ตอนที่ 4 อดใจไว้ อดใจไว้

1396 คำ
ตอนที่ 4 อดใจไว้ อดใจไว้ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ วันวิสาก็อาสาทำหน้าที่เก็บจานชามไปล้าง นัยหนึ่ง เธอเองก็อยากจะโชว์ไต้ฝุ่นด้วยว่า สามารถทำงานได้ทุกอย่างตามที่พูดเอาไว้จริง ๆ “วิสา ไม่ต้องทำแล้ว นายท่านให้มาตาม” เสียงของรวีที่เป็นแม่บ้านดังขึ้นจากทางด้านหลัง วันวิสาจึงหยุดล้างจานแล้วหันไปมอง “คุณเขาตามหนูเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นหนูฝากคุณน้าทำต่อด้วยนะคะ ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องรบกวน” รวีพยักหน้ารับ ส่วนคนตัวเล็กก็รีบเช็ดมือแล้วออกไปหาเจ้าของบ้านที่ต้องการจะพบเธอ “คุณให้น้าแม่บ้านไปตามหนูเหรอคะ” วันวิสาถามขึ้นทันทีเมื่อเธอเดินออกมาทางหน้าบ้านแล้วเห็นไต้ฝุ่นยืนอยู่ “อืม ฉันให้รวีไปเรียกเธอเอง ออกไปข้างนอกกับฉัน” “ไปข้างนอก ไปทำไมคะ” เจ้าของส่วนสูงแค่ร้อยห้าสิบกว่า ๆ เอียงคอถามด้วยความสงสัย ไม่ใช่ว่าเขาจะจ้างเธอให้เป็นแม่บ้านหรือไง แล้วทำไมถึงต้องพาออกไปข้างนอก หรือว่า.. “คุณจะพาหนูไปทิ้งเหรอคะ ไหนบอกว่าจะยอมจ้างหนูทำงานแล้วไง คุณผิดคำพูดนี่นา” “วิสา หยุด!” ไต้ฝุ่นสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนที่จะดุคนตรงหน้าเสียงดังเพื่อให้เธอหยุดพูด เมื่อโดนดุ สาวน้อยก็ช้อนสายตากลมโตขึ้นมามองเขาด้วยทีท่าเหมือนกับจะร้องไห้ เพียงแค่นั้นก็ทำเอาไต้ฝุ่นถึงกับทำอะไรไม่ถูก “คุณดุหนูทำไม” “ฉันแค่อยากให้เธอหยุดพูด แล้วฟังฉันก่อนก็แค่นั้น” ดูเหมือนว่าการที่จะมีเธออยู่ในบ้านคงไม่ใช่เรื่องง่าย คงต้องบอกและสอนอีกหลายสิ่งหลายอย่าง “ที่ฉันให้รวีไปเรียกเธอ เพราะจะพาออกไปซื้อของ เธอไม่มีอะไรติดตัวเลยไม่ใช่หรือยังไง ทั้งเสื้อผ้า แล้วก็ของใช้ส่วนตัว” วิสาโยกหัวหงึกหงักขึ้นลงเมื่อได้ยินเหตุผลของเขา แล้วก็ตามมาด้วยรอยยิ้มน่ารักเช่นเคย “คุณใจดีจัง รับหนูเข้าทำงานแล้วยังจะพาไปซื้อของอีก ขอบคุณนะคะ” พอได้ยินคำว่าขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มนั้น ทำเอาไต้ฝุ่นต้องรีบเบือนหน้าหนีอีกครั้ง ..อดใจไว้ อดใจไว้ เขาได้แต่ท่องคำ ๆ นี้อยู่ในใจ.. ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดหน้ามืดตามัวรวบหัวรวบหางเด็กอายุรุ่นเยาวชนแบบนี้มีหวังโดนพ่อตีหัวแตก ////// ห้างสรรพสินค้า ไต้ฝุ่นจอดรถเสร็จ ก็พาวันวิสาเดินเข้ามาข้างในเพื่อเลือกชื้อเสื้อผ้าและของใช้ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะกลายเป็นผู้ปกครองของเธอไปโดยปริยายเสียแล้ว เพียงแค่ก้าวขาเข้ามาข้างใน ดวงตากลมโตของเธอก็เอาแต่มองไปรอบ ๆ สำรวจสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น “ป้าด..เคยเห็นแต่ในหนัง บ่คิดว่าสิได้มาย่างอีหลี” เสียงเล็กพูดออกมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ทำเอาไต้ฝุ่นต้องรีบปราม “ฉันบอกแล้วไงให้พูดภาษาที่ฉันเข้าใจ” “เอ้าคุณ ก็หนูตื่นเต้นนี่คะ จะพูดภาษาอีสานมันก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่นา คุณฟังไม่เข้าใจก็เรื่องของคุณสิ หนูไม่ได้ด่าคุณสักหน่อย เข้าใจบ่คะ” ดูเหมือนว่ายัยเด็กขี้แยที่ทำหน้าเหมือนแมวโดนทิ้งอ้อนวอนขอให้เขารับเขาทำงานเมื่อเช้าจะเริ่มลืมตัวเสียแล้ว ตอนนี้ถึงได้กล้าทำหน้าล้อเลียนเขาอย่างสนุกสนาน “เธออยากได้อะไรก็หยิบเอาได้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเงินเอง รีบ ๆ ด้วยล่ะ ฉันยังจะต้องไปทำงานอีก” “ได้เลยค่ะ หนูซื้อไม่เยอะหรอก เกรงใจคุณ” ไอ้คำว่าเกรงใจที่พูดออกมา ดูเหมือนจะตรงข้ามกับการกระทำอย่างสิ้นเชิง เพราะตอนนี้ยัยเด็กเตี้ย เดินเข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ ได้ของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ไหนล่ะ..ไอ้คำที่ว่าเกรงใจ หลังจากซื้อของจนพอใจแล้ว วันวิสาก็เดินยิ้มแป้นกลับมาหาคนตัวโตที่ยืนรออยู่หน้าร้าน “ได้ครบแล้วค่ะคุณ ปะ กลับบ้านกันได้แล้ว” ดูที่พูดเข้าสิ ฟังเหมือนเธอกำลังชวนเขากลับบ้านของเธอยังไงยังงั้น “ยังกลับไม่ได้ ต้องไปซื้อโทรศัพท์ให้เธอก่อน” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณ มันแพง” “แล้วทั้งหมดที่อยู่ในมือเธอน่ะ มันไม่แพงหรือยังไง เธอจำเป็นต้องมีโทรศัพท์ อย่างน้อย ๆ จะได้โทรหาที่บ้านได้” จริงด้วย เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย ตั้งแต่มาถึงกรุงเทพฯ วันวิสาได้โทรกลับบ้านแค่ครั้งเดียวตอนลงจากรถทัวร์ จากนั้นเธอก็ไม่ได้โทรอีกเลย ป่านนี้พ่อคงเป็นห่วงแย่แล้ว ไต้ฝุ่นเดินนำหน้าเธอเข้าไปยังร้านขายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดัง วันวิสาได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าร้าน ความจริงเธอกลัวจะซุ่มซ่ามไปเดินชนของข้างในมากกว่า ขืนทำอะไรพังเธอคงไม่มีปัญหาชดใช้ “เข้ามาสิ จะได้เลือกว่าเธออยากได้แบบไหน” “เอาแบบไหนก็ได้ค่ะ แค่พอโทรหาที่บ้านได้ก็พอ” “เข้ามาเถอะ จะกลัวอะไร ฉันอยู่นี่ทั้งคน” มือหนาเอื้อมไปคว้าข้อมือเล็กมากุมไว้ แล้วออกแรงจูงเธอเข้ามาข้างในด้วยกัน คนที่พึ่งจะได้ใช้นางสาวมาแค่สองปีกว่าถึงกับหน้าแดง นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัวแตะเนื้อต้องตัวเธอ “ฉันว่าเอาเครื่องนี้ก็ดีนะ” ชายหนุ่มพูดขึ้นระหว่างที่กำลังมองดูโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนที่เขาพูดด้วย “วิสา” “...” “วิสา ฉันถามได้ยินหรือเปล่า” “คะ คุณว่าอะไรนะคะ” เมื่อเขาสะกิดเรียก วันวิสาถึงได้หายเหม่อลอย “คิดอะไรของเธออยู่ ฉันบอกว่าเอาเครื่องนี้ก็ดีนะ” “ค่ะ ค่ะ เครื่องไหนก็ได้ค่ะ” เลือกโทรศัพท์ที่เหมาะกับเธอได้แล้ว ไต้ฝุ่นก็บอกให้พนักงานจัดการให้พร้อมกับจ่ายเงินเรียบร้อย เมื่อได้ทุกอย่างครบ ทั้งคู่ก็พากันเดินกลับมาที่รถ ไต้ฝุ่นขึ้นนั่งประจำที่คนขับ โดยมีหญิงสาวนั่งอยู่ข้างกัน แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะพูดน้อยลงกว่าตอนมาถึงใหม่ ๆ “เป็นอะไร จู่ ๆ ก็เงียบ” “เปล่าค่ะ หนูแค่คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ” วันวิสาตอบกลับ ไอ้เรื่องคิดถึงพ่อน่ะก็ใช่ แต่อีกเรื่องก็คือเขานี่แหละ ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกวูบวาบแปลก ๆ ตอนที่โดนคนตัวโตจับข้อมือ “เดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่บ้านนะ เธอก็ช่วยรวีทำงานที่บ้านก็แล้วกัน อะไรไม่รู้ก็ให้ถามรวี เข้าใจไหม” “เข้าใจแล้วค่ะ” ////// ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ รถของไต้ฝุ่นก็กลับมาถึงบ้าน หลังจากที่เธอขนของลงจากรถเรียบร้อยแล้ว ไต้ฝุ่นก็เรียกลูกน้องให้มาทำหน้าที่คนขับเพื่อที่เขาจะได้ทำงานต่อ ส่วนวันวิสาก็ไปช่วยรวีทำงานบ้าน “น้ารวี มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ บอกมาได้เลยนะคะ หนูทำได้หมดทุกอย่างเลย ตอนอยู่บ้านนอกหนูก็เป็นคนทำงานทุกอย่างเองคนเดียวค่ะ” เสียงเล็ก ๆ พูดขึ้นพร้อมกับอวดสรรพคุณของตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นก็ไปรดน้ำต้นไม้ทางด้านหน้านู้นนะ เสร็จแล้วก็เอาผ้าไปซัก แล้วก็อบแห้งให้เรียบร้อย จากนั้นก็พับเก็บ เป็นพวกเสื้อผ้าที่นายท่านใส่อยู่บ้านธรรมดา ไม่มีอะไรยากหรอก แค่อ่านป้ายว่าอันไหนใช้น้ำยาแบบไหนแค่นั้น ทำได้ไหม” “ทำได้สิคะ สบายมาก” ตบปากรับคำเสร็จ วันวิสาก็เดินหายไปทางข้างบ้าน แต่จะว่าไปบ้านหลังนี้มันใหญ่เกินคำว่าบ้านไปมาก แค่จะเดินไปรดน้ำต้นไม้ยังเหนื่อย เรียกว่าคฤหาสน์น่าจะเหมาะสมกว่า //////////////////////////////// ในคำว่า สบายมาก มักมีหายนะซ่อนอยู่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม