ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

1227 คำ
        เธอชอบอ่านนิยาย แล้วเธอก็กำลังคลับคล้ายคลับคลาว่ามันคือเรื่องที่เธอกำลังอ่านค้างอยู่ เป็นเรื่องที่นางเอกอ่อนแอ และขี้แพ้มาก ๆ อะไร ๆ ก็ไม่สู้         ‘ โบตั๋นเดียวดาย ’ คือชื่อนิยายนั้น         นางเอกชื่อหลันฮวา เป็นลูกสาวท่านอ๋อง และเป็นแฟนกับองครักษ์ของตัวเอง นั่นทำให้หญิงสาวตบเข่าฉาด จนสาวใช้สะดุ้งเฮือก         “ อ๋อ จำได้แล้ว โบตั๋นเดียวดายจริง ๆ ด้วย นี่คือฉันไม่ได้เป็นลมเฉย ๆ เหรอวะ ฉันตายแล้ววิญญาณล่องลอยเข้าไปในนิยายเหรอวะเนี่ย ! ”         “ อะ... อะไรหรือเพคะ ท่านหญิงยังไม่ตายนะเพคะ ยังมีชีวิตอยู่ แล้วที่นี่ก็ไม่ใช่โบตั๋นเดียวดาย ที่นี่คือ จวนท่านอ๋องหง แคว้นเถินเพคะ ” อาซินตะกุกตะกักอย่างตกใจงุนงงตื่นกลัวปนเป ตอนนี้ไม่รู้ว่าใบหน้าของผู้ป่วยพึ่งฟื้นหรือใบหน้าของอาซินใครจะเจื่อนซีดกว่ากัน         หยางลี่จือ ที่ฟื้นขึ้นมาในร่างของท่านหญิงหลันฮวา จ้องมองใบหน้าของสาวใช้อยู่ชั่วอึดใจ ก่อนตวัดสายตากวาดมองรอบกาย และตระหนักได้ดีว่าเธอทะลุมิติ ข้ามภพ วิญญาณลอยล่อง หรืออะไรก็แล้วแต่จะสรรหามาเรียกกันเถอะ         มันนำพามาที่นี่ ที่แห่งนี้ ที่ที่เป็นนิยายที่เธออ่าน         เป็นอันว่าเธอตายแล้วสินะ...         ลี่จือใจหาย แต่เธอเป็นคนเข้มแข็งและมีสติ ไม่มีใครในเบื้องหลังให้ต้องห่วง เธอเกิดมาคนเดียว ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเป็นแม่ด้วยซ้ำ เติบโตมาอย่างแหว่งวิ่นด้วยการเลี้ยงดูแบบไม่ใส่ใจของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกอย่างมันขัดเกลาหล่อหลอมให้เธอเข้มแข็งและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด         คนที่เธอห่วง ก็แค่เพื่อนสนิทในกลุ่มสามคนเท่านั้น..         ป่านนี้คงด่ากันหูชาแล้วมั้ง ไม่งั้นก็คงร้องไห้กันเป็นเผาเต่า ที่เธอชิงทิ้งพวกมันไปก่อน ทั้งที่สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกัน ทำโน่นทำนี่ร่วมกัน         ไม่อีกแล้ว คงไม่มีอีกแล้วสินะ...         นึกถึงตรงนี้ได้ ลี่จือก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาพร้อมกับยิ้มไปด้วย         อย่างน้อยเธอก็ยังมีความทรงจำดี ๆ เก็บเอาไว้ ความรักความผูกพันระหว่างเพื่อน ถึงจะไม่ได้ดำเนินชีวิตถูกต้องตามทำนองคลองธรรมนัก แต่พวกเธอก็ไม่เคยทิ้งกัน รักและดูแลกันเสมอมา         “ ฉันรักพวกแกจัง หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีกนะ ” เธอพึมพำถึงเพื่อน ๆ แต่สาวใช้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยเลย         “ เราพบกันแล้วอย่างไรเล่าเพคะ ท่านหญิงอย่าไปไหนอีกเลย กระหม่อมเป็นห่วง ” อาซินว่าพลางคลานเข่าเข้าไปใกล้แล้วจับมือของท่านหญิงมาวางไว้บนศีรษะของตน         “ ได้โปรดเถอะ ท่านหญิงต้องเข้มแข็งนะเพคะ ขณะนี้ท่านองครักษ์กำลังเดินทางไปหาท่านนักพรตเทวดา ท่านหญิงจะต้องหายเป็นปลิดทิ้งแน่ ๆ เพคะ ” ลี่จือจ้องมองใบหน้ากลม ๆ และดวงตาภักดีของสาวใช้อย่างเอ็นดู สมองทบทวนข้อมูลจากนิยาย         จิ้นซิน สาวใช้ประจำกายของท่านหญิงหงหลันฮวาผู้รักและภักดีกับนางเหลือเกิน         “ ขอบใจมากนะพี่จิ้นซิน ที่คอยอยู่เคียงข้างท่านหญิงมาตลอด พี่เป็นคนดีจริง ๆ ” นางเอ่ยปากชมพร้อมรอยยิ้ม นั่นทำให้อาซินส่ายศีรษะดิก ๆ รวดเร็ว         “ ท่านหญิงอย่าเรียกจิ้นซินเช่นนั้นเลยเพคะ จิ้นซิน มิบังอาจ ”         “ อะไร แค่เรียกพี่เนี่ยผิดมากเลยหรือไง มันก็สมควรเรียกพี่อยู่แล้ว ก็พี่อายุตั้งยี่สิบห้าแล้ว ส่วนท่านหญิงก็พึ่งจะสิบเจ็ด ” นางพูดเร็ว ๆ ฉอด ๆ นั่นทำให้อาซินตกใจ ปกติท่านหญิงจะพูดช้า ๆ น้ำเสียงนิ่ม ๆ นี่นา         “ แต่จิ้นซินเป็นแค่บ่าวไพร่ เป็นแค่ข้ารับใช้ ”         “ โอเค ๆ เรียกอาซินก็ได้ ถ้าต้องการแบบนั้นนักก็ ”         “ โอเค อันใดหรือเพคะ ” อาซินถามเมื่อได้ยินคำพูดแปลก ๆ จากท่านหญิงนั่นทำให้ลี่จือฉุกคิด         นางย้อนกลับไปในอดีต จะปีใดเวลาใดก็มิอาจรู้ได้ แต่คำพูดคำจาทั้งหลายคงจะแตกต่างจากยุคของนางเป็นแน่ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ความที่ลี่จือชอบอ่านหนังสือนิยายย้อนยุค นั่นแปลว่านางมีคลังคำโบราณอยู่ล้นศีรษะ         นางจะเอามันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ก็ทีนี้ !         ลี่จือยิ้มกว้างออกมาในท้ายที่สุด         แต่แล้วก็นึกบางอย่างออกได้ ตอนที่ลืมตาตื่น เธอจำได้ว่าเห็นหน้าผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งหล่อทั้งสูงใหญ่ แต่ตอนนี้เขาหายไปไหนเสียแล้ว          “ เออ อาซิน ผู้ชายตัวสูง ๆ หล่อ ๆ ที่ยืนอยู่ตรงนี้ หายไปไหนแล้วล่ะ ” เธอถามสาวใช้         “ ท่านหญิงหมายถึง ท่านองครักษ์เหว่ยใช่หรือไม่เพคะ ”         “ องครักษ์เหว่ย ที่เป็นแฟนกับท่านหญิงใช่ไหม ” ลี่จือซัก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในนิยาย นั่นทำให้อาซินงงอีกคำรบหนึ่ง         “ แฟนคืออย่างไร ถ้าหากหมายถึงคู่รักล่ะก็ใช่เพคะ ”         “ เออ นั่นแหละ ๆ คู่รักของท่านหญิง เอ่อ ของข้า เขาไปไหนเสียแล้วล่ะ ”         “ ท่านองครักษ์ออกไปตามหานักพรตเทวดาเพื่อจะมาดูอาการท่านหญิง ตอนที่ท่านหญิงฟื้น กระหม่อมวิ่งออกไปตามแต่ก็ไม่ทัน ท่านเหว่ยควบม้าไปไวเหลือเกิน แต่ท่านสัญญาว่าไม่เกินสามราตรีจะกลับมาพร้อมท่านนักพรต ”         “ เดี๋ยวนะ ตอนนี้มันตอนไหนแล้วนะ ท่านหญิงโดนวางยาจากอีแม่เลี้ยงใจร้ายแล้วใช่ไหม ” คำถามนั้นทำให้อาซินตกใจอีกครั้ง         “ ทะ... ท่านหญิงรู้ด้วยหรือเพคะ ”         “ อืม รู้หมดแหละ มันวางยาทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะ นังอิงเยี่ยน่ะมันปลอมตัวมารู้ไหม แท้จริงแล้วนางคือนางโลมในหอคณิกาที่ถูกปลดแอก หาใช่โฮมเลสใด ๆ ไม่ ”         “ โฮเลด อะไรหรือเพคะ ” อาซินถามอย่างสงสัย ลี่จือส่ายศีรษะให้กับความผิดพลาดของตนอีกรอบ         นางเห็นจะต้องระมัดระวังคำพูดมากกว่านี้          “ หมายถึงว่า ไม่ใช่หญิงไร้บ้าน ไม่ใช่คนจรจัดอย่างที่นางเล่าน่ะสิ นางน่ะวางแผนจะเข้ามาในจวนท่านอ๋องเพื่อชุบตัว รู้ว่าท่านหญิงมีจิตใจเมตตา มันเลยเข้าแผนการได้ง่าย ๆ ” อาซินทำตาโต         “ เช่นนั้นหรือเพคะ แล้วท่านหญิงรู้ได้อย่างไร ”         “ เออ ข้ารู้ก็แล้วกัน อาซิน ”         “ แล้วเราควรทำเช่นไรต่อไปกัน กระหม่อมห่วงเหลือเกินว่านางจะฉวยโอกาสตอนที่ท่านองครักษ์ไม่อยู่  เข้ามาทำร้ายท่านหญิง ” สาวใช้เอ่ยด้วยใบหน้าเป็นกังวล         แต่ลี่จือหัวเราะออกมาอย่างดังจนสาวใช้ตกใจ         ไหน ๆ ก็หลุดเข้ามาแล้ว ทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง ก็คงไม่ผิดนัก         ลบภาพนางเอกผู้อ่อนแอไปได้เลย อีลี่จือมาแล้ววว !         “ เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกอาซิน นับแต่นี้ไป ข้าจะไม่ให้ใครมารังแกท่านหญิงที่แสนดีของเจ้าได้ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน แล้วเจ้าจะได้เห็นมัน ! ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม