การห่างหายจากกันไปนานเป็นปีๆ ทำให้จ้าวเฟิงฉีไม่ชินกับน้ำตาของนาง เขาจึงตวาดเสียงเข้มว่า “เจ้าร้องไห้ทำไม ห้ามร้อง” หลินซูซินชะงักกึก นางเบิกตามองจ้าวเฟิงฉีอย่างขัดเคือง “การร้องไห้ห้ามกันได้ด้วยหรือเจ้าคะ” หญิงสาวตัดพ้อ ตอนแรกนางก็พยายามไม่ร้องไห้แล้ว แต่สุดท้ายก็ห้ามมิได้ควบคุมไม่ไหว ดวงตาที่มีม่านน้ำตาเอ่อคลอจนหยาดรินแลดูน่าสงสารยิ่ง ทว่าเมื่อมันเบิกกว้างจนกลมโตเช่นนั้นกลับดูน่าขันมากกว่า จ้าวเฟิงฉีอดมิได้ที่จะหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “เจ้าโตจนป่านนี้แล้วยังงอแงอยู่อีกหรือ?” วาจาเขาในความหมายที่หลินซูซินเข้าใจคือนางอ่อนแอเหมือนเด็กหญิงไม่เปลี่ยนแปลง สาวน้อยเม้มปากเชิดหน้าเล็กน้อย ค่อยๆ กล่าวอย่างมีเหตุมีผลว่า “ข้ามิใช่จอมยุทธ์หญิงผู้เก่งกาจเสียหน่อย ยามข้อเท้าพลิกจนพลัดตกก้อนหินจะได้บินทะยานขึ้นมาได้เหมือนท่าน” พูดไปพูดมา นางพลันได้สติว่าไม่ควรถกเถียงไร้มารยาท จึงถอนหายใจ สีหน้าสลดลง