Chapter​ 5 รักที่สั่นคลอน​ (2)

1230 คำ
Chapter​ 5 รักที่สั่นคลอน​ (2) แสงสว่างสาดส่องผ่านม่านริมหน้าต่าง​ ปลุกคนที่นอนหลับใหลให้ตื่นขึ้นจากห้วงฝัน​ พิชญ์สินีพลิกกายไปมาอย่างอ่อนล้า​ แพขนตางอนยาวกระพริบถี่​ ๆ​ ก่อนที่เปลือกตาจะเปิดขึ้นอย่างช้า​ ๆ​ แววตากลมโตกลอกไปมายามมองไปบนเพดาน​ ความทรงจำแสนหวานหวนคืน หล่อนยิ้มกับตัวเองพลางพลิกกายนอนตะแคง​ มือนุ่มทาบลงบนที่นอนข้างที่ยังว่าง​ ลากไล้ผืนผ้านุ่มลื่นด้วยความสุขที่ยังกรุ่นอยู่ในใจ​ ถึงแม้เจ้าของร่างจะจากไปแล้ว​ แต่เขายังคงทิ้งกลิ่นเสน่หาให้หล่อนได้ซึมซับลงในหัวใจกรุ่นไอรัก​ หากแต่ในห้วงความคิดแวบหนึ่ง ความจริงที่ตอกย้ำทำให้รอยยิ้มค่อย​ ๆ​ จางหายไปจากใบหน้า จู่​ ๆ​ อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นสุดขั้ว​ ขอบตาร้อนผ่าวปวดหนึบเมื่อโลกแห่งความเป็นจริงนั้นช่างร้าวรวดเหลือเกิน​ หล่อนนั่งชันเข่ากอดตัวเองอยู่เพียงลำพัง​ เหน็บหนาวและเดียวดายเหลือเกินเมื่ออ้อมกอดที่พยายามไขว่คว้าไม่มีที่ว่างสำหรับเธอ เสียงเตือนจากโทรศัพท์ดึงหล่อนขึ้นมาจากห้วงภวังค์​ แววตาคู่สวยปรายมองแล้วรีบหยิบมากดดู​ คิดเข้าข้างตัวเองด้วยหัวใจที่พองโต​ ต้องเป็นติณณภพแน่​ ๆ​ ที่ส่งข้อความมาหากันแต่เช้า แววตาคู่สวยสลดลงเมื่อปรากฎว่าไม่ใช่​ หากแต่เป็นข้อความจากทางบ้านส่งมาขอเงิน หล่อนโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า​ ความเครียดมาเกาะกินใจ​ ไหนจะเงินที่ต้องส่งให้ทางบ้านทุกเดือน​ ตอนนี้ยังมีค่าใช้จ่ายรออยู่ข้างหน้า​ เนื่องจากมารดาของหล่อนต้องผ่าตัดมะเร็ง​ และเป็นเคสที่รอเวลาไม่ได้​ และแน่นอน​ หากไม่ต้องการรอคิวก็ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่มีค่าใช้จ่ายแพงมาก​ ๆ นี่เป็นอีกเ​หตุผลหนึ่งที่หล่อนเอาแต่โทษโชคชะตา​ เหตุใดจึงไม่เกิดมาเพรียบพร้อมเช่นคนอื่นเขาบ้าง ในสวนสวยที่เหล่าดอกไม้บานสะพรั่ง​ ติณณภพอุ้มลูกเดินหาภรรยาที่มีคนบอกว่าหล่อนทำอะไรสักอย่างอยู่ในสวน​ เขาเดินมาจนถึงแปลงปลูกผักหลากขนิดที่งอกงามจากน้ำมือพิมพ์ลดา​ เห็นหล่อนกำลังตักดินใส่ถุงสีขาว​ ๆ​ ที่วางเรียงรายกันหลายใบ “ปลูกอะไรน่ะพิมพ์” “ปลูกเมลอนค่ะ​ พี่ช้างเอาเมล็ดพันธุ์มาให้ พิมพ์เลยลองเพาะเมล็ดดู” หล่อนตอบโดยไม่เงยหน้ามองเพราะรู้ว่าเป็นใคร​ ยังคงง่วนอยู่กับงานอดิเรกตรงหน้า “อย่าบอกนะว่าถ้าลูกโตแล้ว​ พิมพ์จะไม่ไปช่วยงานพี่​ แต่จะไปเป็นเกษตรกรแทน” หล่อนชะงักมือที่กำลังฝังเมล็ดสีชมพูลงในดิน​ เงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาเข้ม​ คลี่ยิ้มเย็นใส่หน้าพ่อของลูก “พี่ติณห์มีคนช่วยงานเยอะแยะ​ คงไม่ต้องง้อพิมพ์แล้วมั้งคะ” ติณณภพเหมือนวัวสันหลังหวะ​ เขาหวาดระแวงแม้กระทั่งรอยยิ้มของภรรยา​ อดคิดไม่ได้ว่าหล่อนคงโกรธที่เมื่อคืนเขาไม่ตอบสนองเรื่องบนเตียง​เหมือนเช่นทุกครั้ง “พิมพ์โกรธพี่เหรอ​ ที่เมื่อคืน…เอ่อ…” พิมพ์ลดาเงยหน้าขึ้นมองคนที่อุ้มลูกเดินมาหยุดอยู่ใกล้​ ๆ​ หล่อนแค่นหัวเราะทั้งที่ใจนั้นไม่ได้รื่นเริงตาม “จะบ้าเหรอพี่ติณห์ พิมพ์จะโกรธทำไมกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” “คือเมื่อคืน​ พี่เหนื่อยจริง​ ๆ​ น่ะ” “พิมพ์เข้าใจค่ะ​ พี่ติณห์ต้องทำงานหนักเพื่อครอบครัว” หล่อนเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ไม่แสดงออก​ พยายามบอกตัวเองว่ายังไม่มีหลักฐานมากพอที่จะพิสูจน์ว่าเขาทำผิดจริง​ และหล่อนไม่อยากทำลายบรรยากาศที่ดีให้เสียไป​ เวลานี้ควรนิ่งสงบเพื่อสยบความเคลื่อนไหวจะเป็นการดีที่สุด ด้วยความที่ลูกอยู่กับพิมพ์ลดาตลอดเวลา​ เมื่อเห็นมารดาทารกน้อยก็ทำท่าจะผละจากอ้อมอกของคุณพ่อเพื่อไปหาแม่​ สองแขนเล็กชูร่าไปข้างหน้าพร้อมส่งเสียงอ้อแอ้อย่างออดอ้อน “คุณแม่มือเปื้อนครับ​ ยังอุ้มหนูไม่ได้” หล่อนทนเห็นลูกอ้อนไม้ไหว​ จึงเดินไปล้างมือจนแน่ใจว่าสะอาด​ เดินกลับมารับลูกน้อยจากอ้อมอกคนเป็นพ่อมาอุ้มไว้ ก่อนสูดความสดชื่นบนแก้มนุ่มด้วยความรัก “เอ่อ…พี่ติณห์คะ​ ที่จริงพิมพ์มีเรื่องจะบอกอีกเรื่อง​น่ะค่ะ” “เรื่องอะไรเหรอพิมพ์” “พิมพ์อยากหัดขับรถค่ะ​ เวลาจะไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวกเลยค่ะ” ติณณภพผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก​ ซึ่งตอนนี้เขาหวาดระแวงไปหมดแล้วไม่ว่าภรรยาจะพูดอะไรออกมา “โธ่…นึกว่าเรื่องอะไร​ ถ้าพิมพ์อยากหัดจริง​ ๆ​ เดี๋ยวพี่สอนให้” “พี่ติณห์จะว่างสำหรับพิมพ์เหรอคะ” “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะพิมพ์​ พี่มีเวลาว่างสำหรับพิมพ์เสมอ” หล่อนคลี่ยิ้ม​ พยายามข่มใจให้เป็นปกติ “พิมพ์เห็นพี่ติณห์กลับดึกบ่อย​ ๆ​ ก็เลยอยากให้พี่ติณห์ได้พักผ่อนบ้างในวันหยุด” “ไม่ใช่ปัญหาเลยพิมพ์​ เอาเป็นว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็บอก​พี่นะ” “ได้ค่ะ” ทั้งสองเดินเคียงคู่ไปตามทางเดินที่ขนาบข้างด้วยต้นไม้เขียวรื่นเพื่อเข้าบ้าน​ ไม่มีใครรู้ในความคิดของใจอันแสนซับซ้อน​ พิมพ์ลดานั้นเริ่มสั่นคลอนกับความซื่อสัตย์ของสามีว่าจะไม่มีใครอื่น​ ส่วนติณณภพเริ่มรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป​ ยิ่งเห็นหน้าภรรยาเขาก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก อดคิดไม่ได้ว่าถ้าสารภาพความจริงออกไป​ หล่อนจะมีท่าทีเช่นไร​ เขาคาดเดาไม่ได้จริง​ ๆ ในห้องทำงานกว้างขวาง​ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามทีก่อนที่จะมีใครบางคนเปิดมันเข้ามา…พิชญ์สินีเดินมาหยุดยืนอยู่กลางห้อง​ มองแผ่นหลังกว้างที่เจ้าตัวยืนหันหน้าไปทางแผ่นกระจกใสสูงจรดเพดาน​ เมิ่อเขาไม่หันมาหล่อนจึงเดินเข้าไปใกล้​ ๆ​ ก่อนจะทำในสิ่งที่ใจโหยหา สองแขนเรียวสอดไปกอดเกี่ยวเอวเขาเอาไว้​ ใบหน้าสวยแนบเข้าหาแผ่นหลังกว้าง “ไม่เจอกันตั้งสองวัน​ คิดถึงจังเลยค่ะ” ติณณภพแกะมือของอีกฝ่ายออก​ ก่อนหันกลับมาเผชิญหน้า “ทำอะไรน่ะปุ้ย!” เสียงดุ ๆ​ ทำให้พิชญ์สินีหน้าม่อยลงไป​ แววตากลมโตกระพริบปริบ​ ๆ​ ยามจับจ้องใบหน้าคมคร้าม “เธอจะทำแบบนี้ที่นี่ไม่ได้​ ถ้าใครเข้ามาเห็นจะทำยังไงฮึ!” “คุณกลัวจะมีคนเอาไปบอกเมียคุณเหรอคะ” “ถ้าฉันตอบว่าใช่ล่ะ​ พิมพ์จะรู้เรื่องของเราไม่ได้” ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน​ แววตาสั่นระริกมองตามด้วยใจที่เจ็บปวด​ มันคือความจริงที่บีบให้หล่อนต้องน้อมรับ เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว​ ไม่มีวันที่เขาจะเชิดชูให้แทนตัวจริงที่บ้านของเขาได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม