ลมรักลมหวน

1283 คำ
  รุ่งเช้าของวันใหม่สายลมอ่อนๆ มาพร้อมกับแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามา  ร่างหนาที่นอนอยู่ในท่าหงายขยับกายอย่างเชื่องช้าทั้งที่ดวงตายังคงปิดสนิท ตะแคงข้างยกแขนแกร่งไปยังอีกด้านของเตียง มือหนาสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าที่ยังคงความอุ่นจางๆ เอาไว้ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ ก่อนจะผงกศีรษะและปรือตาขึ้นมองอย่างสงสัย “หึ...ไม่ยอมรอกันเลย ร้ายจริงเมียใครหนอ...” ชายหนุ่มเอ่ยถึงภรรยาตัวเองอย่างขำๆ เขารู้ดีว่าภรรยารีบลุกขึ้นไปไหน และตอนนี้เขาเองก็คงต้องรีบไปดูเช่นกัน วิรุจมุ่งตรงไปยังคอกม้าเมื่อคืน สองเท้าที่อยู่ภายใต้รองเท้าหนังสีน้ำตาลอย่างดีก้าวเดินได้ไม่ไวนัก เมื่อพื้นดินที่เป็นหลุมเป็นบ่อมีน้ำฝนขังอยู่หลายจุด เช้านี้อากาศดูร่มรื่น หมอกยังมีหลงเหลือให้เห็นแม้ว่าเวลาจะสายมากแล้วก็ตาม เสียงพูดคุยที่ผ่านออกมา รู้ได้เลยว่าภายในคอกม้านั้น ไม่ได้มีแค่คนสองคนอย่างแน่นอน ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นและอยากเห็นสิ่งที่เรียกความสนใจของคนในฟาร์มได้เป็นอย่างดี เขารีบสาวเท้าพาตัวเองไปให้เร็วขึ้น นี่เขาคงเป็นคนสุดท้ายในฟาร์มกระมังที่ได้เข้ามาดู... “อ้าว มาแล้วรึ...” ทันทีที่โผล่หน้าเข้ามา เสียงของคนเป็นพ่อก็เอ่ยถามขึ้น “ทำไม ไม่มาให้เที่ยงกว่านี้ละ” พ่อเย้าลูกชาย วิรุจค้อนให้พ่อ ก่อนจะเบนสายตาไปทางภรรยาบ้าง ซึ่งตอนนี้เธอก็ยืนทำสีหน้าไม่ใคร่สนใจเขานัก “โถพ่อ ก็เมียรักไม่ยอมปลุกผม” เขาบอก แสดงสีหน้า ว่าน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด ภรรยาหันไปเบ้ปากใส่ เรียกรอยยิ้มของคนงานโดยรอบได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับชายหนุ่มขี้อ้อน (ภรรยา) ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องน่าอายอะไรกับการที่จะแสดงกิริยาแบบนี้กับภรรยาต่อหน้าคนอื่นๆ “แหนะทำเข้า หอมแก้มโชว์ซะเลยนิ” เขาว่าหน้าตาย เมรีหน้าร้อนวาบ “ก็ใครอยากไม่รู้สึกตัวล่ะ” เมรีย่นจมูกใส่ แก้ตัว “เสียงออกจะฉาว” ตอบไปแล้วใบหน้าขาวนวลก็แดงเรื่อขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ อันที่จริงเธออยากจะปลุกหรอกนะ แต่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ทั้งที่เธอเหนื่อยเกือบหมดแรงแต่นั่นแหละก็อดไม่ได้ที่จะไปตามน้ำพลอยอิ่มหนำ จึงไม่รู้สึกเสียเปรียบแต่อย่างใด แต่นิสัยเริ่มเอาแต่ใจของสามีนี่สิ เธออยากแกล้งเสียให้เข็ด... คนมาก่อนเมื่อชื่นชมกันพอสมควรก็แยกกันออกไป ปล่อยให้เจ้าของพูดคุยกันต่อ  “ดูมันจะห่วงลูกมันมากนะคะ” เมรีเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสุกสกาว เมื่อเห็นแม่ม้าเดินไปรอบๆ ลูกเหมือนกลัวว่าใครจะมาแย่งลูกมันไป พร้อมส่งเสียงฟึดฟัดแกว่งหางไปมาอยู่พักใหญ่แล้ว “มันเป็นสัญชาตญาณของความเป็นแม่เป็นพ่อ ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็ย่อมห่วงความปลอดภัยของเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองทั้งนั้น” ผู้สูงอายุที่สุดเอ่ยบอกหันมองลูกชายเหมือนกำลังสื่อบางอย่าง ชายหนุ่มส่งยิ้มบางๆ ให้ผู้เป็นพ่ออย่างรู้ดีว่าภายใต้สายตานั้น แม้ท่านจะไม่เคยเอ่ยบอกต่อหน้าแต่ความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดมันทำให้ชายหนุ่มเข้าใจดี วิรุจละสายตาจากพ่อ ก่อนจะดึงตัวภรรยาเข้าหาอ้อมกอด ตอนนี้เขามีพร้อมทุกอย่าง และพร้อมที่จะสร้างครอบครัวใหญ่ต่อไปได้โดยมีบิดาเป็นเสาหลักและแรงผลักดันให้เขาสร้างทุกอย่างเพื่ออนาคต   อีกด้านหนึ่ง นอกรั่ว ริมฝีปากบางล่าง ถูกจิกด้วยฟันขาวสะอาด จนห้อเลือดอย่างลืมตัว ความริษยาภายในใจส่งผ่านออกมาทางสายตา อย่างไม่ปิดบัง หรือกลัวใครเห็น เพราะภาพนั้นมันช่างบาดตา เกือบทำให้บรรยากาศรอบกายร้อนเป็นไฟ  พร้อมจะลามเลียไปทั่วทุกแห่ง ผู้หญิงที่ยืนเคียงคู่กับชายหนุ่มตรงนั้น! ต้องเป็นเธอถึงจะถูก... ความคิดริษยาเริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่ในหัวใจหมดทุกห้อง คราแรกที่เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะคิดว่าผู้หญิงไฮโซอย่างเมรี คงจะทนอยู่ในไร่ อยู่กลับฝูงสัตว์ป่าเขาได้ไม่นาน แต่ตอนนี้เธอเริ่มตระหนักว่าตนเองคิดผิดไปถนัด ที่ปล่อยให้เวลาเลยผ่านมาจนถึงตอนนี้... “ปล่อยให้ได้ใจไปก่อน” เธอครางเสียงต่ำในลำคอ ก่อนจะพาร่างสมส่วน ที่อัดแน่นด้วยความริษยา ก้าวผ่านออกไป “ไม่ไปรวมกลุ่มกับพวกเขาละครับ” พลาชัยที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลาเดินเข้ามาทักด้วยคำพูดที่บาดลึก รังรองหันขวับ สายตาจิกตรงไปหา “แกก็เข้าไปสิ ฉันนะเข้าไปเมื่อไหร่ก็ได้” เธอว่าน้ำเสียงเชื่อมั่น ปล่อยให้ผู้คนรอบข้างสานสัมพันธ์ไมตรีกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักหน้าค่าตามาก่อน และมันจะดำเนินต่อไปแบบนี้ไม่ได้ หากตราบใดที่เธอยังอยู่ที่นี่ ทุกอย่างมันต้องเป็นเธอที่เหนือกว่า...  พลาชัยยิ้มเยาะ เมื่อความริษยาเข้าครอบงำ ไม่ว่าเรื่องบ้าอะไรย่อมกล้าทำทั้งนั้น! “ผมไม่เกี่ยวกับคนพวกนั้นอยู่แล้ว” “นั้นสินะ ฉันคนนี้ที่เกี่ยว” สายตาหมายมาดและมุ่งหวังสิ่งที่อยู่ในมือมันไม่พอกับสิ่งที่เธอต้องการ ทางด้านเจ้าของม้ากำลังสนุกสนานกับการตั้งชื่อ ลูกม้าตัวใหม่ “คิดได้ไง...พ่อชื่อลีโอ แม่ชื่อสีดา ลูกชื่อโซดา ลีโอ โซดา ฮาฮา...” วิรุจหัวเราะร่า โอบกอดร่างภรรยาไว้เมื่อได้ชื่อถูกใจของคนเป็นภรรยา “หนูเมย์เก่งนะ พ่อยังคิดไม่ออกเลยว่าจะให้ชื่ออะไร...” เสียงทุ้มเอ่ยสีหน้าโล่งใจ ก่อนจะเอ่ยบอกอีกครั้ง “อืม พ่อไปก่อนนะ เจ้าสองคนจะคุยกันต่อก็ตามใจ พ่อยังมีธุระที่ต้องจัดการ” เอ่ยเสียงแผ่วลงก่อนจะก้าวเดินออกจากจุดที่เคยยืนอยู่ “ปล่อยได้แล้วค่ะ” เมรีดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระจากอ้อมกอดของสามี อันที่จริงเธอเองก็อยากจะอยู่ในอ้อมกอดอุ่นให้นานๆ หากแต่ใบหน้าที่ร้อนผะผ่าวมันเกิดมาจากคนงานรอบข้างที่เหลือบเมียงมองอย่างอายๆ เหมือนจะกระดากอายแทนคนที่ถูกสวมกอด “อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวผมปล่อยเองแหละน่า ดิ้นไปเดี๋ยวล้มไม่รู้ด้วยนา...” เสียงทุ้มเอ่ยขู่ แต่เขารู้ดีว่าจะไม่ยอมปล่อยให้ภรรยาสุดที่รักต้องล้มไปเป็นแน่ อ้อมกอดคลายออกช้าๆ เพื่อความไม่ประมาท “ปล่อยแล้วนะครับ” เขาบอกเหมือนอยากแกล้งอีกฝ่ายให้เขินอาย “พี่รุจ...เล่นอะไรไม่รู้ อายคนงานในฟาร์มบ้างสิ” เธอค้อนสามีเมื่อซัดสายตาเห็นคนงานหันมองมา “เชื่อเลยพี่รุจนะ...” เมรีส่ายหน้า เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าสามีของเธอไม่ใช่แค่อึดอย่างเดียว แต่ยังหน้าด้านอีกด้วย! “เชื่อเถอะ ว่าผมรักคุณ...” คนทำมึนเอ่ยบอกไปอีกเรื่อง คนฟังขนลุกซู่ หัวใจวาบไหว แม้คนเป็นสามีจะเปลี่ยนประเด็น แต่คำพูดที่เอ่ยออกมาทำให้เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ทิ้งเธอในวันข้างหน้าอย่างแน่นอนหากทุกอย่างยังอยู่บนเส้นทางแห่งความเข้าใจและเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน...         
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม