่พอใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้นอกจากตะครุบเอาเช็คใบนั้นมาจูบ
ภามินขับรถยุโรปคันหรูกลับบ้านของตนเองที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่นัก ระหว่างทางเขาเห็นแผ่นหลังคุ้นเคยเดินกลับบ้านเหมือนทุกวันและก็เป็นเหมือนเดิมเพราะเขาไม่คิดจะจอดและให้หล่อนติดรถกลับบ้านด้วย ขับผ่านเลยไป
“คนใจร้าย...” ริมฝีปากบอบบางพึมพำพูด ช้อนแพขนตางามงอนขึ้นมองท้ายรถยนต์คันหรูที่ขับแซงหน้าตนเองไป ปกติหล่อนจะเดินทางไปกลับบ้านกับโรงแรมด้วยรถยนต์คันเล็กที่คุณท่านทั้งสองซื้อให้ใช้แต่พอท่านทั้งสองเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศภามินก็ยึดกุญแจไปเก็บไว้กับตัวเอง
‘หน้าอย่างเธอไม่ควรชูคอขับรถหรูแบบนี้ เงินพ่อแม่ฉันซื้อให้ไม่ใช่ถูกๆ หัดรู้จักเกรงใจซะบ้าง!’
เสียงเข้มเอ่ยต่อว่าดังก้องไม่แคร์เลยว่าหล่อนจะรู้สึกยังไง
‘แต่คุณลุงคุณป้าซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้รันนะคะ’
‘นั่นมันเรื่องของเธอ ตราบใดที่พ่อแม่ยังไม่กลับเธอก็เดินกลับบ้านเองแล้วกัน หรืออยากจะอ่อยให้ผู้ชายคนไหนมาส่งก็เชิญ!’ ว่าจบภามินก็เดินจากไปพร้อมกุญแจรถ
ดารัณยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ ก้าวเดินต่อไปอย่างเลื่อนลอย หล่อนต้องใช้เวลาเดินไม่ต่ำกว่าสิบนาทีทุกครั้งจนชินกับระยะทางเสียแล้ว ริมฝีปากสีหวานคลี่รอยยิ้มอ่อนโยนส่งผ่านกำลังใจให้ตัวเองก่อนจะชะงักริมฝีปากค้างเมื่อโทรศัพท์มีสายเรียกเข้า
“สวัสดีค่ะพี่นนท์” ดารัณรับสายเสียงอ่อนหวาน
‘น้องรัน เย็นนี้ว่างไหม ไปกินข้าวข้างนอกกัน’
“เอ่อ... รันเองก็ไม่มั่นใจค่ะ รันกำลังเดินทางกลับบ้านถ้ายังไงจะโทรกลับภายในสามสิบนาทีนะคะ”
หล่อนบอกเผื่อๆ ไว้เพราะปกติแล้วภามินมักจะออกจากบ้านทันทีที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็กลับมาอีกทีช่วงเที่ยงคืนในสภาพเมามาย ฉะนั้นหากวันนี้เขาไปอีกหล่อนย่อมมีโอกาสออกไปเปิดหูเปิดตากับชานนท์ได้
‘ได้ครับ พี่จะรอนะ’
“ค่ะ พี่นนท์”
ใช้เวลาเดินต่ออีกห้านาทีก็มาถึงบ้านอดิศวร ดารัณเปิดประตูเล็กช่องคนเดินเข้าไปข้างในด้วยความอ่อนเพลีย “ป้านิ่มขา รันกลับมาแล้วค่ะ”
“กลับมาแล้วเหรอคะคนเก่งของป้านิ่ม” ป้านิ่มละสายตาจากหม้อแกงร้อนๆ มาส่งยิ้มให้คุณหนูคนเล็กของบ้าน “มาถึงเหนื่อยๆ เอาของไปเก็บก่อนเถอะค่ะแล้วลงมาทานของหวาน วันนี้ป้าทำบัวลอยไข่หวานของโปรดของคุณหนูรันให้ด้วยนะคะ”
“ว้าว! จริงเหรอคะ รันกำลังนึกอยากกินอยู่พอดีเลย”
“จริงค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นขอรันเอาของขึ้นไปเก็บแป๊บนึงนะคะ รักป้านิ่มที่สุดเลย จุ๊บ” ดารัณโถมกายเข้ากอดจูบแก้มหญิงวัยกลางคนด้วยความรักก่อนหัวเราะคิกคักลืมความเหนื่อยออกจากห้องครัวขึ้นไปยังชั้นบนบ้านเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บและนั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อย
“เฮ้อ! ปวดขาชะมัด” มือบอบบางบีบนวดน่องตนเองหนักหน่วงแต่ก็ยังไม่หายปวด หล่อนต้องเดินไป-กลับ บ้านกับโรงแรมนานนับสัปดาห์ บางครั้งเหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่ก็ต้องกัดฝันเดินกลับมาให้ถึงบ้านเพราะถูกภามินข่มขู่ไว้ว่าห้ามบอกเรื่องโดนยึดรถให้ใครรู้ และมันบ้ามากที่หล่อนยอมทำตามคำสั่งกึ่งคำข่มขู่ของเขา!
ดารัณนั่งพักผ่อนราวสิบนาทีจึงลงไปยังชั้นล่างเพื่อทานบัวลอยไข่หวานอร่อยๆ ฝีมือป้านิ่ม กินไปยิ้มไปจนป้านิ่มต้องเอื้อมมือมาหยิกแก้มครั้งแล้วครั้งเล่า
“น่ารักจริงๆ เลยคุณหนูรันของป้าเนี่ย น่าแปลกนะคะทำไมไม่มีใครมาจีบ”
“สงสัยชาตินี้รันคงขายไม่ออกได้เกาะป้านิ่มไปตลอดชีวิตแน่เลยค่ะ” หญิงสาวพูดติดตลกเผยรอยยิ้มซุกซน เคี้ยวตุ้ยๆ เต็ม
“ทำไมจะขายไม่ออกล่ะ ไอ้หมอนั่นไม่ซื้อเหรอหรือว่าให้มันกินฟรี” เสียงคมเข้มของภามินดังขึ้นทำให้ดารัณกับป้านิ่มหันมองไปทางต้นเสียงเป็นตาเดียว ป้านิ่มนั้นงุนงงส่วนดารัณหน้าชาดิกไม่คิดว่าภามินจะดูถูกตนเองมากขึ้นขนาดนี้ แต่หล่อนก็ไม่คิดพูดต่อให้มากความลุกขึ้นเดินไปหยิบถ้วยใบเล็กมาตักบัวลอยให้เขาทานด้วยกัน
“นั่นเธอจะไปไหน!” ภามินถามเสียงห้วนเมื่อเขานั่งลงแล้วดารัณหยิบถ้วยบัวลอยเดินไปทางอื่น
“เอ่อ... รันจะไปนั่งกินข้างนอกค่ะ”
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น! นั่งลงที่เดิม เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบนั่งกินคนเดียว!”
“เอ่อ... ค่ะ” ดารัณจำต้องทำตามคำสั่งของเขา ป้านิ่มมองคุณหนูทั้งสองของบ้านด้วยแววตาอ่อนใจ คุณภามเป็นอย่างนี้ไม่เคยพูดดีกับคุณหนูรันเลยสักครั้ง ทั้งที่คุณหนูรันก็น่ารักทั้งยังยอมทำตามทุกคำสั่งของคุณภามแท้ๆ ป้านิ่มไม่เข้าใจความคิดความอ่านเลยซะจริง