“เจ้าเป็นนักเล่านิทานมิใช่หรือ ลองเล่ามาสักเรื่องสิ ถ้าหากทำให้ข้าหลับได้เหมือนทาสเด็กเหล่านั้น ข้าจะยอมไว้ชีวิตเจ้า” หานเซ่อเอ่ยพร้อมกับล้มตัวนอนลงบนกลางเตียงทันที
“นักเล่านิทานหรือ ข้าไม่ใช่นักเล่านิทาน” เสียงหวานเอ่ยปฏิเสธ ทว่าเมื่อเห็นสายตาดุดันน่าเกรงขามนั้นแล้ว ทำให้เธอรีบหาทางออกให้ตัวเองทันที “ก็แค่เล่านิทานแปลก ๆ ให้เด็ก ๆ ฟังเท่านั้น”
เฉินอวี้หรานขยับตัวจะลงจากเตียงเพื่อลงไปนั่งข้างล่างเพื่อความปลอดภัยของตน หากทว่าปลายเท้ายังไม่ทันได้หย่อนลงพื้น ก็ถูกมือของคนบนเตียงคว้าเอวเอาไว้เสียก่อน
“จะไปไหน เห็นข้าอ่อนข้อให้หน่อยก็เหิมเกริม คิดจะขัดคำสั่งของข้ารึ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“ไม่ใช่นะ!” เจ้าของใบหน้างามเอ่ยปฏิเสธทันที ก่อนจะมองเตียงอย่างไม่ไว้ใจ “ข้าแค่จะลงไปนั่งข้างล่างเพียงเท่านั้น”
ถ้าอยู่ข้างบน เกิดพูดสิ่งใดไม่เข้าท่าออกไป เธอมิโดนจับกดหรอกหรือ ทางที่ดีควรเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อน ถึงแม้ว่าการลอบทำร้ายเขาอาจจะทำให้หัวสวยๆ ของเธอหลุดออกจากบ่าแทน
“ไม่ต้อง นั่งอยู่บนนี้ดีแล้ว และข้าเหนื่อยเกินที่จะทำอะไรไปมากกว่าการนอนด้วย” เจ้าของเสียงทุ้มตอบกลับอย่างรู้ทัน
ก็นอนไปสิ! เหตุใดต้องให้เธอเล่านิทานให้ฟังด้วย!
จะว่าไปแล้วในนิยายก็ไม่ได้อธิบายปมของหานเซ่อเสียด้วยสิ แล้วอย่างนี้เธอจะเดาใจเขาได้อย่างไร แต่บรรยากาศในเวลานี้ไม่ได้รู้สึกกดดันเท่าเมื่อวาน ก็ถือว่าดีมากแล้ว อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ได้ทรมานเธออย่างเช่นวันที่ผ่านมา
อย่างน้อยก็ตอนนี้ล่ะนะ…
คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมทั้งขยับตัวขึ้นไปนั่งบนเตียงตามคำสั่งของชายหนุ่มทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัยของตน
“แล้วท่าน... ชอบฟังเรื่องราว... ประเภทใด” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างหวาดเกรง
ต่อให้หานเซ่ออ่อนข้อให้ เธอก็ยังเกรงกลัวเขาอยู่ดี ใครจะไปคาดเดาอารมณ์ของเขาได้ ในเมื่อก่อนนี้ยังมองเธอเหมือนสัตว์ตัวเล็กอยู่เลย
“ไม่รู้”
หา...
“ไม่เคยมีผู้ใดมาเล่านิทานให้ข้าฟัง”
เฉินอวี้หรานใจอ่อนยวบเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย อดคิดไม่ได้ว่าชายผู้นี้เติบโตมาอย่างไร แม้กระทั่งตอนยังเยาว์วัยก็ไม่มีคนกล่อมนอน คงโดดเดี่ยวน่าดู
นี่เธอกำลังรู้สึกสงสารเหรอ!
อย่าไปหลงกลเจ้าโรคจิตสิเฉินอวี้หราน ไอ้คนที่กล้าขย่มสาวงามต่อหน้าเธอคนนี้นี่นะน่าสงสาร ไม่มีทาง ถ้าเธอรู้สึกสงสารขึ้นมาล่ะก็ ชาตินี้ทั้งชาติอย่าได้หวังว่าจะมีอิสระเลย
ดวงตาอัญมณีสีอำพันเหลือบมองคนนอนหงายอยู่ไม่ไกล ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะเล่าเรื่อง หญิงงามสองชั่วยาม ก็แล้วกัน”
คิ้วเข้มของแม่ทัพหนุ่มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ เนื่องจากยังไม่เคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มาก่อน
“เล่าสิ”
เฉินอวี้หรานทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกถึงเนื้อเรื่องทั้งหมดจากเทพนิยายในชาติก่อน แน่นอนว่ามันคือเทพนิยายแสนจะโด่งดัง แต่เมื่ออยู่ในโลกแห่งนี้ หากพูดเรื่องซินเดอเรลลาไป ก็คงไม่มีใครรู้จักเป็นแน่ เธอจึงดัดแปลงนิดหน่อยเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งมีเศรษฐีเจ้าของกิจการโรงเตี๊ยมเป็นชายชรา ชายชราผู้นั้นมีลูกสาวหนึ่งคนจากฮูหยินที่เสียไปแล้วหลายปี ชื่อว่า เหมยฮวา เมื่อเหมยฮวามีอายุได้สิบสองปี บิดาของนางได้ตกหลุมรักหญิงม่ายนางหนึ่งนามว่า ซู่เหวิน ซู่เหวินมีลูกสาวสองคนนามว่า ซู่เหริน และซู่จิน เหมยฮวาเห็นว่าบิดาของนางนั้นทำงานหนักเพื่อนางมาโดยตลอด จึงยอมให้บิดาได้มีความสุขโดยการแต่งงานกับซู่เหวิน
ซู่เหวินพาลูกสาวทั้งสองมาอยู่ด้วย ทั้งสามปฏิบัติต่อเหมยฮวาและบิดาของนางเป็นอย่างดี จนกระทั่ง เข้าสู่ปีที่สิบเจ็ดของนาง บิดาก็ด่วนจากไปเสียก่อน...”
ดวงตากลมโตเหลือบมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ เมื่อไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีก
หลับแล้ว?
เฉินอวี้หรานสังเกตเห็นว่าแผงอกเคลื่อนขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอตามลมหายใจเข้าออก จึงค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกว่าจะเป็นพวกนอนหลับยากเสียอีก เพราะคืนนั้นเจ้าตัวตะบี้ตะบันทำกับนางคณิกายันสว่างอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหมดแรง เธอก็เลยคิดว่าหานเซ่อคงเป็นพวกนอนหลับยาก ถึงได้หากิจกรรมทำก่อนนอนเพื่อให้ร่างกายอ่อนล้า แต่คืนนี้กลับนอนหลับต่อหน้าเธออย่างสบายใจเสียได้ ช่างไม่ระวังตัวเอาเสียเลย
หานเซ่อนอนหลับไปแล้ว ในเมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว เธอก็ควรจะออกไปจากที่นี่สักที
เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงค่อย ๆ ขยับกายลงจากเตียงทันที
“จะไปไหน”
คนตัวเล็กชะงักลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงไม่เหมือนคนหลับเลยสักนิดจากด้านหลัง และเมื่อหันไปสองกลับพบว่าดวงตาคู่นั้นยังคงปิดอยู่
หรือว่าเขาจะละเมอ...
เจ้าของใบหน้าหวานถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับก้าวขาลงจากเตียงอีกข้าง ทว่ายังไม่ทันจะลุกขึ้นได้สุดตัว เอวบางเล็กกลับถูกคนที่ตนคิดว่าหลับไปแล้วคว้าลอยไปเสียง่าย ๆ
รู้ตัวอีกทีก็ถูกคนเหนือร่างกดติดลงกับเตียงนุ่มเสียแล้ว
“ข้าถามว่าจะไปไหน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามอย่างไม่พอใจนัก
“ท่านไม่ได้หลับแล้วหรอกหรือ!” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยถามอย่างตระหนก
แม่ทัพหนุ่มแสยะยิ้มเหี้ยม
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กสองปีหรืออย่างไร”
เฉินอวี้หรานคำนวณหาทางออกให้ตัวเองจากสถานการณ์ล่อแหลมนี้ทันที ทว่าครั้นเห็นสายตาคู่ตรงหน้าแล้ว กลับรู้สึกเหมือนทางรอดนั้นได้ถูกปิดตายไปเสียแล้ว
“ข้า... ข้าคิดว่าท่านนอนหลับแล้ว ข้าเลยคิดว่าหมดหน้าที่แล้ว เลยจะออกไปนอนข้างนอก...”
หานเซ่อขมวดคิ้วหลังจากได้รับคำตอบ ดูท่าเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าการที่เขานำตัวนางมาไว้ในกระโจมนั้นไม่ต่างจากการประกาศเป็นเจ้าของ หากออกไปจากกระโจมแล้วนางก็จะไม่ต่างจากสิ่งของที่ใช้ระบายความใคร่ ด้านนอกมีทหารมากมายที่ไม่สามารถคุมกำหนัดของตนได้ ด้วยเหตุนี้ในกองทัพนี้จึงได้มีหญิงบำเรอไว้ใช้สอย
หากนางเดินออกไป ก็คงจะถูกย่ำยี...
ในเมื่อเป็นทาสเชลย การถูกชำเราแทบจะเป็นเรื่องปกติของทาสหญิงในสงคราม แต่ถึงกระนั้นนางคือองค์หญิงแห่งอาณาจักรเฉิน และน่าจะเป็นสายเลือดกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่
เก็บนางไว้ก่อนในเวลานี้อาจจะมีประโยชน์ในภายภาคหน้าในฐานะตัวประกัน อย่างน้อยก็เพื่อป้องกันการแข็งข้อจากสายเลือดราชวงศ์ที่หนีไปก่อนจะถูกสังหารได้
“ไม่ต้องออกไป นอนที่นี่”
หา...
“เดี๋ยว! ท่านแม่ทัพ!” เสียงหวานร้องลั่นเมื่อถูกคนตัวโตกว่ามากกอดก่ายร่างกายของเธอไม่ต่างจากหมอนข้าง อีกทั้งยังซุกใบหน้าลงกับต้นคอของเธออีกต่างหาก
นี่มันอันตรายสุด ๆ เลยไม่ใช่เหรอ!
ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีสิ่งใดเลยเถิดไปมากกว่าการนอนหลับก็ตาม แต่หลังจากคืนนี้ ชีวิตของเธอคงจะวุ่นวายมากขึ้นไปอีกเท่าตัว