8

1420 คำ
"เอะอะอะไรกัน แต่เช้า" ร่างใหญ่ที่เพิ่งจะตื่นนอนเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านหลังเล็กๆที่อยู่นอกเมืองท่ามกลางธรรมชาติป่าเขาและดอกไม้ เขาวางแผนเอาไว้ในวันฝนพร่ำแบบนี้ว่าจะตื่นสายแต่เจ้าสัตว์เลี้ยงกลับทะเลาะกันเสียงดังจนเขานอนไม่ได้ต้องลงมาดู "อยากออกไปข้างนอก เออเดี๋ยวเย็นนี้จะพาไป" หมาสองตัวที่ทั้งเห่าทั้งเอาขาหน้าข่วนประตูเป็นเชิงบอกว่าอยากออกไปสูดอากาศด้านนอกเต็มทนแล้วหลังจากอยู่แต่ในบ้านมาสามสี่วันเต็มๆเพราะอากาศไม่เป็นใจ  เป็นใครก็คงอึดอัดอย่าว่าแต่หมาเลยคนอย่างเขาถ้าต้องติดแหง็กอยู่แบบนี้คงเบื่อตาย "ชาโดว์เดินไปเองสิว่ะ แกนี้มันขี้เกียจจริงๆ" เขากำลังจะเดินกลับขึ้นไปแต่งตัวใหม่บนห้องนอนแต่กลับต้องหยุดก้าวเท้าอีกรอบเพราะไอ้แมวตัวดีนั่งร้องขว้างทางอยู่  หมดจากหมาก็มาเจอแมววุ่นวายแต่เช้าจริงๆ เขาอุ้มแมวเจ้าปัญหาขึ้นมา  มันก็รีบซบอกเขาคงหาความอบอุ่มตามประสาแมวแต่มันก็แปลกๆอยู่เพราะมันชอบแต่จะมุดผ่านกระดุมเสื้อนอนเข้าไปสัมผัสแผงอกด้านในของเขา "เหล้า เบียร์ เข้าที่แล้วเงียบ" พออุ้มแมวหมาสองตัวก็วิ่งเข้ามาอีก  คงคิดว่าเขาจะพาออกไปข้างนอกแล้วจนเขาต้องออกคำสั่งจนทั้งบ้านสงบอีกครั้ง  คนเริ่มแก่อย่างโดดเดียวอย่างเขาคงไม่มีอะไรสนุกไปกว่าอยู่กับสัตว์เลี้ยง "ฉันจะไปดูร้านขนมก่อนแล้วเย็นนี้เจอกัน" เขาใช้เวลาแต่งตัวไม่นานก็ลงมาเทอาหารให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวส่วนไอ้แมวเกือบอ้วนนั้นหลับอยู่ในห้องนอนของเขาอีกนานกว่าจะตื่น  พอเสร็จธุระภายในบ้านเขาก็หยิบร่มคันใหญ่ออกมากางเดินฝ่าสายฝนออกนอกบ้านเพื่อไปตรวจดูกิจการเล็กๆของเขาตามปกติทันที ชีวิตเขาไม่ได้มีอะไรผิดไปจากนี้มาสามปีแล้วตั้งแต่ลาออก  ทุกวันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เช้าตื่นนอนยันเข้านอน "บ้าชิบขับรถมาถึงนี้จนได้" เสียงสบถดังลั่นรถที่เต็มไปด้วยสัตว์เลี้ยง  หมาตัวใหญ่สองตัวและแมวอีกหนึ่งตัว  ในตอนนี้รถมีแต่ความเงียบไม่มีอะไรกล้าส่งเสียงออกมาเพราะเจ้านายกำลังนิ่วหน้าบ่งบอกความอารมณ์ไม่ดี เอดานลงจากรถด้วยความเชืองช้า  เขาขับรถหลบสายฝนมาเรื่อยๆจนมาถึงสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้บ้านเจ้านายเก่าสถานที่ที่เขาไม่ควรมา  เขาจากแถวนี้ไปหลายปีอันที่จริงไม่ควรแม้แต่ผ่านมาด้วยซ้ำไป  เขาควรไปให้มันพ้นๆ ที่นี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยยังคงมีผู้คนมาเดินอยู่บ้างแต่ไม่หนาตาและไม่วุ่นวาย  ไหนจะยังมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นมีดอกไม้ที่เบ่งบานตามฤดูกาลเพื่อเพิ่มความสดชื่น เอดานเดินไปตามทางเรื่อยๆ  เขาไม่ได้มองซ้ายมองขวาเพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาทักหรือจดจำเขาได้อีก  เขาอยากหายไปจากความทรงจำของทุกคน แต่เจ้าหมาสองตัวกลับแวะทักทายคนที่เดินสวนไปมาไปซะทุกคน  มันไปเอาความอารมณ์ดีมากจากไหนนักหนา  ไหนยังไอ้แมวที่เขาอุ้มอยู่อีกชะโงกคอมองผู้คนจนคอยาวไปเป็นศอก "กางร่มทำไมคะ" หญิงสาวที่ยังใส่เฝือกที่ขาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นป้ามาลีหยิบร่มออกมาจากในรถและกางมันออกทั้งที่ฝนก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะตกลงมาสักหน่อย "แดดแรง  เดี๋ยวคุณหนูจะไม่สบายเอานะ" แสงแดดอ่อนๆยามเย็นกำลังส่งมากระทบผิวขาวๆของเด็กสาวที่กำลังไม่สบายเพราะมีแผลถลอกหลายจุดบนตัวถ้าโดนแดดมากๆเธอก็กลัวว่าจะพาลเป็นไข้ได้อีก "ลูกจันทร์แข็งแรงพอค่ะ  ดูสิค่ะ" แขนเล็กๆถูกยกขึ้นเบ่งกล้ามโชว์  จนมาลีหัวเราะออกมา  มันไม่ได้มีกล้ามแต่กลับเล็กเรียวราวกับแขนเด็ก "ป้าว่าเรากลับกันเถอะค่ะ" นั่งต่อได้อีกพักใหญ่มาลีก็ออกปากช่วยลูกจันทร์กลับบ้าน  เธออายุมากแล้วการออกมานั่งนอกบ้านนานๆก็ผลันเป็นห่วงเด็กที่บ้านจะทำงานไม่ถูกใจ "แต่เราเพิ่งจะมากันเองนะคะ" ลูกจันทร์ยังคงนั่งชมนกชมไม้อย่างมีความสุขราวกับว่าเธอไม่เคยไปไหนมาไหนทั้งที่ได้ออกไปเที่ยวแทบจะทุกวันหยุด  แต่ก็อย่างว่าแหละคนมันชอบสวนสาธารณะเป็นชีวิตจิตใจจะให้ได้ไปเที่ยวไกลหรือสวยแค่ไหนก็ต้องกลับมานั่งชมธรรมชาตอของที่นี้อยู่ดี "อีกห้านาทีนะคะ" "ค่ะ" คนเจ็บยิ้มออกมาอย่างดีใจ  นานๆเธอจะได้ออกมานั่งเล่นแถวนี้  เพราะพ่อไม่ค่อยอนุญาตและที่ได้ออกมานี่ก็เพราะแม่แคทช่วยพูด  ไม่อย่างนั้นเธอก็คงนอนเบื่ออยู่บ้านรอจนกว่าครอบครัวจะกลับมาจากพักผ่อน "พี่เอ  พี่เอ" ลูกจันทร์ที่ใช้ไม้ค้ำพยุงตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้  เธอกำลังจะไปขึ้นรถแต่สายตากลับมองเห็นคนที่กำลังเดินอยู่ฝั่งตรงข้ามของสวน  เพียงแว้บเดียวแต่เธอจดจำได้ดีว่าต้องใช้เขาแน่นอน ลูกจันทร์ล้มลงตรงข้างรถของเธอ เธอพยายามจะวิ่งตามเขา แต่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยทำให้เธอล้มลงอย่างน่าสงสารพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างพรั่งพรู เธอคิดถึงเขาอยากเจอเขาทั้งที่เขาอยู่แค่เอื้อมมือแต่เธอก็ทำได้แค่ปล่อยให้เขาเดินจากไป เอดานได้ยินเสียงของเธอเรียกชื่อเขาอย่างชัดเจน แต่เขากลับเดินต่อไปเรื่อยๆจนถึงรถของตัวเองทำเหมือนไม่ได้ยินไม่รู้จักเธอ เขาทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเปิดประตูรถพาสัตว์เลี้ยงขึ้นรถแล้วขับออกไปไม่เหลียวหลังมองคนที่เคยรู้จักแม้เพียงหางตา ลูกจันทร์ได้แต่คร่ำครวญแต่ไม่อาจวิ่งตามเขาไปได้ เธอโดนพากลับบ้านเพราะต่อให้ดึงดันว่าจะตามเขาไปก็ไม่มีใครกล้าพาไปอยู่ดี ใครจะกล้าขัดคำสั่งมาเฟียพ่อของเธอ "โธ่โว้ย" เขาจอดรถเพื่อสงบสติอารมณ์ตรงข้างทางเมื่อแน่ใจว่าเธอไม่ได้ตามมา  เสียงหนาสบถดังกว่าครั้งแรกที่มาถึงที่นี้เมื่อก้าวขึ้นรถปิดประตูเสร็จสรรพ เขาใช้สองมือทุบพวงมาลัยรถจนแทบหักคามือก่อนจะขับรถออกไปจากตรงนั้น การที่เขากลับมาเจอเธออีกครั้ง มันเป็นความผิดของเขาเองที่ดันใจลอยขับรถมาเรื่อยเปื่อยแบบนี้ เขาจะไม่ให้มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกเพราะเธอควรมีอนาคตที่สดใสกว่านี้ อย่ามาจมปลักอยู่กับคนแก่คราวพ่ออย่างเขาเลย "เป็นอะไรลูกจันทร์ ร้องไห้ทำไม" เจด้ามาถึงบ้านซานซ์เตอร์ทันทีที่ได้รับข้อความขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิท เธอเรียนคนละที่กับลูกจันทร์และบ้านก็อยู่ห่างกันมากแต่ไม่เคยเลิกคบกัน ความสนิทสนมยังเหนียวแน่นเหมือนเดิมและคอยช่วยเหลือกันในทุกๆเรื่อง ยกเว้นพากันไปก่อเรื่องให้พ่อแม่ปวดหัวอีก "พี่เอ ลูกจันทร์เจอพี่เอ เขาอยู่แถวนี้" เสียงฟูมฟายผสมกับคำพูดจนคนฟังมึนหัวไปหมด ลูกจันทร์เป็นคนสดใสร่างเริงแต่พอร้องไห้แล้วมักจะพูดอะไรฟังไม่รู้เรื่องอยู่เรื่อยไปจนคนเป็นเพื่อนอย่างเจด้าเริ่มชินและฟังออกบ้างแต่ไม่หมด เจด้ากอดลูกจันทร์เพื่อปลอบอย่างเข้าใจ และสงสาร ใจเธออยากให้ลูกจันทร์สมหวังสักทีแต่เธอก็ไม่รู้จะช่วยยังไงนอกจากคอยอยู่เคียงข้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม