การสูญเสีย

1194 คำ
คนฟังขนลุกซู่ หัวใจวาบไหว แม้คนเป็นสามีจะเปลี่ยนประเด็น แต่คำพูดที่เอ่ยออกมาทำให้เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ทิ้งเธอในวันข้างหน้าอย่างแน่นอนหากทุกอย่างยังอยู่บนเส้นทางแห่งความเข้าใจและเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน...             เสียงฝีเท้าและเสียงเรียกตะโกนชื่อของเขาดังไปทั่วลานคอกม้า “นายครับ นาย!” “อะไรวะ ไอ้นนท์วิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว...?” หยุดถาม ทำหน้ายักษ์ใส่หนุ่มน้อยวัยสิบหกที่วันนี้ไม่ได้ไปเรียน “หรือพ่อเอ็งวิ่งไล่แตะมาอีกหรือไง” เจ้าของฟาร์มม้าเอ่ยถามย้ำ เมื่อเห็นเหตุการณ์แบบนี้ประจำเวลาหนุ่มน้อยทำผิดแล้วโดนพ่อบังเกิดเกล้าไล่เตะและวิ่งมาให้ช่วยเหลือ “ฮึก...” เสียงดังออกมาเล็กน้อยจากลำคอ โน้มตัวมือยันเข่าไว้ เพื่อรับน้ำหนักตัวเอง หายใจเข้าออกเสียงดัง พร้อมกับสูดน้ำมูกที่กำลังไหลออกมากลับที่เดิม “เป็นไร รอบนี้ถูกจัดหนักหรือไง” นายยังเอ่ยเย้าต่อ มองหนุ่มน้อยด้วยแววตาเอ็นดู เขาเห็นขอบตาบวมแดงที่เหมือนผ่านการร้องไห้มาแล้ว “ อึก มะ...มะไม่ใช่ครับนาย...นายใหญ่ นาย...” น้ำเสียงหนุ่มน้อยขาดห้วง พยายามบอกและก้มมองลงต่ำ ไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า “พ่อเหรอ...” เขาถามแต่ได้ความเงียบมาพร้อมกับเสียงสะอื้น หัวใจเต้นแรง รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับอาการของนนท์ ก่อนจะเบิกตากว้างแล้วถลาวิ่งออกไปอย่างไม่รีรอฟังความจากปากเด็กหนุ่มอีก ชายหนุ่มวิ่งหายไปแล้ว แต่เมรียังงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ “ตกลง มีเรื่องอะไรกันนนท์” เมรีมองดูเหตุการณ์อยู่เช่นกัน “ว่าไงนนท์” เธอถามซ้ำอีกครั้งเมื่อไม่ได้คำตอบที่แน่ชัด มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นแน่นอน เมรีคิด หัวใจเต้นแรง บีบให้ระบบการเต้นของหัวใจเร่งรัวและตามมาด้วยความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ก่อนจะก้าวเท้าเรียววิ่งออกไปอีกคน เมื่อคิดว่าคำตอบที่หล่อนต้องการคงอยู่อีกที่ซึ่งไม่ใช่นนท์   คนงานหลายคนที่ยืนอยู่ภายในบ้านพักหลังใหญ่ ต่างมีสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเก มันทำให้เขารู้สึกหัวใจเหมือนถูกบีบคั้น สมองมึนเบลอก้าวเท้าไม่ออก ก่อนจะมองต่ำลงไปบนพื้น สิ่งนั้นมันทำให้เขาอ้าปากค้าง ภาพที่ลุงพลกำลังใช้ฝ่ามือกดตรงจุดหัวใจของคนเป็นพ่อ วิรุจแทบล้มทั้งยืน ภาพทุกอย่างทำให้เขารู้สึกสะท้านเยือกไปทุกรูขุมขน สภาพนายใหญ่เจ้าของไร่นอนแน่นิ่ง พ่อ! เมรีวิ่งตามมาติดๆ ผลุบเข้าไปด้านใน ผ่านสามีที่หมดแรงคาประตูบ้าน ก่อนจะย่อตัวนั่งลงข้างๆ ลุงพลเหมือนคนหมดแรง “นะ...นายใหญ่ไปแล้ว...นายใหญ่ไม่อยู่กับเราแล้ว...” เสียงทุ้มแหบแห้งของลุงพลพยายามเอ่ยบอกออกมาด้วยแววตาแดงก่ำและเปียกชุ่มด้วยผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก “ผมขอโทษผมมาช้าไป...ผมมาช้าไปจริงๆ” “อย่าคิดมากสิ มันเป็นสัจธรรม โทษใครไม่ได้หรอก” เมรีเอ่ยปลอบ น้ำเสียงสะกดกลั้นความสูญเสียที่เจ็บปวดไว้   การจัดงานศพ เป็นไปอย่างเรียบง่าย แขกที่มาในงานส่วนมากจะเป็นคนที่ทำการค้าด้วยกัน โดยมีลุงพลและเมรี ยืนต้อนรับแขกที่มาในงานอยู่หน้าศาลา ส่วนลูกชายเจ้าของงานศพยืนอยู่ภายในศาลา  “คุณรังรองไปไหน” เมรีกระซิบถามนนท์ที่เดินเสิร์ฟน้ำให้กับแขก “เห็นเดินแวบๆ อยู่แถวนี้...” นนท์บอกสีหน้าตึง เมื่อถูกถามถึงเมียสาวของนายใหญ่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้หงุดหงิดใจทุกที เพราะไม่ชอบใจกับท่าทางไม่ทุกข์ร้อนที่สำคัญไม่มีใครเคยได้เห็นน้ำตาสักหยดของหล่อนเลย “แต่ตอนนี้ไม่เห็นแล้วครับ” “อืม ขอบใจจ้ะ นนท์ไปเถอะ” เวลาผ่านไป แขกในงานทยอยกันกลับ ลุงพลและนนท์ พร้อมกับคนงานจำนวนหนึ่งจัดการเก็บข้าวของขึ้นรถ “แน่ใจนะคะว่าจะเผาศพคุณพ่อพรุ่งนี้เช้า” ใบหน้าที่เต็มใบด้วยความวิตกเอ่ยถามสามี เมรีรับรู้เรื่องมาจากลุงพล ที่ได้รับคำสั่งจากวิรุจ ให้จัดการเรื่องนี้กับสัปเหร่อ แต่เธอก็อยากจะฟังจากปากของสามีเองอีกครั้ง คำตอบที่ได้คือการพยักหน้า “งั้นก็กลับกันเถอะ...เพราะลุงพลจัดการเรื่องทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้ว” มือเรียวยื่นจับไหล่ประคองสามีให้ลุกขึ้น แล้วพากันเดินออกไป โดยร่องรอยความสูญเสียยังอยู่เต็มใบหน้า ‘เราอาจสูญเสียคนอันเป็นที่รัก แต่เรายังมีรัก ที่ไม่จางหาย อยู่ภายในใจ’   หลังจากเรื่องทุกอย่างผ่านไป วิรุจที่เคยสดใสร่าเริงการเป็นคนเงียบขรึม เขาทุ่มเทแรงกายและมุ่งทำงานสานต่อสิ่งที่พ่อได้ทำไว้และขยายอาณาเขตที่ดินของตนเองกว้างขวางขึ้น เปิดระบบการโฆษณาด้วยสื่อออนไลน์ เพื่อเปิดธุรกิจบริการของฟาร์มเชิงเกษตรอย่างครบวงจร เปิดกว้างสู่สายตาบุคคลภายนอกให้เข้ามาเยี่ยมชมและได้สัมผัสธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ที่ดินกว่าสองร้อยไร่ถูกแบ่งจัดสรรเปิดเป็นรีสอร์ทและสนามขี่ม้า แบ่งแยกโซนต่างๆ ห่างจากฟาร์มม้า เปิดเส้นทางเชื่อมต่อถึงกันระหว่างฟาร์มอื่นๆ ที่อยู่ห่างออกไปเพื่อการขยายงานและเอื้อถึงกันโดยง่ายในการจัดการเดินทางเที่ยวชมในส่วนต่างๆ ของไร่ที่ต่างลงมติเห็นชอบต้องกันเป็นการรวมตัวของธุรกิจเปิดใหม่ และที่สำคัญรีสอร์ทที่เปิดใหม่ต้อนรับบุคคลทั่วไป หรือมาเป็นหมู่คณะจะมีบริการเสริมโดยมีรถนำเที่ยวของไร่พาไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ที่มีสัตว์ป่าและต้นไม้ที่ยังคงความสมบูรณ์อยู่มาก นอกจากนั้นที่ที่ชายหนุ่มประสานงานเข้าด้วยกัน โดยการติดต่อไร่องุ่นของเพื่อนร่วมธุรกิจ ฟาร์มนก ฟาร์มกวาง เพื่อเปิดกว้างในการเข้าชมและศึกษาดูงาน เช้าอีกวันของการทำงานที่จริงจังของวิรุจ แต่สิ่งที่เห็นทำให้เขาหัวเสียแต่เช้า “มีธุระอะไรไม่ทราบ!” น้ำเสียงดุดันเอ่ยถาม เมื่อเปิดประตูในห้องทำงานมีหญิงสาวที่เขาไม่อยากคุยด้วยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “ต้องมีธุระด้วยเหรอ รังรองถึงจะมาหาคุณได้” เสียงหวานเอ่ยพร้อมพาร่างสมส่วนนวยนาดตรงมายังชายหนุ่มที่ยังยืนอยู่หน้าประตู วิรุจหลบฝ่ามือเรียวที่ยื่นหมายจะโอบรอบคอตนเองอย่างรวดเร็วและตรงไปยังโต๊ะทำงานของตนเองก่อนจะนั่งลง โดยตั้งใจจะเปิดประตูห้องทำงานเอาไว้ เพราะคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้มีธุระอะไรกับตนจริงๆและที่สำคัญ ระหว่างเขากับผู้หญิงคนนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่จะปกปิดเป็นความลับกับคนภายนอก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม