บทที่ 7
ครอบครัวสมบูรณ์ พ่อแม่และลูก (2)
เช้าวันใหม่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง...
“คุณพ่อคุณแม่แน่ใจนะครับว่าไม่อยากรู้ว่าน้องเป็นหญิงหรือชาย” คุณหมอชี้ให้พ่อและแม่ที่นอนอยู่บนเตียงมองภาพในเครื่องอัลตราซาวด์สี่มิติ
“หนูนาว่าไง อยากรู้ไหม” เป็นเพราะสองสามเดือนที่ผ่านมา เขาปล่อยให้น้องมาหาหมอเองตามลำพังเลยทำให้เขาพลาดอะไรหลายอย่างไป พิสุทธิ์จึงถามเมียทั้งที่ความรู้สึกของเขาในเวลานี้อยากรู้มากว่าลูกเป็นผู้หญิงหรือชาย
“พี่เก้าคะ หนูอยากรู้ค่ะ” ด้านพัชชานอนน้ำตาไหลพูดเสียงสั่นเครือ เมื่อคุณหมออธิบายบอกว่าตรงนี้เป็นแขน เป็นขา เป็นเท้า และนั่นหูตาจมูกของลูก
“มองตรงนี้นะครับ” คุณหมอบอกสองผัวเมียให้ดูหัวใจของลูกที่เต้นตามจังหวะหัวใจของแม่ และอย่างสุดท้ายก็บอกให้ดูอวัยวะเพศของลูกในท้อง
“หนูนา นี่เราได้ลูกชายเหรอ พี่ดีใจที่สุดเลยครับ พี่จะมีลูกชายแล้ว” พิสุทธิ์ดีใจจนน้ำตาซึมมองร่างกายสมบูรณ์ของลูก เขาไม่อายหมอสักนิด ก้มหน้าลงจูบขมับของน้องเพื่อขอบคุณที่ให้ของขวัญชิ้นใหญ่
“คุณหมอคะ ลูกของฉันแข็งแรงดีใช่ไหมคะ” พัชชาลุกนั่งดึงชุดคลุมท้องให้เข้าที่แล้วลงจากเตียง ซึ่งเป็นพิสุทธิ์เองที่คอยประคองพาเธอไปนั่งเก้าอี้
“ตอนนี้อายุครรภ์ห้าเดือนกว่าแล้วนะครับ ส่วนสุขภาพก็แข็งแรงดีทั้งคุณแม่และลูกครับ” คุณหมอพูดทั้งที่ยังก้มหน้ามองสมุดบันทึกการตรวจครรภ์
“ใกล้ได้เจอหน้ากันแล้วนะลูกพ่อ” ในเวลานี้พิสุทธิ์ไม่รู้จะฟังใคร เขาพยักหน้าให้คุณหมอ แต่กลับหันไปคุยลูกสายตาก็มองมือของตัวเองลูบมือของเมียอุ้มประคองลูกในท้อง
“ลูกแม่ แม่รักหนูนะ” พัชชามองหน้าพี่เก้า แล้วก้มมองมือของสามีที่กุมมือของเธอ พากันสัมผัสรอยหยุบหยับดิ้นในท้อง
“หมอได้เขียนเวลานัดตรวจใหม่อีกครั้งเป็นวันที่ 12 เดือนหน้านะครับ” เมื่อเขียนใบนัดเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็ยื่นสมุดตรวจครรภ์คืนให้พัชชา
“ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ
“ขอบคุณครับ” พิสุทธิ์รับเอาสมุดตรวจครรภ์มาถือไว้ เมื่อเห็นคุณหมอลุกเขาก็ลุกขึ้นโดยที่ไม่ลืมหยิบกระเป๋าของเมียมาสะพายข้าง แล้วพยุงน้องให้เดินตามหมอไปที่ประตู
แอ๊ดด! ปัง!
เสียงประตูห้องทำงานของคุณหมอเปิดและปิดลงดังจนหนูน้อยพิชญาได้ยิน ซึ่งเด็กน้อยที่นั่งเล่นของเล่นอยู่กับพี่พยาบาลหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นพ่อกับแม่หนูน้อยก็รีบวางทุกอย่าง
“คุณพ่อขา คุณแม่ขา” พิชญาเดินเร็วเข้าไปหาพ่อกับแม่
“ไงคะเจ้าหญิงของพ่อ” พิสุทธิ์โน้มตัวลงอ้าแขนสองข้างให้กว้างแล้วช้อนอุ้มลูกรักขึ้นให้ขาสองข้างของแกขนาบเอวหนา
“ฉันขอบคุณพี่พยาบาลมากนะคะ” พัชชามือหนึ่งอุ้มท้องอีกข้างเกาะแขนสามี เธอหันไปพูดยิ้มแย้มให้นางพยาบาล
“เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้วค่ะ” นางพยาบาลนอบน้อมเอาขนมให้เด็กพิชญา แล้วเดินนำหน้าไปเปิดประตูกระจกแก้ว เมื่อเห็นลูกค้าจะเดินออกจากไป นางพยาบาลก็ยกมือไหว้ขอบคุณพิสุทธิ์และพัชชาอีกครั้ง…
พิสุทธิ์อุ้มลูกจูงเมียเดินออกจากโรงพยาบาลตรงไปที่ลานจอดรถ และเมื่อถึงรถเขาก็จัดการปล่อยลูกสาวให้นั่งบนเบาะคาร์ซีตด้านหลังรถ และกระตือรือร้นเปิดประตูประคองให้น้องเข้าไปนั่งในรถเช่นกัน
“ขอบคุณค่ะ” พัชชาปล่อยให้สามีรัดเข็มขัดนิรภัยให้ เธอยิ้มตาหยีเมื่อพี่เก้าหยิบเส้นผมด้านข้างแก้มเหน็บหูให้อย่างนุ่มนวล
“วันนี้พ่อว่างนะสาว ๆ อยากไปเที่ยวไหนกันคะ” เมื่อเข้ามานั่งในรถพิสุทธิ์ก็มองยัยหนูผ่านกระจกมองหลัง
“เย่ ๆ ลูกพีชอยากไปเที่ยวสวนสนุกในห้างค่ะ” หนูน้อยพิชญาทำตาโตดีใจร้องไชโยบอกพ่อเป็นคนแรก
“หนูนาล่ะอยากไปเดินเล่นในห้างไหม” พิสุทธิ์ยักคิ้วขยิบตารับคำของลูกผ่านกระจกมองหลังแล้วหันมาคุยกับน้อง
“หนูนึกว่าพี่จะกลับไปทำงานต่อเสียอีก” พัชชาถามสามี
“วันนี้พี่ลางานนะ หนูนาอยากไปที่ไหนบอกพี่สิ พี่จะพาไป” พิสุทธิ์บอกเมีย พร้อมทั้งขับออกจากโรงพยาบาลตรงไปยังถนนใหญ่
“หนูอยากไปซื้อของเตรียมไว้ให้ลูกค่ะ” พัชชาบอกพี่เก้า สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขเมื่อพูดถึงลูกในท้อง
“ซื้อของเตรียมไว้ให้ตาหนูเหรอ” พิสุทธิ์เห่อลูกชายมาก เขาอยากเป็นคนหาซื้อเสื้อผ้าของใช้สำหรับลูกชายด้วยตัวเอง เขาจะทำเหมือนตอนที่น้องท้องยัยหนูแล้วรู้ว่าได้ลูกสาว และครั้งนั้นเขาก็เป็นคนเลือกซื้อเสื้อผ้าให้ยัยหนูเช่นกัน
“เย่ ๆ ถึงแล้ว” หนูพิชญาร้องไชโยเมื่อคุณพ่อใช้เวลาขับรถไม่ถึงสามสิบนาทีก็มาถึงห้างสรรพสินค้า
“ดีใจใหญ่เลยนะเรา” พัชชายื่นมือให้ลูกสาวจับ แล้วช่วยพี่เก้ามองหาที่จอดรถ ซึ่งไม่ถึงสิบวินาทีพี่เก้าก็จอดในช่องจอดรถ
“คุณแม่ขา คุณพ่อขา ลูกพีชอยากเล่นสวนสนุกค่ะ” หนูน้อยพิชญาบอกแม่และพ่อ ซึ่งคุณพ่อก็หันหลังมองลูกสาวแล้วรีบลงจากรถเดินไปฝั่งที่เมียนั่ง
“เอากระเป๋ามะ เดี๋ยวพี่จะถือให้” พิสุทธิ์เปิดประตูให้น้อง แล้วยื่นมือให้น้องจับ ส่วนอีกข้างกุมหัวของเธอไว้กลัวว่าหัวของเมียจะโดนขอบรถ ชายหนุ่มประคองระมัดระวังให้เธอลงจากรถ
“เอากระเป๋ามาให้หนูเถอะค่ะ” เมื่อสามีสาละวนอุ้มลูกออกจากรถ พัชชาก็ขอกระเป๋าสะพายคืน
“คุณพ่อขาลูกพีชอยากได้ตุ๊กตาคิตตี้สีชมพูค่ะ คุณพ่อซื้อให้ลูกพีชด้วยนะคะ” พิชญาอ้อนพ่อเมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ
“จะเอากี่ตัวคะ” ถึงจะคุยกับลูกสาว แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยทิ้งน้อง เขาจูงมือเธอเดินเข้าไปข้างในห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่
“เอาสองตัวค่ะ” พิชญาบอกพ่อกับแม่ว่าเอาสองตัว แต่ชูนิ้วมือให้แม่และพ่อดูสามนิ้ว
“เอาสองหรือสามคะ” พัชชาอดที่จะขำยัยหนูไม่ได้ จึงพูดแหย่แล้วใช้นิ้วมือจี้พุงของแกเล่น จนลูกสาวจั๊กจี้ดิ้นเด้งหน้าเด้งหลังอยู่ในอ้อมแขนของคุณแม่
“คิกกก ลูกพีชอยากได้หลาย ๆ ตัวค่ะคุณแม่คุณพ่อขา” เด็กน้อยพิชญาพูดผสมเสียงหัวเราะชิดข้างแก้มสากของคุณพ่อ…
ทีแรกพิสุทธิ์จะพาเมียและลูกไปกินไก่ KFC แต่สาว ๆ สองคนไม่อยากกิน เขาเลยตามใจพวกเธอเดินตามสองแม่ลูกจูงมือกันเดินนำหน้าเขาไปยังศูนย์อาหาร
“คุณแม่ขาลูกพีชจะกินเครปญี่ปุ่นค่ะ” เมื่อพ่ออุ้มให้นั่งบนเก้าอี้เด็ก หนูพิชญาก็หันมองไปรอบตัวชี้ให้แม่ดูอาหารที่ตัวเองอยากกิน
“กินข้าวก่อนนะคะ” เมื่อยัยหนูเงยหน้าขึ้นพัชชาก็ก้มลงพูดชิดฟันน้ำนมของแกแล้วเหลือบตามองสามีที่ยืนหันซ้ายมองขวา เธอถามชายหนุ่มว่า
“พี่เก้าล่ะคะ กินหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดงไหมคะ หรือพี่จะเอาข้าวคลุกกะปิ เดี๋ยวหนูไปซื้อให้” พัชชาจับมือฉุดให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างลูกสาว ส่วนเธอก็จะไปหาของโปรดที่สามีชอบกินมาให้เขา
“หนูนานั่นแหละที่ต้องนั่งอยู่กับลูก เธออยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้” พิสุทธิ์ไม่เพียงแค่พูด เขาลุกขึ้นไปยืนข้างหลังของเมีย ดันให้น้องนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่เขานั่งเมื่อครู่นี้
“หนูอยากกินส้มตำปูข้าวเหนียวไก่ย่าง ยำหมูยอใส่วุ้นเส้นค่ะแล้วก็ยำปูม้าด้วยนะพี่” พัชชาได้ทีสั่งจนสามีหันขวับมามองหน้า เธอยิ้มยิงฟันให้เขาแล้วก็บอกอีกว่า
“พี่คะ เอาเกาเหลาลูกชิ้นด้วยนะ ขอถั่วงอกแม่ค้ามาเยอะ ๆ ด้วยนะพี่” พัชชาบอกให้พี่เก้าไปซื้อที่ร้านอาหารประจำที่เธอชอบสั่งกินเวลามาเดินห้างกับลูก
“สั่งมาเยอะแยะขนาดนี้จะกินหมดเหรอฮะ” พิสุทธิ์ถามเมียเสียงยียวน แต่ก็ลูบหัวของเธอ เมื่อน้องทำหน้างอน เขารู้ว่าคนท้องเห็นอะไรก็อยากกินไปเสียทุกอย่าง
“หมดสิคะ เนี่ยลูกหิวจะแย่อยู่แล้ว ไปสิคะ” พัชชาบอกให้พี่เก้ามองลูกในท้อง แล้วทำเสียงเหมือนลูกอ้อนอยากกินของโปรด
“โอเค ๆ เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ แล้วลูกพีชล่ะจะกินอะไร พ่อจะไปซื้อให้” อารมณ์คนท้องแปรปรวนอยากนั่นอยากนี่ ถ้าขัดใจนิดหน่อยก็จะร้องไห้หรือไม่ก็โกรธนานสี่ห้าวันไม่ยอมคุยด้วย ทำให้พิสุทธิ์รีบร้อนเอาใจเมีย และก่อนที่เขาจะไปหาซื้อมาให้น้อง ชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะหันไปถามลูกสาว
“ลูกพีชจะกินข้าวผัดปูค่ะ”
เมื่อพ่อก้มถามชิดพวงแก้มย้วย หนูพิชญาก็บอกพ่อพร้อมทั้งดันให้พ่อออกห่าง เพราะจุดสนใจของเด็กน้อยคือจ้องมองการ์ตูนในทีวีขนาดใหญ่
พิสุทธิ์ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็นำอาหารที่น้องต้องการมาวางไว้เต็มโต๊ะ ซึ่งพัชชาก็กินไปเพียงเล็กน้อย เธอก็หยุดกินจนพิสุทธิ์ถาม
“อิ่มแล้วเหรอหนูนา ทำไมกินน้อยจัง” พิสุทธิ์กินข้าวผัดปูของยัยหนู พร้อมทั้งทำข้าวเหนียวเป็นคำ ๆ มีไก่ย่างวางในจานข้าวให้ลูกสาวได้กินเอง
“ตาหนูอิ่มค่ะ ตอนนี้ลูกอยากกินผลไม้ค่ะ” พัชชานั่งลูบท้องทำตาละห้อย ยิ้มจนเห็นฟันสะอาดสะอ้านเมื่อสามีละสายตาจากลูกสาวหันมาเอาใจเธอ
“จะเอาอะไรมั่งเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้” พิสุทธิ์กลืนข้าวพร้อมใช้หลอดของน้องดูดน้ำหวานในแก้วของน้อง และใช้กระดาษทิชชูของเมียมาเช็ดปาก
“คุณพ่อขา ลูกพีชจะเอาไอศกรีมช็อกโกแลตกับเครปญี่ปุ่นค่ะ” หนูพิชญาบอกพ่อ
“หนูเอาสับปะรด กระท้อนดองแล้วก็ฝรั่งแช่อิ่มค่ะ” ด้านพัชชายิ้มหวานเมื่อสามีกระตือรือร้นที่จะไปซื้อของกินให้เธอ ทั้งที่รู้ว่าซื้อมาแล้ว เธอก็กินไม่หมด…
หลังจากกินข้าวอิ่มกันแล้ว พิสุทธิ์ก็จูงมือลูกสาวเดินตามน้อง ซึ่งพัชชาเดินอุ้มท้องดูของใช้สำหรับเด็กผู้ชาย เธอหยิบชุดนั้นแล้วชูชุดนี้ให้พี่เก้าดูได้ไม่นานคนท้องห้าเดือนกว่าก็นิ่วหน้า
“พี่เก้าหนูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” พัชชาบอกสามีอย่างอาย ๆ มือก็ลูบท้องโตไปมา
“ปวดฉี่อีกแล้วเหรอ” พิสุทธิ์มองผู้คนที่เดินผ่านไปมาแล้วกระซิบถามเมียเสียงเบา เพราะยังไม่ถึงสิบนาทีน้องเพิ่งจะออกมาจากห้องน้ำนี่นา
“ค่ะ” พัชชายิ้มแห้ง ๆ หน้าตาแดงระเรื่อเมื่อพี่เก้ายื่นมือมาลูบลูกในท้อง
“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม” พิสุทธิ์ถามเพราะเป็นห่วงน้อง
“หนูไปเองได้ค่ะ พี่พายัยหนูไปเดินหาซื้อของเล่นก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูเสร็จธุระแล้วจะตามไปค่ะ” พัชชาพยักหน้าให้พี่เก้ามองลูกสาวที่ยืนมองหาของเล่น
“งั้นพี่กับลูกจะรอหนูนาอยู่แผนกของเล่นนะ” พิสุทธิ์ทำเสียงอื้อ ๆ บอกน้อง แล้วเดินไปอุ้มลูกสาวให้ขาของแกขนาบเอว
“ค่ะ” ด้านพัชชาเดินตามหลังพี่เก้าแล้วโบกมือให้ยัยหนู เมื่อต้องเดินแยกไปทางซ้ายเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ ส่วนพี่เก้าก็อุ้มลูกสาวไปทางขวา…
พิสุทธิ์อุ้มลูกมาถึงแผนกของเล่น ชายหนุ่มก็ปล่อยยัยหนูให้เป็นอิสระเดินเลือกดูของเล่น เขาเดินตามรอยเท้าของแกไปทุกก้าว และไม่ถึงสิบนาทีเขาก็หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกชื่อเขา
“เก้า? นั่นเก้าใช่ไหมคะ...”
สี่ปีกว่าที่เสียงนี้จางหายไปจากใจและชีวิตของเขานานแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังจำได้ว่าเจ้าของเสียงที่เรียกชื่อเขานั่นเป็นใคร ซึ่งพิสุทธิ์ก็ละสายตาจากลูกสาวหันหลังไปดู
“มะ...มุกดา!” พิสุทธิ์ยืนตะลึงมองอดีตภรรยาตั้งแต่เท้าถึงศีรษะ ซึ่งเธอก็ยังคงสวยเซ็กซี่ แถมยังผิดหูผิดตามากกว่าครั้งก่อน
“เก้าจริง ๆ ด้วย ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเก้าที่นี่” มุกดาเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม เธอถือสิทธิ์สอดแขนโอบกอดเอวหนาไว้ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงซบลงบนแผ่นกว้าง
“มุก!” พิสุทธิ์ยืนตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ แขนสองข้างเหยียดตรงไม่คิดที่จะยกขึ้นแตะต้อง หรือผลักไสเธอให้ห่างกาย
“เก้าไปทำอะไรมาคะ ทำไมเก้าดูดีมากเลย ดูสิแขนนี่กำยำมากค่ะ หน้าอกหน้าใจก็แข็งปั๋งเลย ดูเก้าจะรวยมากเลยสินะ” มุกดาสำรวจคนตัวโตสมชายชาตรี เธอถือสิทธิ์ลูบไล้ไปตามแขนและหน้าอกแข็งแกร่งผ่านเสื้อเชิ้ตเนื้อผ้าชั้นดีของเขาโดยไม่อายสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาชำเลืองมองพวกเขาทั้งสอง
“มะ...มุก ปะ...ปล่อยผมก่อน” เสียงซุบซิบนินทาและสายตาของผู้คนหลายคนมองพวกเขา นั่นทำให้พิสุทธิ์จับหัวไหล่เล็กแล้วผลักให้เธอถอยออกไป พร้อมทั้งเขาเองก็ถอยหลังหนีเมื่อหันไปมองลูกสาวสุดดวงใจยังนั่งเลือกของเล่นอยู่ด้านหลัง
“เก้าสบายดีนะคะ” มุกดายังตื๊อ จับมือของชายหนุ่มมากุมไว้
“ผมสบายดี แล้วคุณล่ะสบายดีนะ” พิสุทธิ์ตอบพร้อมทั้งไม่ยอมให้อดีตภรรยาได้จับมือ
“มุกเหรอ ก็เรื่อย ๆ ค่ะ แล้วนี่เก้ามาทำอะไรที่นี่คะ มาซื้อของเล่นให้ลูกเหรอคะ” มุกดาทำหน้าทะเล้นถามทีเล่นทีจริง
“อื้อ” พิสุทธิ์ไม่ทันได้ตอบว่า ‘ใช่’ มุกดาก็แย้งพูดตัดประโยคของเขาว่า
“มุกพูดเล่นค่ะ ว่าแต่เก้ามาซื้อของเล่นให้ใครคะ ลูกของโชคหรือว่าลูกของเอกล่ะครั้งนี้” มุกดาหัวเราะเมื่อพูดแหย่ชายหนุ่ม เพราะครั้งมีกันและกันชายหนุ่มอยากมีลูกกับเธอมาก
“ผมพาละ...” ด้านพิสุทธิ์ไม่คิดที่จะปิดบังอดีตภรรยา เขากำลังจะบอกความจริงว่า ‘ผมพาลูกสาวมาซื้อของเล่นน่ะ’ เขาก็หยุดพูดเมื่อมุกดาพูดตัดประโยคขึ้นว่า
“ไปหาที่นั่งคุยกันดีไหมคะ มุกมีเรื่องจะถามและคุยกับเก้าเยอะแยะเลยค่ะ” ตลอดสามสี่ปีที่หยุดใช้ชีวิตร่วมกัน เธอมั่นใจเสมอว่าอดีตสามียังไม่มีใคร เพราะชายหนุ่มสัญญากับเธอไว้ว่าจะรอและรักเธอเพียงคนเดียว
“ดะ...เดี๋ยวสิมุก ปล่อยผมก่อน” พิสุทธิ์ดันหญิงสาวออกพร้อมทั้งยกมือห้าม เมื่อเห็นเธอกำลังขยับเข้ามาใกล้ชิด
“ทำไมคะ เก้าไม่ดีใจที่เห็นมุกเหรอคะ นี่มุกดีใจมากนะที่เห็นเก้า รู้ไหมเมื่อหลายวันก่อนมุกไปที่บ้านของเรา แต่คนที่อยู่นั่นบอกว่าเก้าย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแล้วนานแล้ว” มุกดาพูดเสียงเง้างอน เธอทำเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะชายหนุ่ม
“ผมขายบ้านหลังนั้นนานแล้ว และไม่ได้อยู่แถวนั้น แล้วตอนนี้ผมก็แตะ...” พิสุทธิ์จะบอกแต่ก็ไม่ทันได้พูดจบคำว่า ‘ผมแต่งงานมีลูกแล้วนะ’ ก็มีเสียงเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มดังอยู่ด้านหลัง
“คุณพ่อขา” หนูน้อยพิชญายืนกอดของเล่นหลายชิ้น ใบหน้าคล้ายคลึงพ่อและแม่งอง้ำ ดวงตาบ้องแบ๊วก็จ้องหน้าพ่อแล้วมองผู้หญิงที่ยืนกอดคุณพ่อซึ่งไม่ใช่แม่ของแกอย่างสงสัย
“อุ๊ย! เด็กบะ...” ด้านมุกดายืนมองตาค้าง เธอตกใจอุทานคำหยาบออกมาแต่ก็ต้องหยุดพูดว่า ‘ยัยเด็กบ้าไม่มีมารยาทนี่ผลักฉันทำไมยะ!’ เมื่อได้ยินพิสุทธิ์เรียกขานเด็กน้อยแต่งตัวชุดกระโปรงน่ารักนั่น
“ลูกพีชลูกพ่อ เลือกของเล่นได้แล้วเหรอคะ” พิสุทธิ์ก้มมองลูกสาวที่มุดเข้ามายืนกอดขาของตัวเอง ร่างตุ้ยนุ้ยยืนแทรกกลางระหว่างเขากับมุกดา
“คุณพ่อคุยกับใครคะ” เมื่อคุณพ่ออุ้มให้ขาอวบสองข้างขนาบเอว หนูน้อยก็ถามพ่อเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงพ่อและตัวเอง
“เอ่ออ...นี่เพื่อนของพ่อนะ ลูกพีชไหว้คุณอามุกสิคะ” พิสุทธิ์ตอบคำถามของยัยหนูติดชิดหน้าผากและริมฝีปากของลูกสาว
“ลูกพีชจะไปหาคุณแม่ค่ะ” ถึงจะไม่ชอบใจที่พ่อยืนคุยกับผู้หญิงแปลกหน้า แต่หนูน้อยก็ทำตามที่พ่อบอกยกมือไหว้มุกดา ดวงตากลมแบ๊วคลอน้ำตามองหาแม่
“นี่เก้าแต่งงานมีลูกโตขนาดนี้แล้วเหรอคะ?” มุกดาถามอดีตสามี สายตาสงสัยก็สำรวจมองหน้าตาของเด็กน้อยผมยาวประบ่าตัดผมหน้าม้า ซึ่งอายุของแกก็คงประมาณสี่หรือห้าขวบ มุกดาคิดทบทวนในใจว่า ‘นี่อย่าบอกนะว่าหลังจากเลิกรากับเธอ พิสุทธิ์ก็มีผู้หญิงคนใหม่เข้ามาทันที’
“ใช่ครับ ผมแต่งงานกับหนูนะ...” พิสุทธิ์ไม่ทันได้บอกอดีตภรรยาว่า ‘ผมแต่งงานกับหนูนาได้สี่ปีแล้วครับ’ ก็ต้องหยุดพูดเมื่อยัยหนูตะเกียกตะกายลงจากอ้อมแขน
“คุณแม่ขา” หนูพิชญาเมื่อพ่อปล่อยให้ยืนเป็นอิสระแล้วหนูน้อยก็วิ่งฝ่าผู้คนตรงไปหาแม่ โดยเด็กน้อยไม่ฟังเสียงเรียกของพ่อเลย
“ลูกพีชจะไปไหน รอพ่อด้วย” พิสุทธิ์รีบร้อนก้าวเท้ายาว ๆ ฝ่าผู้คนตามหาลูกสาว ซึ่งมีมุกดาคอยเดินตามไม่ยอมห่างเช่นกัน…
ไม่ต่างจากพัชชา เธอได้ยินเสียงของลูกสาวร้องหาจึงทำให้คุณแม่ท้องโตเหลียวมอง และเมื่อเห็นยัยหนูวิ่งหน้าตาตื่นตรงมาหา เธอก็รีบสาวเท้าตรงเข้าไปหาลูกเช่นกัน
“ลูกพีชลูกแม่ เป็นอะไรคะ ทำไมตาแดง ๆ ใครทำอะไรลูกของแม่เหรอคะ แล้วนี่คุณพ่อล่ะคะ” พัชชาอุ้มลูกขึ้นให้ขาของแกขนาบเอวท้วม
“คุณพ่อนิสัยไม่ดี ลูกพีชไม่ชอบเพื่อนของคุณพ่อค่ะ” พิชญาเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของแม่ก็บีบน้ำตาให้ไหล ปากก็เบะยามเล่าเหตุการณ์ที่เห็นพ่อยืนจับมือถือแขนกับผู้หญิงอื่น
“ทำไมว่าคุณพ่ออย่างนั้นล่ะคะ ไม่น่ารักเลยนะรู้ไหม” พัชชาพูดเสียงหวานสอนลูกสาวชิดปลายจมูกน้อย
“คุณพ่อก็ไม่น่ารักค่ะ เพื่อนคุณพ่อก็ไม่น่ารัก ลูกพีชไม่ชอบค่ะ” เด็กน้อยพิชญาหน้าบูด เมื่อพูดถึงผู้หญิงคนที่พ่อบอกว่าเป็นเพื่อนคุณพ่อ
“ลุงโชคกับลุงเอกน่ะเหรอ” พัชชาถามลูกสาวอย่างสงสัย
“ลูกพีชไม่ชอบให้คุณพ่อยืนกอดกับผู้หญิงอื่น” เด็กน้อยเสียงสั่นเครือบอกแม่
“ลูกพีชพูดอะไรนะ คุณพ่อกอดกับใครคะ” คำพูดของลูกสาวทำให้พัชชาหุบยิ้ม แล้วหันหน้ามองหาสามีและคนที่ลูกสาวพูดถึง
“คุณพ่อกอดกับเพื่อนผู้หญิงค่ะ แล้วคุณพ่อบอกให้ลูกพีชเรียกอามะ...” พิชญาจะบอกแม่ว่า ‘คุณพ่อให้ลูกพีชเรียกเพื่อนของคุณพ่ออามุกค่ะ’ แต่เด็กน้อยก็ไม่ทันได้พูดเพราะมีเสียงพูดของพ่อเรียกหา
“ลูกพีช! ทำไมถึงวิ่งหนีพ่อแบบนี้ รู้ไหมว่าพ่อเป็นห่วงแค่ไหน” พิสุทธิ์เดินเข้าไปหาเมียและจะอุ้มยัยหนู แต่ลูกสาวไม่ยอมให้พ่ออุ้ม
“พี่เก้า ยัยหนูบอกว่าพี่ยืนกะ...” พัชชาไม่ทันได้ถามสามีจบประโยคว่า ‘พี่เก้ายืนกอดกับเพื่อน เธอเป็นใครเหรอคะ’ ก็มีเสียงของผู้หญิงทักทายเธอ
“สวัสดีหนูนา” มุกดาก้าวออกจากด้านหลังของพิสุทธิ์ เธอยิ้มมุมปาก มองพัชชาตั้งแต่หัวถึงเท้า แล้ววกสายตาจ้องตาค้างตรงหน้าท้องนูนใหญ่ ซึ่งเธอเข้าใจทันทีว่าพิสุทธิ์แต่งงานกับพนักงานที่บริษัทของเขา
“พี่มุก” พัชชามองอดีตภรรยาของสามี แล้วหันไปมองหน้าของสามี ในตอนนี้เธอใจสั่นหวาดหวั่นกับคำพูดของลูกสาวมาก ‘นี่พี่เก้ายืนกอดกับพี่มุกเหรอคะ’ พัชชาถามสามีในใจยามจ้องหน้าหล่อ
“ไม่ได้เจอกันหลายปี เธอสบายดีนะหนูนา” มุกดายกมือรับไหว้ลูกน้องของอดีตสามี ซึ่งในตอนนี้เธอมีตำแหน่งเป็นภรรยาของอดีตสามี
“สะ...สบายดีค่ะ” พัชชาอ้ำอึ้งตอบ
“ทำไมไปเข้าห้องน้ำนานจัง” ท่าทีสงสัยของน้องทำให้พิสุทธิ์เข้าไปยืนตรงหน้า เขาถามน้องด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กลัวว่าเมียจะเข้าใจผิดคิดมาก
“ห้องน้ำชั้นนี้คนเยอะค่ะ หนูเลยลงไปเข้าอีกชั้นหนึ่งค่ะ” พัชชาพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ทั้งที่ข้างในใจเธอหวาดหวั่นไปหมด
“เอากระเป๋ามาเดี๋ยวพี่ถือให้” พิสุทธิ์จะอุ้มยัยหนู แต่แม่ลูกสาวคงจะโกรธพ่ออยู่เลยไม่ยอมให้อุ้ม แม้แต่หน้าก็ซุกหนีไม่ยอมมองหน้าพ่อ ยิ่งทำให้พิสุทธิ์ที่มีความผิดไม่รู้ตัวหันไปขอกระเป๋าจากเมียมาถือไว้
“ชื่อลูกพีชเหรอคะ” มุกดาถามเด็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนความริษยาในใจ
“บอกคุณป้ามุกสิคะ หนูชื่ออะไร” พัชชากระซิบเสียงนุ่มนวลบอกลูกสาว ซึ่งยัยหนูส่ายหน้าทั้งที่ซบอยู่บนหัวไหล่ของแม่
“อุ๊ย! นี่หนูนาพี่ดูแก่ขนาดนั่นเลยเหรอ ให้ลูกเรียกอามุกก็ได้” มุกดาทำเสียงเขียวไม่พอใจอย่างมากใส่พัชชา
“ค่ะ” ด้านพัชชายิ้มแห้งพยักหน้ารับฟัง
“หนูนาจะกลับบ้านหรือว่าจะเดินซื้อของใช้อะไรอีกไหม” อาการแปลก ๆ ของเมียทำให้พิสุทธิ์เป็นห่วงจึงถาม และคอยยืนประกบคนท้องอยู่ข้าง ๆ
“กลับบ้านดีกว่าค่ะ หนูรู้สึกมะ...” พัชชาจะบอกสามีว่า ‘หนูมึนหัวยังไงไม่รู้ค่ะ’ เธอก็ไม่ทันได้พูดเพราะมุกดารีบพูดตัดประโยคขึ้นว่า
“อย่าเพิ่งกลับเลยนะหนูนา พี่อยากรู้เรื่องของเธอกับเก้านะ นี่ไปรักกันตอนไหน หรือว่าตอนที่เก้ามีพี่เธอแอบเป็นเมียน้อยเก้า ใช่ไหมเก้า เก้าเอาลูกน้องตัวเองมาเป็นเมียน้อยเหรอ” มุกดามองหน้าพัชชาอย่างดูแคลน แล้วปรับสีหน้าแววตาเจ็บช้ำหันไปมองหน้าอดีตสามีอย่างตัดพ้อ
“ไม่ใช่ค่ะ” พัชชาส่ายหน้าปฏิเสธ เธออยากจะบอกหญิงสาวตรงหน้าเหลือเกินว่าเป็นเพราะเธอที่ทำร้ายจิตใจพิสุทธิ์
“ผมรักหนูนา และแต่งงานกับหนูนาหลังจากหย่าจากคุณแล้ว” ครั้งนี้พิสุทธิ์สุดจะทน เขาเดินเข้าไปโอบบ่าของพัชชายืนเผชิญมองหน้าอดีตภรรยา
“เก้า! ทะ...ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยคะ มุกแค่พูดล้อเล่นเอง เก้าจะรักใครแต่งงานกับใครนั่นก็สิทธิ์ของเก้านี่คะ” มุกดาพูดเสียงประชดประชันอดีตสามี
“หนูนาจะกลับบ้านเลยไหม ไป กลับบ้านกัน” พิสุทธิ์ไม่โต้ตอบอดีตภรรยา แต่เขากลับมาคุยกับเมีย ถามความรู้สึกของเธอ
“ค่ะ” พัชชาขานรับสามี
“แหม่ พูดเล่นแค่นี่ทำเป็นโกรธนะเก้า อย่าเพิ่งกลับเลยค่ะ ไปค่ะ ไปหาที่นั่งดื่มกาแฟคุยกันนะคะ มุกอยากรู้เรื่องของเก้ากับหนูนานะ” มุกดาปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่เมื่อเจอสายตากระดากของอดีตสามี มุกดาก็หันไปคุยดีกับพัชชาแทน
“หนูนาพี่ดีใจกับเธอด้วยนะที่ได้เก้าเป็นหัวหน้าครอบครัว...”
“ขอบคุณพี่มุกค่ะ” เมื่อเอ่ยขอบคุณมุกดาแล้ว พัชชาก็หันมองสบตาสามี ซึ่งพิสุทธิ์ก็มองเธอและยิ้มให้เธออยู่แล้ว
“ไป ไปนั่งคุยกัน” มุกดาตื๊อพัชชา
“พี่เก้าว่าไงคะ?” เมื่อถูกอดีตภรรยาของสามีตื๊อเดินเข้ามาจับมือมองวิงวอนด้วยสายตาเป็นมิตร ทำให้พัชชาไม่อาจขัดใจมุกดาได้ เธอจึงหันไปมองหน้าสามี และหวังว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการ
“พี่แล้วแต่หนูนานะ” พิสุทธิ์ไม่ตอบคำถามของเมีย แต่เขากลับโยนความลำบากใจให้เธอ เธอไม่อยากไปนั่งกินอะไรกับอดีตภรรยาของสามีเลยสักนิดเดียว
“อย่าหึงพี่กับเก้าเลย พี่กับเก้าเราสองคนเลิกกันเพราะเราไม่ได้รักกันแล้ว ที่พี่ชวนเธอเพราะอยากเลี้ยงกาแฟเธอกับเก้าก็เท่านั้นเอง” มุกดายิ้มหยัน ๆ นึกในใจว่า ‘ฉันจะเอาของของฉันคืนตอนไหนก็ได้ ถ้าฉันอยากได้คืน’
“หนูไม่ได้หึงค่ะ” พัชชาปากกับใจไม่ตรงกันบอกอดีตภรรยาของสามี
“ถ้าไม่หึงก็ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันที่ร้านกาแฟนะ” มุกดาชวนพร้อมทั้งเดินเข้าไปแทรกกลางแยกให้พิสุทธิ์และพัชชายืนคนละฝั่ง
“งั้นก็ได้ค่ะ” พัชชาพยักหน้ารับ
“ให้พี่ช่วยถือของไหม” มุกดาถาม แต่ไม่ยอมช่วยอย่างที่เธอเอ่ยขอข้าวของในมือของพัชชา
“ไม่เป็นไรคะ หนูถือเองได้ค่ะ” พัชชาส่ายหน้าปฏิเสธ
“ลูกพีชมาหาพ่อมะ” ด้านพิสุทธิ์เดินอ้อมหลังของมุกดาไปยืนดักหน้าของเมีย พยักหน้าให้น้องขออุ้มลูกเอง ซึ่งพัชชาก็ไม่ขัด
พิสุทธิ์อุ้มลูกสาวด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างกุมมือน้องประสานนิ้วเข้าด้วยกัน แล้วพาเธอเดินนำหน้าอดีตภรรยาตรงไปข้างหน้า
ภาพครอบครัวอบอุ่นพ่อแม่ลูกเดินผ่านหน้าเธอไปอย่างนี้ มุกดาก็อยากมี เธอยอมรับว่าในตอนนี้เธออิจฉาความรักของพิสุทธิ์ที่มอบให้พัชชามาก
‘มุกจำได้เสมอนะว่าเก้าให้สัญญาว่าจะรอมุก และมีมุกเพียงคนเดียวไม่ใช่เหรอ’ มุกดาถามชายหนุ่มในใจ แววตาริษยาหวงของเก่าและอยากได้คืนมองอดีตสามีอุ้มลูกจูงมือเมียเดินห่างออกไปไกลโดยที่เขาไม่หันหลังมามองเธอที่ยืนเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินกันขวักไขว่…