“แล้วตะกร้ากับหม้อแกง อังจะล้างให้สะอาดแล้วเดินเอาไปคืนให้คุณไก่ถึงบ้านเลยค่ะ”
“เฮ้อ...” พรรณรายหมุนตัวออกไปแบบไม่พอใจนิด ๆ
‘ร้ายทั้งนายทั้งบ่าว’
วันรุ่งขึ้นที่บริษัท
ปอป่านแต่งตัวมาแบบจัดเต็ม ชุดไม่น่าจะเหมาะจะมาทำงาน น่าจะไปปาร์ตี้มากกว่า เธอเดินเข้ามาในห้องประชุม สายตาทุกคู่ของคณะกรรมการบริหาร และหัวหน้าแผนกต่าง ๆ ต่างหันมองไปทางเธอเป็นจุดเดียว
ไววิทย์ถึงกับทำหน้าเหวอ ไม่คิดว่าคุณปอป่านจะเล่นแรงขนาดนี้
ปากที่ทาเป็นสีแดงแจ๊ดขยับขึ้นพูด
“สวัสดีค่ะทุกท่าน ขอประทานโทษนะคะที่ให้รอ” เธอเอ่ยปากก่อนจะยกมือไหว้ทุกคน ยกเว้นธราเทพที่เธอไหว้ออกไปแบบส่ง ๆ
ไววิทย์เดินเข้ามาหา พร้อมกับนำทางให้เธอเดินไปนั่งตรงที่ที่เป็นที่นั่งของเธอ
ธราเทพถึงแม้จะไม่พอใจที่ปอป่านหักหน้าเขาแบบนี้ แต่เขาก็เก็บอารมณ์เต็มที่
ชัยนันท์ทำหน้าบึ้งไม่พอใจ มีแต่พวกมารทั้งนั้น ทั้งธราเทพและปอป่าน ต่อไปถ้าจะทำอะไรแบบเก่า มันคงยากยิ่งขึ้น
พนิตา ชรินทร์ และชนนท์ ถึงกับยิ้มเยาะ มองญาติในไส้แบบไม่กินเส้นกัน สมเพชที่ปอป่านช่างกล้าแต่งตัวแบบไม่ให้เกียรติใครมาทำงานเป็นวันแรกแบบนี้ ดูแล้วคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า คงไม่มีใครชอบอกชอบใจแน่ ๆ
“เอาละครับ ผมขอประกาศวันนี้เลย ในนามของประธานกรรมการผู้จัดการ ผมธราเทพจะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนคุณเฟื่องรัตน์ในทุกหน้าที่ ก็เหมือนเอกสารเวียนที่จ่ายแจกไปตามแผนกต่าง ๆ ตามที่คุณไววิทย์ได้ให้ทุกท่านก่อนหน้านี้แล้ว
และอีกเรื่องที่สำคัญมาก ๆ วันนี้ คุณปอป่าน คู่หมั้นของผม เธอจะเข้ามาทำงานที่นี่ในฐานะกรรมการผู้จัดการ และดูแลฝ่ายการเงิน โดยมีคุณไววิทย์เป็นผู้ช่วยและผู้ฝึกสอนงาน
ผมหวังว่าทุกท่านคงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
อีกเรื่อง เราจะมีการประชุมบอร์ดในทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์”
เสียงทุกคนฮือฮา
“มันจะไม่เยอะเกินไปหรือครับ” มีคนหนึ่งเอ่ยขัดขึ้น
“ผลประกอบการไตรมาสนี้แย่ลงไปเกือบสิบเปอร์เซ็นต์ พวกคุณยังนอนใจกันอยู่ได้หรือครับ แล้วตอนนี้เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการเมืองก็มีผลกระทบกันมาเป็นลูกโซ่ เอาเป็นว่า ถ้าใครขาดประชุมเกินสามครั้ง จะไม่ได้รับโบนัสและเสนอชื่อใด ๆ ในการขึ้นตำแหน่งทั้งนั้น ตรงนี้เน้นในรายงานการประชุมด้วยนะคุณไววิทย์”
ธราเทพหันไปมองหน้าเลขาหนุ่มที่กำลังจดลงในสมุดของตัวเอง ไววิทย์ผงกหน้ารับคำ
ธราเทพลุกขึ้นโดยไม่ได้ปิดการประชุม ไม่ฟังเสียงของใครในนั้นสักคนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์เขาอยู่ เขาฉวยข้อมือของปอป่านขึ้น กระชากให้ลุกจากเก้าอี้ เธอขัดขืน พยายามแกะมือเขา แต่เขาหันมายิ้มเย็นให้
“ก็เอาสิ จะได้รู้ว่าอะไรที่จะทำให้คณะกรรมการเห็นความไม่ชอบมาพากลนี้ แล้วยังมีคุณอาชัยนันท์กับลูก ๆ ของเขาอีก” เขาพูดทันทีที่พ้นออกมาจากห้องประชุม
“คุณไม่ต้องมาขู่ฉันหรอก” เธอเถียง
“คนอย่างธราเทพไม่เคยขู่ใคร พูดจริงทำจริง” เขายังดึงรั้งรวบร่างของปอป่านให้เดินไปกับเขาอย่างรวดเร็ว
มือหนาผลักประตูห้องทำงานของตัวเองเข้าไป ก่อนจะกระชากร่างเล็ก ๆ เข้าไปในนั้น แล้วปล่อยมือ
หญิงสาวถลาล้มลงไปนั่งที่โซฟา หากไม่มีโซฟารองรับ เธอคงจะเจ็บตัวน่าดู
“โอ๊ย...เจ็บนะ” เธอโวยวาย ยกข้อมือที่ถูกเขาบีบจนเนื้อเป็นสีแดงขึ้นมาดู
“เจ็บปวดเป็นเหมือนกัน ฉะนั้น ก็อย่าทำให้ใครเจ็บปวด” เขาว่าเธออีกแล้ว
“โถ... ใครกันแน่ที่ชอบทำให้คนอื่นเจ็บ คนทุเรศ หน้าตัว...” เธอกำลังจะด่าเขาออกมาแล้วเชียว
แต่นิ้วชี้ที่ชี้มาตรงหน้า พร้อมกับก้าวขายาว ๆ เข้ามาหา ทำให้เธอเงียบเสียง พลางยกมือขึ้นปกปิดใบหน้าของตัวเอง เพราะกลัวว่าเขาจะจูบเธออีก
‘ซาตาน’ เธอก่นด่าเขาในใจ
ธราเทพหยิบทิชชูที่อยู่บนโต๊ะตรงหน้า นั่งลงใกล้ ๆ พยายามจับมือของปอป่านที่ปิดหน้าตัวเองอยู่ให้ออกห่าง พร้อมกับยื่นมันเช็ดไปที่ริมฝีปากที่ฉาบไปด้วยสีแดงแจ๋ของเธอคู่นั้น
“อย่านะ จะทำอะไร” เธอปัดป้องตัวเอง แต่ทำอะไรไม่ได้
มือแข็งเป็นคีมจับปลายคางของเธอเอาไว้ แล้วตั้งใจเช็ดลิปสติกออกมาจากปากของเธอจนหมด
“อย่าแต่งหน้าแบบนี้มาอีก ไม่ยังงั้นจะหาว่าพี่ไม่เตือน”
“ฉันไม่นับญาติกันกับคุณ ไม่ต้องมาเอ่ยเรียกตัวเองว่าพี่”
เธอโกรธเขาจนไม่รู้จะโกรธอย่างไรแล้ว แต่ทำอะไรเขาไม่ได้
ธราเทพยังไม่หยุดแค่นั้น เขายกหูไปหาผู้ช่วยเลขาฯ ของไววิทย์ที่อยู่หน้าห้อง
“คุณสุดใจ ไปเบิกชุดพนักงานออฟฟิศของแผนกบัญชีเอาขนาดตัวของคุณป่านมาให้ผมชุดหนึ่ง ตอนนี้ เดี๋ยวนี้”
“หื้อ...” ปอป่านทำเสียงดังออกมา
‘นี่มันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เขาจะทำกับฉันขนาดนี้เลยหรือ’
“นายมันบ้าอำนาจ จะทำเกินไปแล้วนะ”
“ไม่ได้เกินไป แต่กฎก็ต้องเป็นกฎ วันนี้ผมอนุโลมให้คุณใส่กระโปรงสั้นจุนจู๋ตัวนี้ไม่ได้ ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น กรุณาแต่งตัวให้ดูดี สุภาพ เหมาะแก่การจะเป็นกรรมการผู้จัดการของเฟื่องฟูคอร์เปอเรชัน ไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวที่ยืนอยู่ใต้ต้นขนุนที่สนามหลวง เอ้อ... คุณปอป่านคงไม่รู้จัก แต่ผมจะอธิบายให้ฟังชัด ๆ อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ คุณปอป่านแต่งตัวมาทำงานเหมือนกับผู้หญิงที่ขึ้นปกหนังสือปลุกใจเสือป่า หรือหนังสือเพลย์บอย”
เผียะ... เธอตบหน้าเขาไปแรง ๆ หนึ่งครั้ง
ปอป่านทำผิดซ้ำซากอีกแล้ว เธอไม่รู้เหรอ การตบหน้าของธราเทพก็หมายถึงเธอจะต้องโดนเขาจูบ
“อุบ...”
เขาฉกริมฝีปากลงมาประกบแนบสนิท เธอส่งมือน้อย ๆ ทุบตีเขาเป็นระวิง แต่ปลายลิ้นเรียวที่สอดแทรกเข้ามาหาความหวานในช่องปากของเธอทำให้หญิงสาวชะงักลง เธออ่อนล้าอ่อนแรงไปเสียหมด ยอมให้เขาหาความหอมหวนในโพรงปากของตัวเองอย่างยินดี
พอเขาจูบจนพอใจเขาก็ผละริมฝีปากออก
“เลว หาประโยชน์ แล้ว... อุบ...”
เขาปิดริมฝีปากของเธอทันทีไม่ให้โอกาสเธอได้พูดอีกครั้ง ครั้งนี้มันร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ สองฝ่ามือของเขารุกล้ำเข้ามาใต้เสื้อผ้าของเธอแบบถือว่าเขาเป็นเจ้าของ