ตอนที่ ๒
ไพรพฤกษ์แห่งนั้นดำรงอยู่ซึ่งความวิเวก นานกว่าที่ทุกอย่างเข้าที่และดำเนินต่อไปอีกสักครู่ หลวงตาสายจึงออกจากสมาธิ ยอดเข้าใจในรสสัมผัส จึงขยับตัวตาม
“อย่าลืมกำหนดจิตแผ่เมตตาด้วย” เสียงของหลวงตาบอกมาราวจะล่วงรู้ว่ายอดอาจจะหลงลืมไปบ้างบางอย่าง
“ขอรับหลวงตา...” ยอดยืดหลังนั่งตรง แล้วเริ่มกล่าวบทสวดแผ่เมตตา “สัพเพสัตตา สุขิตาโหนตุ...”
เยื่อใยแห่งใบบุญ เคลื่อนย้ายราวกับผืนผ้าแพร กระจายแผ่ไปหายังเจ้ากรรมนายเวร คุณบิดามารดาครูบาอาจารย์ ยาวนานถึงบรรดาผีเปรตผีพรายสัมภเวสีวิญญาณที่ตกขอบลอดพ้นจากเงื้อมมือของยมทูตยมบาล
คราวนั้นราวกับสัมผัสรับรู้ มีสายลมแผ่วเบาเยี่ยมกราย ใบไม้กระดิกไหว กระไอแห่งความอบอุ่นแผ่ซ่าน ในม่านแห่งภาพรัตติกาลคล้ายมีบางสิ่งบางอย่างแทรกตัวอยู่ สิ่งนั้นคล้ายยกมือขึ้นพนมไหว้ กล่าวคำสาธุการดังระงม
เมื่อบทสุดท้ายสิ้นสุด ก็พอดีที่หลวงตาสายออกจากกรรมฐาน ท่านลุกขึ้นเดินไปนั่งหน้ากองไฟ ลอบมองผู้ที่เพิ่งออกจากสมาธิแล้วคลี่ยิ้ม
“แค่วันแรก เอ็งก็ทำได้ดีมากแล้วไอ้ยอด ขอให้ทำได้แบบนี้ในทุกวันนะ”
ยอดพนมมือไหว้ท่วมหัว ซาบซึ้งในรสสัมผัสที่เผื่อแผ่มาถึงยังตน
“ถ้าไม่มีหลวงตา ผมก็คงจะไม่เข้าใจซึ่งความหอมหวานเหล่านี้”
หลวงตาสายพยักหน้า ท่านยิ้ม อยู่คุยกับยอดอีกสักพักจึงขอตัวกลับเข้ากลด ส่วนยอดนั่งผิงไฟ เขาเขี่ยไม้และเศษใบไม้เข้ากองไฟ ดวงตาก็มองเห็นเปลวไฟที่ไหวระริก
กิเลสก็เหมือนกับไฟ คอยเผาไหม้ความดีงามจนมอดไหม้กลายเป็นจุณ
หากดับไฟได้ ความดีงามก็จะมีเหลือเฟือ
เขาระบายลมหายใจออกมา นึกย้อนถึงเหตุการณ์หลายวันก่อน ก่อนเหตุการณ์ที่จะตัดสินใจติดตามหลวงตาสายออกธุดงค์ในครั้งนี้
เด็กหนุ่มวัยรุ่น ริรักแรกเริ่ม รู้จักและผูกสัมพันธ์กับดอกสร้อย สาวสวยต่างหมู่บ้าน แต่ด้วยเหตุใดไม่อาจรู้ได้ เขากลับจับได้ว่าดอกสร้อยแอบคบหาอยู่กับสินแบบลับๆ หนุ่มอีกคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขามาตลอด
เมื่อรักร้างไร้เยื่อใย หนทางแห่งคนหนุ่มพังทลายลงด้วยน้ำมือแห่งความเชื่อใจ กิเลสหนักหนาเผาไหม้หัวใจให้ร้อนรน หนทางที่ครอบครัวเคยอุ้มชูมาตลอดชีวิตจึงเป็นหนทางแห่งการดับทุกข์นั้น
ด้วยเหตุการณ์อันเป็นตัวตัดสินใจ จึงทำให้ยอดหมายจะบวชให้กับบิดามารดาทดแทนคุณ และยังตั้งใจว่าจะบวชไปตลอดชีวิต เพื่อลบล้างความเจ็บปวดที่อยู่ภายในอันเกิดจากความรักที่ผิดหวังในครั้งนี้
ที่ผ่านมา เขาอุตส่าห์อยากจะสร้างครอบครัวกับดอกสร้อย มีหัวใจรักอันบริสุทธิ์ แต่ด้วยเหตุใดไม่รู้ได้ ดอกสร้อยกลับเบี่ยงหัวใจแบ่งความรักไปให้สิน ซึ่งที่ผ่านมาแข่งขันกับเขามาตลอด จนเรียกได้ว่าเป็นศัตรูและแทบจะไม่เผาผีกันอีกในคราวที่ผิดใจกันรุนแรง
เมื่อหัวใจไม่ได้ดังหมาย อีกฝ่ายทรยศซึ่งความบริสุทธิ์ของเขา เขาจึงอยากจะหลบเลี่ยงเธอไปให้ไกลแสนไกล และหนทางที่สามารถกระทำได้คือ ตัดขาดต่อโลกภายนอก มอบกายใจสู่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนา
เขาโชคดีตรงที่ว่า ครอบครัวใกล้ชิดกับพระสายปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างหลวงตาสาย จึงไม่โอนเอนหัวใจไปทางอื่นนอกจากทางนี้
เมื่อได้ธุดงค์ ยอดจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะปฏิบัติอย่างตั้งใจ หมายเพื่อให้ทุกสิ่งอย่างจบสิ้นและลืมซึ่งความเจ็บปวดที่ได้รับมาจากดอกสร้อยคนงาม
ระบายลมหายใจออกมา แล้วลุกขึ้นเดินกลับไปยังที่นอน ลอบมองไปยังกลดของหลวงตา เห็นท่านนั่งนิ่งร่างกายไม่ไหวติงอยู่ภายในผ้าสีกรัก นึกนับถือและเลื่อมใสในการปฏิบัติของท่าน รู้สึกปลอดโปร่งเมื่อยามอยู่ใกล้
มองหลวงตาสายสักครู่ เขาจึงย่อกายลงนอนราบกับพื้น นอนหงายมือวางตรงช่องท้อง กำหนดหัวใจนึกรู้ ดวงจิตตั้งมั่นรู้ตัวรู้ตน กระทั่งเข้าสู่นิทราในเวลาต่อมา
นานเท่าใดไม่รู้ได้ ยอดคล้ายวิ่งฝ่าเปลวเพลิงอันร้อนรน เห็นแสงสีขาวอยู่ร่ำไรตรงหน้า แต่จนแล้วจนรอดกลับคล้ายรู้สึกมีดวงไฟร้อนระอุ พุ่งตามอย่างไม่ลดละ
“ตั้งมั่นในความคิด ทะลายความหวาดกลัวให้หมดไปจากหัวใจ”
เสียงของหลวงตาสายดังเข้ามาให้ได้ยิน...
เขาระบายลมหายใจออกมา ไม่ยินยอมที่จะลุกขึ้นวิ่งตามอย่างที่หัวใจสั่งการก่อนหน้า กระแสแห่งความลุ่มลึกชื่นเย็นจากกระแสเสียงของหลวงตาสาย ทำให้สติปัญญาแตกฉาน เขาเลือกที่จะย่อตัวลงนั่งกับพื้น ยกขาขึ้นขัดสมาธิ หลับตาลงแล้วกำหนดลมหายใจเข้าออก
แสงสว่างที่เห็นอยู่ไกลๆ กับเปลวไฟที่เตรียมจะเผาไหม้อยู่เบื้องหลัง ร้อนรนหมดหนทางหลบหนี เขาหันหน้าเข้าต่อสู้อย่างไม่หวั่นเกรง พลันนั้นกลับรู้สึกว่าดวงไฟทุเลาความร้อนแรงลง ก่อนจะเห็นจุดสีขาวก่อกำเนิดขึ้นมาในสมาธิ ก่อนจะค่อยๆ สว่างขึ้นมาเรื่อยๆ จนดวงตาเกือบพร่า
“ดีมาก ขจัดความทุกข์ร้อนในหัวใจออกไปให้หมด”
ราวกับหยดน้ำมนต์ประพรมลงกลางกระหม่อม ชื่นเย็น บรรเทาซึ่งความร้อนรนทั้งปวงได้อย่างดีเยี่ยม บัดนั้นเขาจึงผ่อนคลาย แล้วระบายลมหายใจออกมา
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น พลันสองหูก็ได้ยินเสียงไก่ขันรับอรุณ แม้ความมืดจะยังไม่จางไป แต่ความสว่างเรื่อเรืองของเช้าวันใหม่กำลังคืบคลานเข้าแทนที่ ยอดลืมตาขึ้น หัวใจตื่น รู้เนื้อรู้ตัว จึงผุดลุกขึ้นนั่ง
กองไฟมอดเชื้อ ถ่านแดงริบหรี่ ขี้เถ้าสีขาวปลิวตามลมหอบหนึ่งที่ปลิวผ่าน ยอดมองในระดับสายตาเห็นหลวงตาสายกำลังเดินสำรวมอยู่ไม่ไกลนัก
ท่านกำลังเดินจงกลม...
พอเห็นดังนั้น สติตักเตือนว่าตนไม่ควรตื่นนอนหลังพระคุณเจ้า จึงรีบลุกขึ้นเขี่ยฟืนเข้ากองไฟ ก่อไฟจนลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ยกเอากาน้ำขึ้นต้มรอท่าหลวงตา นึกเข้าข้างตัวเองอยู่น้อยๆ ว่า นี่เป็นครั้งแรกสำหรับการเข้ามาใช้ชีวิตในป่าร่วมกับพระคุณเจ้า การตื่นสายเป็นเพราะไม่รู้เวลา วันต่อไปค่อยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
หลวงตาสายเดินจงกลมอีกสักครู่ ท่านจึงเดินมานั่งบนก้อนหินหน้ากองไฟ
“น้ำเดือดแล้วหรือไอ้ยอด”
“ใกล้แล้วขอรับหลวงตา...”
พระชราภาพพยักหน้า ท่านมองหน้ายอดสลับกับกาต้มน้ำซึ่งบัดนี้เห็นกระไอน้ำเดือดและลอยพ้นออกมาทางคอกา
“กระผมต้องขอโทษหลวงตา ที่ตื่นช้ากว่าหลวงตา”
ท่านยิ้มเมตตา มองหน้าของยอดแล้วยิ้มอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร เอ็งเพิ่งจะเคยติดตามข้า”
“ต่อไปกระผมจะปรับปรุงตัวเองขอรับหลวงตา”
“อืม...ตั้งใจให้ดีก็แล้วกัน”
เมื่อน้ำเดือด ยอดจึงรินน้ำแล้วผสมน้ำก่อนจะส่งให้กับหลวงตาสาย ท่านรับไปจิบแล้วอยู่พูดคุยกับยอดอีกสักครู่จึงชักชวนยอดให้ออกไปบิณฑบาต
“ที่ไหนหรือครับ...”
เขาถามอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าเช้ามืดกลางป่าเช่นนี้จะมีชาวบ้านออกมาใส่บาตร ซึ่งหากจะพูดให้ถูกต้องคือ กลางป่าใหญ่เช่นนี้หายากนักที่จะมีใครมากระทำตามประสงค์ของหลวงตาสาย นอกเสียจากพวกเทวดาหรือรุกขเทวาตามป่าเขา
ท่านไม่พูดอะไรอีก ได้ลุกไปเตรียมตัว โดยยอดจัดแจงหาบาตรและอุปกรณ์ตามความประสงค์ของพระคุณเจ้า โดยความสงสัยถูกเก็บงำซ่อนลึกอยู่ภายในใจ
คิดเสียว่าตามท่านไปก่อน แล้วความจริงทั้งหมดจะกระจ่างเอง