เรื่อง : ซ้อนกลรัก
ตอนที่ 8 #เกมเริ่มต้นขึ้นแล้ว (100%)
โดย : Kwitch (เขียนเป็นภาษาไทยว่า กวิชญ์ (อ่านว่า กะ-วิช (ออกเสียง “เฉอะ”)))
คำตอบของเขาเหนือความคาดหมายและไกลเกินกว่าสิ่งที่หญิงสาวคิดไว้มากนัก จนทำให้หล่อนสำลักข้าวในทันที
‘เป็นอะไรครับคุณคี...นี่น้ำครับ’
คีตารีบรับน้ำที่กันตภัทร์ส่งให้มาดื่ม และวางแก้วลง ‘โอ๊ย! นี่มันสำลักจนขึ้นไปที่หัวแล้วเนี่ย’ หล่อนบ่นในใจ
‘นี่...คุณจะไปไหนนะ’
‘ผมจะพาคุณไปเลือกแหวนหมั้นครับ’ ชายหนุ่มแสร้งพูดช้า ๆ คำต่อคำจนจบประโยค
หญิงสาวเบิกตาโตจนตาจะถลนออกมานอกเบ้า หล่อนไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์นี้ในวันนี้ ซึ่งหล่อนยังไม่ได้ตั้งแผนรับไว้เลย หล่อนคิดหาทางออกไปมาอยู่ในหัว แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ถ้าสามารถมองทะลุเข้าไปในสมองของหล่อนได้ในตอนนี้คงจะเห็นเป็นคลื่นประจุไฟฟ้าวิ่งเวียนวนอยู่ในนั้นอย่างวุ่นวายยิ่งกว่าสภาพการจราจรในเมืองหลวง โดยที่หล่อนก็ยังไม่สามารถจะจัดระเบียบความคิดในการจัดการกับปัญหาได้ในตอนนี้
คีตาเม้มปากก่อนจะเอ่ยออกมาเนิบ ๆ ‘ฉันว่ามันออกจะเร็วไปหน่อยมั้ยคะ’
‘ไปดูไว้ก่อนก็ได้ลูก...ยังไม่ต้องเลือกวันนี้ก็ได้นี่’ ณปภัชพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
คิ้วงามที่ขมวดน้อย ๆ บนใบหน้าของหญิงสาวบ่งบอกถึงการปฏิเสธ ‘แต่...’
หญิงชราส่ายหน้าให้หญิงสาว เหมือนเป็นการปรามว่าอย่าขัดขืนจะดีกว่า แล้วหล่อนจะทำอะไรได้ นอกจาก ‘ค่ะ’ หญิงสาวเอ่ยรับอย่างหมดทางหนี
‘วันนี้เราไปกันแค่สองคนน่าจะดีกว่านะครับ’ ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงมีเลศนัย
‘อ้อ!...ย่าคงไม่ไปด้วยหรอกจ้ะ...ไม่ต้องห่วงนะ’ หญิงชราหันไปยิ้มให้เขา
‘เปล่าครับคุณย่า...ผมไม่ได้หมายถึงคุณย่าครับ’ ชายหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจหญิงชราเป็นอันมาก
‘แล้วหมายถึงใครล่ะ...มีใครจะไปด้วยอีกเหรอ’
คีตารีบหันไปมองหน้ากันตภัทร์ โดยภาวนาในใจว่าอย่าให้เขาพูดถึงเหตุการณ์ที่หล่อนนัดเพื่อนสาวมาทานข้าวด้วยกันในวันที่คีตากับกันตภัทร์เจอกันเป็นครั้งแรก
‘ก็คราวที่แล้ว ที่ผมมารับคุณคีไปทานข้าวน่ะครับ...คุณคีชวนเพื่อนมาทานด้วยกัน’ ชายหนุ่มเอ่ยปากอย่างสบายอารมณ์และแสร้งทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องน่าขำขัน
หญิงสาวกลอกตาไปมา กำลังคิดหาคำตอบที่ดูเหมาะสม ‘ก็...ไม่ใช่คนอื่นไกลนี่คะ...เพื่อนกันทั้งนั้น’
‘ใครเหรอคี’ หญิงชราเลิกคิ้วถาม
‘ใบบัวค่ะคุณย่า...ใบบัวก็เป็นเพื่อนกับคุณกันต์ตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วยนะคะ’ ดวงหน้าพิไลแสร้งพูดอย่างกระตือรือร้น
‘อ้อเหรอ! โลกกลมจริง ๆ’ หญิงชราพยักหน้ารับ ‘แต่ครั้งนี้...ถ้าใบบัวไปด้วยก็ไม่น่าจะเหมาะนะ’ หญิงชราจ้องมองหญิงสาวด้วยแววตาแฝงความเคร่งขรึมน่าเกรงขามอีกตามเคย
กันตภัทร์มองคีตาด้วยสีหน้าที่เกือบจะสะกดกลั้นอารมณ์ขันเอาไว้ไม่ไหว แววตาเจือยิ้มฉายประกายเจ้าเล่ห์ ประดุจว่าเขาเป็นผู้ชนะและถือไพ่เหนือกว่าสำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้ โดยหารู้ไม่ว่า หญิงสาวก็ได้สังเกตเห็นแววตานี้ที่เขาแอบซ่อนไว้เช่นกัน
‘คีก็ไม่ได้คิดจะชวนใบบัวอยู่แล้วล่ะค่ะ’ หญิงสาวทำหน้ามุ่ยส่งค้อนก้อนโตให้หญิงชรา แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ‘ถ้าอย่างงั้น...คีขอขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ’
‘ตากันต์นี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย จู่ ๆ นึกจะมาก็มา มาแบบไม่บอกไม่กล่าว มาแบบไม่ทันให้ฉันได้ตั้งตัว และที่สำคัญ...จะมาพาฉันไปเลือกแหวนหมั้น...นี่มันเรื่องบ้าชัด ๆ’ หญิงสาวนึกตำหนิกันตภัทร์ด้วยความเจ็บใจ หล่อนกำมือแน่นและทุบมือลงบนเตียง เพราะเจ็บใจที่ตัวเองคิดหาทางออกไม่เจอเสียที ในเวลานี้หญิงสาวรู้สึกมืดแปดด้าน ราวกับเรื่องที่คิดว่าไม่น่าจะจริงจัง แต่มันก็กลับเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่น่าไว้วางใจ...อย่างเช่นเรื่องการหมั้นหมายนี้…เดิมทีเธอคิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะยกเลิก หรือไม่ให้มันเกิดขึ้น เพียงแค่เธอสามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมมาหยุดยั้ง มันก็น่าจะจบ...แต่นี่ดูเหมือนว่ามันกำลังก้าวหน้าไปกว่าเดิมอีก แถมความเร่งก็ยังทวีคูณขึ้นจนน่าตกใจ เธอคงต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้ ซึ่งประเด็นสำคัญก็คือ เธอต้องไปหาเงินจำนวนเจ็ดร้อยล้านมาเพื่อจบเรื่องนี้...แต่เธอจะไปหามาได้จากที่ไหนในเวลากระชั้นชิดแบบนี้
ร่างบางเดินมาอยู่ที่ด้านหลังของชายหนุ่มโดยที่เขาไม่รู้ตัว ดวงตาคู่งามสะท้อนความปวดใจออกมาเมื่อได้เห็นแผ่นหลังของชายหนุ่มที่กำลังยืนรอเธออยู่ หญิงสาวลอบถอนหายใจ ก่อนที่จะเอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ‘เสร็จแล้วค่ะ’
กันตภัทร์หันมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แต่เมื่อได้เห็นหญิงสาวแล้วใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มนั้นก็ผุดยิ้มพึงพอใจ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นหน้านิ่ง
‘ครับ’
.....
เมื่อทั้งคู่ลงจากรถคันหรูของชายหนุ่ม ระหว่างทางเดินไปร้านแหวนเพชรนั้น หญิงสาวก็พยายามทิ้งระยะห่างจากชายหนุ่มประมาณ ห้าฝีก้าว เพราะเธอไม่อยากจะเดินใกล้เขา...ซึ่งเป็นดาราดังอยู่ในเวลานี้ เธอเกรงว่าถ้านักข่าวมาเจอว่าชายหนุ่มควงผู้หญิงเข้าร้านแหวนเพชร ก็คงไม่พ้นจะมีรูปของเธอปรากฏอยู่บนทุกสื่อในวันรุ่งขึ้นเป็นแน่แท้
เมื่อถึงร้านขายเครื่องประดับเพชรไฮโซชื่อดัง กันตภัทร์เปิดประตูอย่างสุภาพเพื่อให้คีตาเดินเข้าไปก่อน ‘เชิญครับ’
หญิงสาวพยักหน้ารับ ‘ขอบคุณค่ะ’
พนักงานหญิงประจำร้านเดินเข้ามาต้อนรับและยกมือไหว้ทั้งสองคนอย่างสุภาพ ก่อนที่จะเอ่ยบทพูดตามรูปแบบที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี
‘สวัสดีค่ะ คุณท่านทั้งสองต้องการให้เราดูแลเรื่องไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ’
‘ผมอยากจะดูแหวนเพชรครับ’
‘เชิญด้านนี้เลยค่ะ’ พนักงานหญิงเดินนำกันตภัทร์และคีตาไปยังตู้โชว์แหวนเพชร และยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อคอยให้บริการบุคคลทั้งสอง
‘ขอบคุณนะคะ...ยังไงขอเราดูก่อนนะคะ’ ความหมายของคีตาคือขอให้พนักงานหญิงออกไปก่อน ซึ่งถือเป็นการไล่อย่างสุภาพนั่นเอง
คีตาแสร้งทำเป็นพิจารณาแหวนเพชรที่ วางเรียงรายอยู่ในตู้โชว์ แต่อันที่จริงแล้ว หญิงสาวกำลังพยายามคิดหาวิธีที่จะปลีกตัวออกไปจากที่นั่นให้ดูแนบเนียนและสุภาพที่สุด ออกไปแบบสวย ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ดูเสียหน้ามากนัก
‘คุณชอบวงไหนเป็นพิเศษมั้ยครับ’ ชายหนุ่มหันไปยิ้มละมุนให้หญิงสาว
หญิงสาวส่ายหน้า ‘ยังไม่มีรูปแบบที่ถูกใจฉันเลยค่ะ’
‘คุณชอบรูปแบบประมาณไหนเหรอครับ’
ในวินาทีที่คำถามจบลง ใบหน้าของใครคนหนึ่งก็แว่บเข้ามาในความคิดของหญิงสาว จนทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ ‘ฉันชอบสัญลักษณ์อินฟินิตี้ค่ะ...ความไม่มีที่สิ้นสุด...รักที่ไม่มีจุดสิ้นสุด...ฉันชอบความหมายของมันค่ะ’
กันตภัทร์เลิกคิ้ว ดวงตาเรียวคมจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังก้มหน้าต่ำอย่างซับซ้อน บนใบหน้าหล่อเหลาคล้ายกับมีความคิดอะไรบางอย่าง ดวงตาทั้งคู่จับจ้องอยู่ที่ดวงหน้างามของหญิงสาวอย่างไม่ละสายตา ต่อเมื่อหญิงสาวช้อนตาขึ้นมาก็ได้ทันสบตากับดวงตาดำขลับคู่นั้น ดวงตาของเธอปรากฏแววฉงนสนเท่ห์ เพราะคิดไม่ถึงว่าแววตาที่อ่อนโยนคู่นั้น จะส่งออกมาจากชายหนุ่ม คนที่เธอคิดว่าเขาคือนักแสดงลวงโลก ที่ไร้ซึ่งความจริงใจอย่างเป็นที่สุด