“เจ้าดูเหมือนร้อนและเผ็ด!”
“เปล่าเสียหน่อยท่านแม่ทัพ ผู้น้อยแค่หิว!”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วหนาเป็นแพทั้งสองข้างขึ้น สตรีเช่นนี้เขาไม่เคยพบพาน
“โอ้ ผู้น้อยเพียงแค่เย้าท่านแม่ทัพ ที่ทำทั้งหมดนี้เพราะอยากเป็นอาหารตาให้ท่านสำราญใจ”
หญิงสาวตอบอย่างเปิดเผยเจตนาชวนอุ่นเตียง ส่งผลให้แม่ทัพหนุ่มทำเสียงคำรามเตือน เขาอยากเอ่ยปากต่อว่านางอยู่บ้าง แต่เห็นว่าศีรษะนางได้รับการกระทบกระเทือนหลายส่วน และยังจากบ้านจากเมืองมาไกล เขาเลยต้องเก็บคำพูดร้ายๆ เอาไว้ กระนั้นยังไม่วายเหน็บนางพอให้รู้จักสงวนท่าที
“ข้าควรเรียกหมอจากสำนักแพทย์ประจำเมืองหรือไม่ เหตุใดถึงทำตัวเหมือนสตรีประหลาดที่ถูกนางจิ้งจอกสิงร่าง”
ซูกุ้ยฟางยืนตะลึงนานหลายอึดใจ ก่อนบีบน้ำตาออกมา กิริยานางทำให้หยางอี้คังแปลกใจ
“ทะ ที่ผู้น้อยทำไปทั้งหมด เพราะไม่อยาก...ถูกท่านแม่ทัพส่งตัวไปยังชายแดน หรือต้องกลายเป็นเมียโจร หากร้ายแรงกว่านั้น ทะ ท่านคงขายให้ไปเป็นคณิกา ตอนที่อยู่ในตลาดผู้น้อยกลัวจับใจ ท่านแม่ทัพอย่าได้กระทำต่อผู้น้อยเยี่ยงนั้นเลย หากต้องตกต่ำอีกหน สตรีแซ่ซูขอกัดลิ้นตัวเองตาย หรือไม่ท่านแม่ทัพโปรดมอบยาพิษแก่ผู้น้อย แต่หากยังมีเมตตา ขอเป็นยาพิษที่ไม่ทำให้ร่างกายงดงามนี้อุจาดตาเมื่อสิ้นลมหายใจ”
ชายหนุ่มได้ฟังคำสาธยายยาวเหยียดก็ทึ่งในความช่างเจรจาของสาวงามจนต้องอมยิ้ม ซูกุ้ยฟางเป็นหญิงสาวที่แตกต่างจากผู้ใดที่เขาเคยเกี้ยว กระนั้นเขาก็เลือกทำเสียงคำรามดุๆ ใส่สาวงาม
“เหลวไหล เห็นข้าเป็นบุรุษใจดำอำมหิตเช่นนั้นหรือ”
“ผะ ผู้น้อยผิดไปแล้ว แต่เท่าที่ทราบตอนนี้ ทะ ท่านแม่ทัพ...ไม่อยากเหลียวแล ผู้น้อย!”
ร่างสูงลุกขึ้นจากม้านั่ง ส่งสายตาคมมองร่างเย้ายวนที่มีกลิ่นกายหอมหวาน พลางคิดในใจว่า หากเขาจะลิ้มชิมรสชาตินางสักคราจะเป็นการดีหรือไม่
“บุรุษเช่นข้าย่อมมีเหตุผล และหญิงงามเช่นเจ้า หากผู้ชายมิตายด้านหรือนิยมการตัดแขนเสื้อ ย่อมสยบแทบเท้ามิอาจหันใจไปทางอื่น”
ซูกุ้ยฟางมองใบหน้าคมคาย ก่อนหยุดที่ดวงตาดุจพญานกอินทรีของหยางอี้คัง
“แล้วท่านแม่ทัพเล่า คิดเห็นการใดต่อผู้น้อย”
“กุ้ยฟาง หากไม่หลงเสน่ห์เจ้า มีหรือที่ข้าจะยื่นมือเข้าไปช่วย ทั้งที่รู้ว่าในภายภาคหน้าอาจมีเรื่องยุ่งยากตามมาไม่จบสิ้น”
หญิงสาวสะดุดใจในถ้อยคำของเขา
“ผู้น้อยเป็นเพียงสตรีบอบบาง หวังพึ่งต้นไม้ใหญ่เยี่ยงท่านแม่ทัพ อาศัยหลบฝน หลบแดด ไฉนจะกล้าสร้างความรำคาญใจ”
“ฮ่าๆๆ กล่าวได้ดี เจ้าเป็นสตรีซึ่งมีความคิดความอ่านหาได้ยากยิ่ง เช่นนี้ข้าควรทำอย่างไรกับเจ้า”
คำถามนั้นสร้างความปั่นป่วนในใจของซูกุ้ยฟาง ในหัวตอนนี้คือทำอย่างไรก็ได้ให้เขาพานางขึ้นเตียง และมอบบุตรหัวปีท้ายปีเข้าไปอยู่ในเรือนกายสวยงามนี้
“แม่ทัพหยาง สตรีต่ำต้อยที่ถูกบิดาผลักไสออกจากเรือนมาเป็นของกำนัล และโชคร้ายกลายไปเป็นสินค้าในตลาดด้วยราคาเทียบเท่าบ๊ะจ่างหนึ่งลูก ท่านยังจะสนใจเหลียวแลหรือไม่”
หยางอี้คังพิศใบหน้าของซูกุ้ยฟาง มิใช่เพียงความงามที่นางมี สตรีผู้นี้ยังเฉลียวฉลาด ช่างเอาอกเอาใจ และแฝงความเจ้าเล่ห์อยู่หลายส่วน
“กุ้ยฟาง อย่าได้กล่าวดูถูกตน”
เอ่ยจบแม่ทัพหยางก็ประคองซูกุ้ยฟาง พาหญิงสาวออกไปสูดอากาศที่ระเบียงด้านนอก
สายลมพัดผ่านกายให้สบายตัว แต่แทนที่หยางอี้คังจะมีความสำราญใจ เขากลับถอนหายใจหนักๆ หลายหน ตอนนี้ชายหนุ่มมีความคิดมากมายหมุนวนในหัว
สำหรับซูกุ้ยฟาง นางไม่อยากให้เรื่องราวต้องเปลี่ยนไปมากกว่านี้ แปดบรรทัดที่นางจำได้คือ ชายผู้นี้แต่งงานกับสตรีที่เขาช่วยจากการถูกซื้อขายในตลาด เป็นสตรีที่ทำให้เขามีลูกหลานสืบสกุล และในอนาคตจะได้ลูกชายหัวปีและท้ายปี โดยคนโตจะเป็นหมอยาผู้ยิ่งใหญ่ช่วยเหลือคนทั่วหล้า ส่วนคนรองเป็นแม่ทัพประจำแคว้นเจ้าแทนบิดา ทั้งห้าวหาญและกล้าแกร่ง แล้วถ้าหากเขาได้อุ่นเตียงกับม่านลั่วลั่ว หญิงงามที่เข้ามาอยู่ในสกุลอย่างถูกต้อง ซูกุ้ยฟางจะต้องระเห็จไปอยู่ที่ใด คิดได้ดังนั้นนางคงต้องงัดทุกวิถีทางเพื่อกุมหัวใจและร่างกายของหยางอี้คัง และนางต้องเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งในเรือนหลังงามนี้
“หากท่านแม่ทัพต้องการผ่อนคลาย ผู้น้อยจะช่วยปรนนิบัติ”
“อุ่นเตียงเช่นนั้นรึ” เขาถามอย่างเปิดเผย
ดวงตาคู่สวยหวานของซูกุ้ยฟางเบิกโต แสร้งทำกิริยาขัดเขิน
“หามิได้...ยามนี้หากขึ้นเตียงคงไม่งาม แต่มีสิ่งสำราญอื่นที่กุ้ยฟางอยากช่วยท่านแม่ทัพ”
“เยี่ยงไร จงบอกข้าให้รับรู้”
ชายหนุ่มยิ้มหล่อเหลาให้หญิงสาว ยามนั้นหัวใจซูกุ้ยฟางแทบกระโจนออกมานอกอก นางนอนร่วมเตียงแม่ทัพหยางมาหลายคืน แต่ไม่ได้มีสิ่งใดลึกซึ้ง ถ้าครั้งแรกนี้จะมีความสัมพันธ์แสนวิเศษที่ไม่ใช่บนเตียง นางก็เห็นว่ามันย่อมเป็นเรื่องชวนให้หวามใจโดยแท้
ณ ห้องอาบน้ำของเรือนหลังงาม ตรงกลางมีถังอาบน้ำไม้ขนาดใหญ่ สามารถลงไปแช่ตัวได้สองคนอย่างสบาย ซูกุ้ยฟางจัดเตรียมทั้งเครื่องหอม ดอกไม้โรยไว้บนผิวน้ำ และนางยังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหลือน้อยชิ้นกว่าเดิม
หยางอี้คังสวมเพียงกางเกงขาสั้น และมีซูกุ้ยฟางคอยปรนนิบัติใกล้ๆ
“ผู้น้อยช่วยถูหลังให้ท่านและบีบนวดดีไหมเจ้าคะ”
“เกรงว่าเจ้าจะปวดเมื่อยตัวเสียเปล่าๆ รู้หรือไม่ข้าหนังหนามาก”
เขาเอ่ยเสียงเข้มกว่าปกติสักหน่อย เพราะสงสัยว่าเหตุใดซูกุ้ยฟางถึงยังแสดงปาหี่ได้เก่งถึงเพียงนี้ นางเป็นจิ้งจอกน้อยจอมเจ้าเล่ห์ หรือว่าสติที่มีถูกลบเลือนไปจริงๆ กระนั้นในส่วนลึกเขาพออ่านจิตใจนางได้ สตรีผู้นี้อยากให้เขาข่มเหง เพื่อหวังมีบุตรชายหัวปีท้ายปี และนั่นจึงเป็นเหตุให้เขาฝืนใจอุ่นเตียงกับนางไม่ลง กระนั้นเลือดในกายเขากลับพลุ่งพล่านอย่างหนัก ผิดจากทุกครั้งที่เขาเคยอดกลั้นได้
ดวงตาคมลอบมองหน้าอกหน้าใจของหญิงสาวที่ล่อตาล่อใจเหลือเกิน และยามนี้แท่งหยกเขาแข็งขัน หากผิดที่เขายังไม่ต้องการข่มเหงจิตใจนาง ด้วยล่วงรู้ว่าซูกุ้ยฟางตั้งใจใช้เล่ห์กลหลอกล่อเขา เพื่อหวังเพียงร่วมหลับนอน และคงใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองเลื่อนขั้นนางจากหญิงบำเรอเป็นภรรยาในภายภาคหน้า