ซูกุ้ยฟางนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แล้วหันไปมองใบหน้าตนในกระจกทองเหลือง
“ข้างามเยี่ยงนี้ ย่อมทำให้ท่านแม่ทัพหลงเสน่ห์ได้ไม่อยาก”
“แค่หลงใหลไม่พอเจ้าค่ะ คุณหนูต้องทำให้ท่านแม่ทัพหยางคลั่งรักอย่างที่สุด สิ่งสำคัญคือเป็นแม่ให้แก่ลูกชายของเขาให้จงได้”
“ละ แล้วข้าจะทำได้หรือ”
“สตรีสกุลซูไม่ได้มีเพียงความงามนะเจ้าคะ ถึงอย่างไรคำทำนายที่หมอดูตาบอดกล่าวไว้ก็แม่นยำ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังบ่ายหน้าเข้าใกล้ความจริง ขึ้นอยู่กับว่าคุณหนูจะกล้าลงมือทำให้สำเร็จหรือไม่”
ซูกุ้ยฟางฟังคำของฝูแล้วใจก็ไพล่คิดถึงถุงกระดาษที่ใส่บ๊ะจ่าง พลางทบทวนเรื่องราวที่นางอ่านผ่านตา
ห้องหนังสือชั้นสองของจวนแม่ทัพ
หยางอี้คังนั่งอยู่ในนั้น สีหน้าเคร่งขรึมอยู่สักหน่อย หลายคืนแล้วที่ไม่ได้ออกไปโรงสุราหรือเที่ยวหาความสำราญยังสำนักโคมเขียว ทั้งหมดเป็นเพราะจิตใจกระวนกระวายอยู่กับสาวงามของที่ชื่อซูกุ้ยฟาง!!
มันเป็นเวรกรรมโดยแท้ เขาไม่น่ายื่นมือเข้าไปช่วยสตรีผู้นี้ นางอาจนำภัยใหญ่หลวงมาให้ กระนั้นเมื่อมองโฉมสะคราญ ใจก็อยู่เหนือเหตุผลทั้งหมด
แต่แรกเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนาง กระนั้นภาพสาวงามถูกเร่ขายในตลาดทำให้สงสารและเห็นใจ ทว่าหลังจากที่รับนางมาไว้ที่เรือน ซูกุ้ยฟางก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ทั้งหมดนี้เขาล่วงรู้ว่านางกำลังเล่นละครตบตา หวังให้เขาข่มเหง ซึ่งจะเพื่อการใดหากไม่ใช่นางอยากตกเป็นของเขา จากนั้นคงใช้เรื่องนี้ยกฐานะตนกลับคืน เปลี่ยนหนังสือซื้อขายตัวเป็นหนังสือตบแต่งฮูหยินเข้าสกุลหยาง ความฉลาดของนางนั้นนับว่าไม่เบาทีเดียว
“ซูกุ้ยฟาง ข้าหายินดีหากต้องถูกเจ้าหยามหมิ่นความเป็นชาย!”
เมื่อเขากล่าวจบประตูด้านหน้าจึงถูกเคาะ อึดใจต่อมาเขาได้ยินเสียงหวานหยดที่พยายามปั้นแต่งของซูกุ้ยฟาง
“ได้เวลาน้ำชาและของว่างแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ!”
“ข้าอยากอยู่แบบสงบๆ ไม่ได้รึอย่างไร” หนุ่มหล่อแสร้งปั้นเสียงขรึมเพื่อปรามทั้งนางและสติตนที่ว่อกแว่กเหลือเกิน
“มิได้เจ้าค่ะ ผู้น้อยมีหน้าที่ดูแลความสุขแก่ท่าน ลืมแล้วหรือไรว่ากุ้ยฟางถูกซื้อมา และชีวิตนับจากนี้เป็นของท่านแม่ทัพหยางแต่เพียงผู้เดียว”
“ฮ่าๆๆ คำพูดเจ้าช่างน่าเอ็นดู”
สิ้นคำประชดประชันบานประตูก็ถูกเปิดเข้ามา และภาพที่ดวงตาคมกริบดุจพญานกอินทรีได้พบคือสตรีที่ใส่เสื้อผ้าบางเบา เป็นเสื้อที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันรัดอยู่เหนือเนินหน้าอกอวบอิ่มสะดุดตา และนางเผยไหล่ขาวนวลเนียน มีเพียงผ้าคลุมไว้อย่างหมิ่นเหม่ อีกทั้งกิริยาเยื้องย่างน่าดูชม คล้ายนางแมวน้อยยั่วยวนกิเลส มิหนำซ้ำยังทำตาโตและแสร้งหลบสายตาเขายามถูกจ้องมองเป็นระยะๆ
หยางอี้คังกระแอมกระไอสองสามหน เขาต้องการดึงสติตนที่เตลิดไปไกลกลับคืน ไม่ให้คิดหื่นกระหายต่อหญิงสาวที่แต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนังตรงหน้า
ซึ่งปกติเขาหลงใหลความอ่อนหวานและเรือนกายหอมๆ ของสตรีอีกทั้งยังขยันอุ่นเตียงอยู่เสมอ แต่จู่ๆ เมื่อพบหญิงงามนางนี้กลับรู้สึกแตกต่าง มิใช่ไร้ความสิเน่หา แต่เป็นเพราะเขาอยากให้ทุกอย่างถูกต้อง อีกทั้งต้องการได้หัวใจซูกุ้ยฟาง หัวใจที่จะรักเขาอย่างแท้จริง มิใช่เคลือบแคลงด้วยเล่ห์กลอื่น
ในห้วงเวลานี้เขาตระหนักถึงเขาคำพูดของหมอดูตาบอดพเนจรที่บอกว่า เขาจะได้ช่วยชีวิตหญิงสาวนางหนึ่ง สตรีผู้นี้จะพลิกชีวิตเขาไปอีกด้าน แต่ให้พึงระวังเรื่องอุ่นเตียง ซึ่งเขาก็แปลกใจอยู่ครามครัน ในใต้หล้านี้จะมีสตรีนางใดปราบแท่งหยกงดงามและอันใหญ่ยักษ์ของเขาให้สงบและเชื่องลงได้
แน่ละ ชื่อเสียงแม่ทัพเตียงหักมิใช่เป็นเพียงเรื่องเล่าขานเล่นๆ แต่มันเกิดขึ้นเมื่อตอนเขารับตำแหน่งใหม่ๆ องค์รัชทายาทได้เสนอหญิงงามให้เขาถึงสามคน เพื่อไม่ให้พวกนางน้อยหน้ากัน เขาจึงได้มอบความสำราญแก่หญิงงามเหล่านั้นบนเตียงไม้หลังใหญ่อย่างพร้อมเพรียง และนั่นกลายเป็นข่าวใหญ่โต เพราะยังไม่ทันได้เสร็จกิจขาเตียงก็หักดังโครม!
กระทั่งมีช่างตีเหล็กฝีมือดีเสนอจะทำเตียงเหล็กให้เขา แต่แม่ทัพหยางปฏิเสธ ข่าวนี้ยิ่งเป็นที่กล่าวขานไปทั่ว ในที่สุดหยางอี้คังจึงมีฉายาว่า ‘แม่ทัพเตียงหัก’ ไปโดยปริยาย
หลังเหตุการณ์ขาเตียงหักก็มีเหตุร้ายตามมา สามปีหลังจากนั้นเขาก็ชนะสงครามทางใต้ ได้หญิงงามเป็นของขวัญ คราวนี้พวกนางมากันถึงห้าคน ชายหนุ่มก็ปรนเปรอมอบความสุขให้อย่างถ้วนทั่ว เพราะเขาอยู่ในวัยกลัดมันและลุ่มหลงเรื่องอุ่นเตียงเป็นทุนอยู่แล้ว ทว่าพอเสร็จกิจหญิงสาวทั้งห้าต่างเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา จะว่าตายคาอกก็มิผิด เรื่องดังกล่าวจึงฝังใจเขาเรื่อยมาก พลอยให้หยางอี้คังไม่อยากยุ่งเกี่ยวเสพรักกับสตรีนางใด
ดวงตาคมหรี่มองหญิงงามตรงหน้า นางสวยบาดตามากด้วยแรงขับเคลื่อนทางเพศ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกไม่ไว้วางใจ คือหญิงสาวผู้นี้ดูอย่างไรก็ผิดแผกจากสตรีทั่วไป จนเขาเกรงว่านางอาจมีประสงค์ร้ายแอบแฝง แต่เขายังไม่แจ้งใจเรื่องนี้
“เจ้านึกเช่นไร ถึงได้แปลงโฉมตนเป็นหญิงในสำนักโคมเขียว”
หยางอี้คังถาม เขามิอาจละสายตาจากสตรีเบื้องหน้า หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงจนรู้สึกประหม่า ด้วยซูกุ้ยฟางกะพริบแพขนตาถี่ๆ และยังทำปากเผยอราวกับซดน้ำแกงร้อนๆ และมีรสจัด