โรงเรียนของผมมีกฎแปลกๆ ที่บอกไว้ว่าให้นักเรียนทุกคนออกมาจากโรงเรียนก่อน 18:00 แล้วเหมือนทุกคนจะเคารพกฎนี่กันนะ แต่เมื่อผมไปถามคนอื่นเกี่ยวกับกฎว่าทำไม พวกเขาก็ตอบผมกลับมาว่าไม่รู้เหมือนกัน เพราะแบบนี้ผมเลยไม่ได้สนใจกฎจนวันนี้ วันที่ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดแล้วลืมเวลา จนมียามคนหนึ่งเข้ามาไล่ผมให้ออกไปจากโรงเรียน ผมไม่คุ้นหน้าเขาเท่าไหร่สงสัยจะเป็นยามคนใหม่ แต่มันน่าแปลกที่เขากำลังเดินอยู่กับเด็กผู้ชายที่ใส่เสื้อสีแดง เด็กคนนั้นไม่ใช่นักเรียนเหมือนกับผมงั้นเหรอ..
เป็นครั้งแรกที่ผมออกมาจากโรงเรียนสายขนาดนี้ แต่ผมอาศัยอยู่บ้านคนเดียวเลยไม่ได้กังวลเกี่ยวกับมันมากนัก พ่อแม่ของผมพวกเขาไปทำงานที่ต่างจังหวัดนานๆ ทีถึงจะกลับมาหาผมบ้าง และปกติแล้วผมจะกลับด้วยรถสามล้อของคุณลุงที่เป็นเพื่อนกับแม่ของผม แต่ว่าดึกป่านนี้เขาคงไม่ออกมาวิ่งรับคนแล้วล่ะ ผมเลยเลือกที่จะหาป้ายรถเมล์ เพราะมีบางครั้งนะที่ผมใช้มันเพื่อกลับบ้านแต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก
ผมนั่งรออยู่สักพักก็มีรถเมล์ขับมาจอด สภาพตัวรถนั้นเก่านิดหน่อยแต่ก็ถือว่ารับได้ ผมรีบขึ้นรถไปก่อนจะเข้าไปนั่งที่ริมหน้าต่างทางด้านขวา ข้างในมีคนนั่งอยู่ไม่มากเท่าไหร่คงจะเพราะมันเป็นรถเมล์รอบดึก ผมบิดขี้เกียจก่อนจะผ่อนคลายตัวเองแต่ผลของมันกลับทำให้ผมเริ่มง่วง ที่จริงบ้านของผมก็อยู่ไกลอีกหลายป้ายเลยเพราะงั้นถ้าผมจะพักสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร ผมเลยถือโอกาสหลับตาแล้วงีบเอาแรงสักหน่อย
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะหัวไปโขกกับหน้าต่างรถ ก่อนจะขยับตัวเพื่อให้ร่างกายตื่น ผมรู้สึกได้เลยว่าตัวเองหลับไปนานมากๆ จนสังเกตเห็นว่ารถได้ขับมายังเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย รอบๆ เส้นทางภายนอกมีแสงไฟน้อยมากๆ แถมยังมีต้นไม้อยู่เต็มไปหมด สงสัยผมจะหลับนานเกินไปจนเลยบ้านผมไปแล้วแน่ๆ
คิดได้แบบนั้นผมเลยรีบเดินไปหน้ารถเพื่อไปถามเส้นทางจากคนขับ เผื่อมันอาจจะพอมีทางที่ผมจะกลับบ้านได้ แต่เมื่อผมลุกขึ้นก็เห็นว่าบนรถนั้นไม่มีผู้โดยสารคนอื่นนอกจากผมแล้ว ภาพตอนนี้มันทำให้ผมกลัวนิดหน่อย แต่ผมก็ต้องรีบไปถามคนขับอยู่ดี เมื่อผมเดินไปถึงก็เห็นคุณลุงคนขับนั่งอยู่แต่สภาพของเขาดูเมื่อยล้าผิดปกติ
"ขอโทษนะครับ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกัน"
คุณลุงคนขับไม่ตอบอะไรผมกลับมา ผมลองถามอีก 2-3 คำถามแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากคุณลุง ทำให้ผมยอมแพ้และกลับมานั่งที่เดิมก่อนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างติดอยู่ที่ที่นั่งด้านหน้า เมื่อผมมองมันดีๆ ก็เห็นว่ามันเป็นกระดาษที่มีตัวอักษรเขียนอยู่บนนั้น ผมหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเริ่มอ่านสิ่งที่เขียนอยู่ภายใน...
"ยินดีต้อนรับคุณผู้โดยสารของรถเมล์หมายเลข 998 ปกติแล้วรถเมล์คันนี้จะหยุดวิ่งรับคนก่อน 19:00 แต่หากคุณยังอยู่ข้างในรถจนเกินเวลา โปรดทำตามกฎที่เขียนเอาไว้หากคุณต้องการใช้บริการรถเมล์หมายเลข 998 ในเวลานี้..."
"กฎในการรถเมล์หมายเลข 998"
1. กฎข้อแรกที่คุณควรจะรู้เอาไว้คืออย่านั่งจนสุดสาย รถเมล์คันนี้จะวิ่งในเวลา 19:00 - 04:00 และจะจอดที่ป้ายรถเมล์ทุกๆ 1 ชั่วโมง การที่คุณจะออกมาจากรถเมล์คันนี้ได้คือการลงให้ถูกป้ายเพียงเท่านั้น
ในการจอดรถทุกครั้งจะมีคนเข้ามาเสมอ สังเกตคนเหล่านั้นให้ดีๆ ว่าเขาคือคนปกติหรือเปล่า หากใช่ให้รีบออกจากรถเมล์คันนั้นแล้วอย่ากลับขึ้นไปอีก หากไม่ใช่ให้คุณนั่งอยู่ที่เดิมต่อไป และได้โปรดอย่าลืมว่าคุณมีโอกาสเพียง 9 ครั้งสำหรับการลงให้ถูกป้าย
2. พยายามตั้งสติไว้ตลอดเวลา เพราะตลอดเส้นทางคุณจะต้องคอยรับมือกับผู้โดยสารคนอื่นๆ แต่อย่าได้กลัวว่าพวกเขาจะทำร้ายร่างกายของคุณ ในรถเมล์คันนี้มีกฎที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามไม่เว้นแม้แต่พวกเขา แต่ขอเตือนว่ากฎเหล่านี้จะจบลงเมื่อถึงป้ายสุดท้าย เพราะฉะนั้นขอเเนะนำว่าพยายามอย่าพูดคุยกับผู้โดยสารคนอื่นมากนัก พวกเขารับรู้ได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ขึ้นรถว่าคุณคือสิ่งแปลกปลอมและจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คุณได้กลับบ้านไปได้อย่างปลอดภัย
กฎหลังจากนี้คือวิธีการรับมือกับผู้โดยสารคนอื่นๆ สิ่งเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นซ้ำหรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ แต่เราขอให้คุณตั้งสติเพื่อเตรียมรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้น
3. ระหว่างที่นั่งอยู่หากเห็นว่ามีคนมานั่งตรงที่นั่งด้านหน้าของคุณ สันนิษฐานไว้เลยว่านั่นคือระพีร์ เขามีรูปร่างที่ไม่แน่นอนแต่ข้อสังเกตคือผมที่ยาวจนผิดมนุษย์ เขาเป็นลูกค้าประจำที่ชอบแกล้งคนอื่นให้ตกใจอยู่เสมอ หากคุณเจอเขาให้รีบไปนั่งที่อื่นทันที เขาอาจจะตามมาเมื่อเห็นคุณขยับหนี ให้สลับเปลี่ยนที่นั่งไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะเบื่อและหาเหยื่อที่จะแกล้งคนใหม่แทน
หากคุณดื้อรั้นหรือกลัวที่จะก้าวขาหนี คุณอาจจะได้พบกับใบหน้าอันบิดเบี้ยวที่หลังหัวของเขาก็ได้ มันทำร้ายคุณไม่ได้หรอกแต่มันจะเป็นฝันร้ายติดตามตัวคุณไปจนกว่าจะตาย
4. หากคุณเห็นบอลลูกเล็กๆ กลิ้งมาชนที่เท้า รีบโยนมันออกไปให้ห่าง คุณมีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่ทิพจะเดินเข้ามาเก็บบอลลูกนั่น เขามีรูปร่างเป็นชายวัยกลางคนที่ตัวผอมแห้งพร้อมแขนขาที่ยาวเทอะทะ ข้อสังเกตอีกอย่างคือเขาไม่มีดวงตาแต่คุณอย่าคิดว่าเขาจะมองไม่เห็น เพราะบอลลูกเล็กที่กลิ้งมาชนเท้าของคุณนั่นแหละที่กำลังทำหน้าที่เป็นดวงตาให้แก่เขา
หากคุณเมินบอลลูกนั้นหรือโยนทิ้งไปไม่ทันแล้วทิพมาหยิบมันเองล่ะก็ หลังจากนี้คุณคงจะลงจากรถได้ยากขึ้นเพราะเขาได้มองเห็นคุณเป็นเหยื่อแล้ว เขาจะใช้แขนขาอันยาวเทอะทะนั่นดึงร่างกายของคุณไว้เวลาที่คุณต้องการจะออกจากรถ มันไม่แข็งแรงมากก็จริงแต่มันอาจจะพอถ่วงเวลาให้คุณออกจากรถไปไม่ทันก็ได้ เพราะฉะนั้นขอให้ระวังตัวไว้
5. ระหว่างนั่งถ้าจู่ๆ คุณก็เกิดง่วงขึ้นมาให้รีบปิดหูของคุณซะ เพราะตอนนี้คุณคงได้เจอกับฉัตร เธอมีรูปร่างเป็นหญิงสาวที่ใส่ชุดเดรสสีขาวที่ขาดวิ่นและใบหน้าของเธอถูกเย็บไปด้วยด้ายสีขาวที่ชุ่มไปด้วยเลือด เสียงของเธอจะทำให้คนที่ฟังตกอยู่ในภวังค์ก่อนจะหลับไป แต่เพราะเธอมีเสียงที่เบามากๆ เพียงแค่การปิดหูด้วยมือทั้งสองข้างก็จะสามารถป้องกันเสียงของเธอได้แล้ว คุณจะสามารถเปิดหูออกมาได้ก็ต่อเมื่อเห็นเธอลงไปจากรถแล้วเท่านั้น
หากคุณไม่สามารถปิดหูไว้ได้ทันหรืออดทนต่อความง่วงไม่ไหวแล้วเผลอหลับไป คุณจะฟื้นขึ้นมาอีกทีที่บ้านของฉัตร ในครั้งนี้เธอจะโผล่มาเป็นสาวสวยที่คุณจะตกหลุมรักเธออย่างแน่นอน แต่ขอบอกคุณไว้อีกอย่างว่านั่นเป็นเพียงความฝันที่เธอสร้างขึ้นเท่านั้น ในโลกแห่งความจริงร่างของคุณอาจจะกำลังกลายเป็นอาหารจานหลักของเธอไปแล้วก็ได้
6. หากคุณเห็นว่าร่างกายของคุณเริ่มบิดเบี้ยวทั้งที่ตรงหน้าไม่มีอะไรผิดปกติ ให้หลับตาแล้วตะโกนชื่อมะลิออกมาดังๆ เพราะมันเป็นชื่อของคนที่คุณกำลังเผชิญอยู่และคุณก็คงกำลังมองตาของเธออยู่เช่นกัน มะลิเป็นเด็กสาวขี้อายที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นตัวทำให้คุณไม่สามารถมองเห็นเธอด้วยตาเปล่าได้ ดวงตาของเธอมีฤทธิ์ทำให้คนที่มองไปยังนัยน์ตาของเธอเห็นภาพหลอน แต่เพราะเธอเป็นเด็กสาวขี้อายที่หากคุณเรียกชื่อของเธอได้ดังมากพอ เธอจะตกใจและเผยร่างจริงออกมา แต่เราไม่แนะนำให้คุณลืมตามาดูร่างจริงของเธอตรงๆ หรอกนะ หลับตาไว้จนกว่าจะได้ยินเสียงเธอเดินหนีไปซะ มันใช้เวลาไม่นานนักหรอก
หากคุณหลับตาไม่ทันหรือลืมตามาเห็นร่างจริงของเธอ เราขอแสดงความเสียใจด้วย คุณจะมองเห็นภาพหลอนในสิ่งที่คุณกลัวที่สุดและกว่าที่คุณจะหลุดออกมาจากฝันร้ายนั้นได้.....มันคงสายเกินไปที่จะออกจากรถเมล์คันนี้แล้ว
7. หากคุณได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือให้รีบเดินมองหาต้นตอของเสียงที่ว่า มันอาจจะมาจากวิทยุหรือเครื่องมือสื่อสารต่างๆ หยิบมันขึ้นมาแล้วเก็บมันไว้กับตัวอย่าให้หายเพราะเมื่อรถหยุดอีกครั้งคุณจะเห็นว่ามีคนเดินตรงเข้ามาหาคุณ เขาจะสวมเสื้อคลุมสีดำพร้อมกับใส่หน้ากากที่มีรูปหน้าคนร้องไห้อยู่ ยื่นของสิ่งนั้นให้เขาแล้วคุณจะปลอดภัย
แต่หากคุณไม่สามารถหาของสิ่งนั้นพบหรือเผลอทำมันหายก่อนรถจะหยุดที่ป้ายต่อไป คุณก็เตรียมตัวที่จะกลายเป็นเครื่องมือชิ้นใหม่ของเขาได้เลย และอีกอย่างเขาใจดีพอที่จะเหลือกล่องเสียงให้คุณด้วยนะ
8. ในตอนที่รถจอดเพื่อรับคน นอกจากคุณจะต้องสังเกตคนที่เข้ามาแล้ว คุณควรจะมองไปยังแสงสัญญาณไฟที่ประตูด้วย เราทำมันขึ้นมาเพราะพักหลังๆ นี้มีคนมาใช้บริการมากขึ้นและเรายังไม่สามารถตรวจสอบพวกเขาได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
9. หากคุณเห็นสัญญาณไฟเป็นสีแดงแล้วมีคุณลุงเดินเข้ามา ให้จ้องมองไปที่เขาห้ามละสายตาเด็ดขาดเพราะคุณกำลังพบเจอกับลุงสรัญ เขาเป็นคุณลุงโรคจิตที่ชอบทำอะไรแปลกๆ ใส่ผู้โดยสารคนอื่น เราไม่รู้ถึงวิธีการป้องกันที่แน่นอนแต่การจ้องมองเขาไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถรู้ได้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไปและพร้อมรับมือได้ตลอดเวลา
สิ่งที่ลุงสรัญจะทำนั้นมีอยู่หลายอย่างแต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรนั้นเขาจะจ้องมองไปยังเป้าหมายก่อน ถ้าเขาจ้องมองมาที่คุณก็ให้ตั้งสติเอาไว้พร้อมกับรับมือกับทุกอย่างที่เขาจะทำใส่คุณ มันอาจจะเป็นการปาของใส่ไปจนถึงการจับตัวคุณเอาไว้ คุณอาจจะได้รับมือกับเขาตลอดทั้งชั่วโมงเลยก็ได้หากโชคดี
10. หากคุณเห็นสัญญาณไฟเป็นสีแดงแต่ไม่เห็นใคร รีบหลับตาลงซะและอย่าลืมตาจนกว่าจะได้ยินเสียงรถหยุดอีกครั้ง สิ่งที่ขึ้นมาในคราวนี้มันคือสิ่งที่เรายังไม่สามารถจำแนกและหาวิธีรับมือได้อย่างแน่ชัดนัก เรารู้เพียงว่าคุณควรจะหลับตาลงเพื่อที่มองไม่เห็นมัน
มีหลายคนที่ได้เห็นร่างจริงของมันแต่ก็ต้องสูญเสียการมองเห็นและการได้ยินไป เพราะฉะนั้นเราหวังว่าคุณจะไม่เป็นแบบพวกเขา
11. หากสัญญาณไฟเป็นสีดำ เรามีสองทางเลือกให้คุณ....จะตายอยู่ในรถบัสหรือจะตายที่ด้านนอก ผู้โดยสารเหล่านี้ไม่ใช่คนที่เราสามารถระบุอะไรได้ในตอนนี้ ไม่มีทั้งวิธีการรับมือและเราไม่รู้จักความสามารถของพวกเขาเลย เพราะแบบนั้นเราเลยให้คุณเลือกระหว่างการวัดดวงนั่งต่อแล้วภาวนาให้พวกเขาไม่ทำอะไรคุณ กับให้คุณวัดดวงว่าพวกเขาอาจจะมาจากโลกของคุณและทำให้คุณได้กลับบ้าน
ขอให้คุณโชคดีกับการนั่งรถเมล์หมายเลข 998 ในครั้งนี้ เราดีใจหากกฎที่เราเขียนสามารถช่วยคุณให้รอดออกไปได้และขอขอบคุณที่เลือกใช้บริการรถเมล์ของเรา ขอให้คุณกลับบ้านอย่างปลอดภัย....
ผมมองที่กระดาษก่อนจะขย้ำมันทิ้งแล้วโยนออกไปนอกหน้าต่าง สิ่งที่เขียนอยู่ในนี้มันเหมือนกับของหลอกเด็กยังไงอย่างงั้น ผมถอนหายใจให้กับตัวเองที่อ่านกฎเหล่านี้จบ ก่อนจะเห็นว่ารถหยุดลงแล้ว ผมลุกขึ้นก่อนจะตัดสินใจลงจากรถเมล์คันนี้ดีกว่า ก่อนที่มันจะไกลบ้านไปมากกว่านี้
แต่ตอนนั้นเองผมก็มองไปที่หน้ารถ แล้วเห็นผู้โดยสารคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาทำให้ผมต้องหยุดความคิดก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งเดิมของตัวเอง เขาสวมชุดสีเทาที่ดูเก่าๆ และมีเส้นผมที่ยาวผิดมนุษย์ เขามองมาที่ผมก่อนจะเข้ามานั่ง...
ตรงที่นั่งด้านหน้าของผม...