หกปีผ่านไปนับตั้งแต่ที่คนทั้งสองพบกันครั้งสุดท้าย อันรดาและเดือนอุษารวมทั้งเอลลี่กอดกันท่ามกลางความพลุกพล่านของสนามบินสุวรรณภูมิ
กระทั่งเกือบหนึ่งนาที เดือนอุษาก็หันไปหาอชิ “อชิหลานทวดมาหาย่าทวดสิลูก มาให้ย่าทวดกอดบ้าง”
“สวัสดีครับคุณย่าทวด สบายดีไหมครับ?” อชิพูดก่อนจะเข้าไปกอด
เดือนอุษาเอามือเหี่ยวย่นลูบหน้าเอลลี่แล้วพูดว่า “หนูสวยเหมือนแม่ของหนูเลย!” ก่อนจะหันไปหาอชิและพูดว่า “อชิก็เป็นเด็กน้อยที่หล่อมาก”
“เหมือนพ่อใช่ไหมคะคุณย่าทวด” เอลลี่ถามอย่างกระตือรือร้นขณะหันความสนใจไปที่พี่ชายฝาแฝดของเธอ
อชิและเอลลี่เป็นพี่น้องฝาแฝด แต่หน้าตาไม่ได้คล้ายกันมากนัก รวมถึงบุคลิกนิสัยก็ค่อนข้างแตกต่างกัน
เอลลี่เป็นเด็กร่าเริง ในขณะที่อชิเป็นเด็กที่ค่อนข้างเคร่งขรึม เขาฉลาดมากและชอบศึกษาเทคโนโลยี
สิ่งที่เด็กทั้งสองเหมือนกันคือ พวกเขาฉลาดมากอย่างผิดปกติ ถึงแม้ผลการเรียนของอันรดาจะอยู่ในระดับดีถึงดีมากเช่นกัน ถึงกระนั้นกลับเห็นได้ชัดว่าลูกทั้งสองฉลาดมากกว่าเธอ เธอสงสัยว่าลูก ๆ ได้ความอัจฉริยะนี้มาจากไหน
เมื่อได้ยินคำพูดของเอลลี่ เดือนอุษาก็หัวเราะเพราะด้วยรู้ว่าอันรดาโกหกเด็ก ๆ เกี่ยวกับพ่อของพวกเขาไว้อย่างไร “บางทีอาจจะใช่!”
เดือนอุษาบีบแก้มของเอลลี่ว่า “ย่าทวดมีของขวัญมาให้พวกเธอทั้งสองด้วยนะ” พลางหันเหความสนใจของเด็ก ๆ ให้ออกไปจากเรื่องพ่อของพวกเขา
“ไหนคะคุณย่าทวด ของขวัญของหนูอยู่ที่ไหนคะ?” เอลลี่ถามขึ้นด้วยความตื่นเต้นและสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างรอคอย
“อยู่ในรถแต่เราจะไปเปิดที่บ้านใหม่ของหนูกัน” เดือนอุษาพูดก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พ่อของอันรดารู้ว่าหญิงสาวกลับมาแล้ว เดือนอุษาจึงต้องสั่งให้คนขับรถเก่าแก่เป็นคนพามา โดยมีคนรับใช้ส่วนตัวที่ดูแลเธอมาหลายสิบปีติดตามมาด้วยอีกคนเท่านั้น
พวกเขาเดินทางไปยังโรงแรมเดอะกลอรีได้อย่างง่ายดาย ตัวอาคารโรงแรมสูงเสียดฟ้าซึ่งสิบชั้นด้านบนถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นที่พักอาศัยระยะยาว บางยูนิตสำหรับเช่าและบางส่วนถูกจัดสรรไว้สำหรับขาย หนึ่งในนั้นคือบ้านใหม่ของอันรดา
พนักงานแผนกจัดการพร้อมพนักงานยกกระเป๋าพาพวกเขาไปที่ชั้นที่เจ็ดสิบสี่ ห้องพักใหม่ของเธอมีพื้นที่หกสิบตารางเมตร มีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ มีพื้นที่ส่วนครัวกว้างขวางพอสำหรับการทำอาหารทานเอง มีโต๊ะทานอาหารตั้งอยู่ใกล้กับโซฟาหน้าทีวีติดกับระเบียงเล็ก ๆ และพื้นที่สำหรับจัดวางโต๊ะทำงาน นับว่าสะดวกสบายมากสำหรับสมาชิกสี่คน
เด็ก ๆ พากันตกตะลึง จากนั้นวิ่งสำรวจห้องโน้น จุดนี้กันไม่หยุด
“ว้าว ที่นี่คือบ้านใหม่ของเราเหรอคะแม่ สวยมากเลยค่ะ” เอลลี่อุทานพร้อมยกมือขึ้นกุมแก้มด้วยท่าทางน่ารัก
ด้านอชิผงกศีรษะขณะที่เขาสำรวจโถงรวมซึ่งควบโต๊ะอาหารและโซฟาหน้าทีวีเข้าไว้ด้วยกัน “มันเงางามและใหม่สะอาดดี มันสมบูรณ์แบบมากครับแม่”
เดือนอุษาเลิกคิ้วกับคำพูดของอชิ จ้องไปที่หลานสาวและพูดกับอันรดาว่า “นั่นเป็นสัญญาณว่าเขาต้องเหมือนพ่อของเขาแน่นอน”
“ไม่รู้สิคุณย่า” อันรดาตอบเสียงเบาอย่างเขินอาย
“คุณอันรดา ขอให้มีความสุขกับที่นี่นะคะ คุณแฟรงค์จะมาหาคุณพรุ่งนี้ค่ะ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเปิดตัวโรงแรมครั้งยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นค่ะ” พนักงานหญิงคนที่พาอันรดามาส่งยังที่พักเอ่ยบอก
“ขอบคุณมากนะที่ช่วยเราคุณสุดธิดา” อันรดากล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับมองดูป้ายชื่อบนหน้าอกของอีกฝ่าย
“แน่นอนยินดีมากค่ะเชฟอันรดา และอีกอย่างฉันอดไม่ได้ที่จะพูด คุณคือ... เชฟที่สวยมากค่ะ! คุณเป็นหัวหน้า
เชฟของเรา พนักงานในครัวจะต้องไม่มีวันลาหยุดแน่นอนค่ะ”
“แม่ของหนูสวยเหมือนหนูค่ะ หนูก็สวยด้วย!” เอลลี่พูดแทรก ทำให้ทุกคนหัวเราะหลังจากได้ยิน พลางมองไปที่เอลลี่ที่กำลังยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุข
“แน่นอนนางฟ้าน้อย เธอสวยเหมือนแม่ของเธอ” สุดธิดายืนยันด้วยรอยยิ้มกว้าง จากนั้นพูดชมอีกว่า “และน่ารักมากจ้ะ”
สุดธิดาหันไปทางอชิแล้วพูดว่า “พี่ชายของหนูก็หล่อด้วย!” แต่เพียงไม่นานก็ต้องตกตะลึงยามได้พินิจหน้าตาของเด็กชายชัด ๆ “เอ๋!… ทำไมเขาดูเหมือนบอสของพวกเรามากเลย ฮ่า ๆ!” คนพูดหัวเราะเพราะมันช่างน่าเหลือเชื่ออย่างที่สุด
“บอสของคุณหน้าเหมือนพี่ชายหนูงั้นเหรอคะ” เอลลี่ถามด้วยสายตาสงสัย เธอหันไปหาอชิ สบตาอย่างมีนัยซึ่งรู้กันเพียงสองคน
“อาจจะใช่ ฉันเคยเห็นบอสตัวจริงเพียงครั้งเดียวและเขายืนอยู่ไกลมาก นอกจากนั้นก็ไม่ค่อยมีภาพถ่ายของเขาในโลกออนไลน์สักเท่าไร เพราะเขาบล็อกสื่อไม่ให้ถ่ายรูป เขาเป็นคนไม่ค่อยออกสื่อ แถมยังชอบเก็บตัว” สุดธิดาอธิบาย
“ยังไงก็เถอะ ฉันไปก่อนดีกว่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะเชฟ” สุดธิดาพูดก่อนจะกลับไป
“เอาละ เด็ก ๆ ได้เวลาเปิดของขวัญแล้ว!” เดือนอุษาพูดอย่างตื่นเต้นหลังจากสุดธิดาเดินออกไปแล้ว
ในขณะที่อชิและเอลลี่เปิดของขวัญอย่างมีความสุข อันรดาก็เดินออกไปตรวจสอบที่ล็อกกุญแจ เพราะเธอมีลูก จึงต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เมื่อพอใจกับมาตรฐานความปลอดภัยแล้วจึงเลื่อนเปิดประตูระเบียงเพื่อออกไปมองวิวด้านนอก เมืองที่เธอเคยอาศัยอยู่ กรุงเทพฯ มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง มีตึกสูงที่สร้างขึ้นใหม่หลายที่และอะไรอีกหลาย ๆ อย่างดูแปลกตา ทางด้านซ้ายเธอมองเห็นห้างสรรพสินค้าเก่าที่พ่อของเธอเคยพาไป จากนั้นเธอก็มองไปทางขวามือ ถึงจะมีอาคารสูงบดบังสายตาแต่หญิงสาวก็รู้ว่าคฤหาสน์ของพ่ออยู่ตรงไหน บ้านที่เธอเคยอยู่อย่างมีความสุขจนพ่อแต่งงานใหม่
“สวัสดีกรุงเทพ ฉันกลับมาแล้ว” เธอพูดพร้อมกับถอนหายใจยาวอีกครั้ง
“รดา” เดือนอุษาเดินเข้ามาหาโดยใช้ไม้เท้า
“คุณย่าคะ ใช้รถเข็นดีกว่าไหมคะ” อันรดาเตือน
“ไม่เป็นไร ย่ายังเดินได้” เดือนอุษาบอกก่อนฝืนยิ้ม “รดาย่ามีเรื่องต้องบอกหนู”
“เรื่องอะไรคะคุณย่า” อันรดาถามขณะพยุงคุณย่ากลับไปนั่งที่โซฟา
“พี่สาวของหลาน ยายป่านกำลังจะหมั้นกับเจนภพ”
อันรดาเพียงพยักหน้าและพูดว่า “ดีแล้วค่ะ คุณย่าพวกเขาเหมาะสมกันมากค่ะ มันไม่เกี่ยวกับรดาอีกต่อไปแล้วค่ะ” จากนั้นจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น และสั่งอาหารขึ้นมาทานเมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยง เดือนอุษากลับไปช่วงบ่ายแก่ ๆ อันรดาและอรพิชาจึงใช้เวลาหลังจากนั้นในการจัดเก็บข้าวของ
“อชิกี่โมงแล้วลูก ตอนนี้สามทุ่มแล้วนะลูก ถึงเวลาวางไอแพดของลูกได้แล้ว”
อันรดาพูดก่อนจะเข้าห้องน้ำ เธอนอนห้องเดียวกับลูก ๆ และตอนนี้ทั้งคู่ก็นั่งอยู่บนเตียง พวกเขาได้ไอแพดใหม่ ตุ๊กตา และกระเป๋าสะพายสำหรับเอลลี่ ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว และควรเป็นเวลาเข้านอนของพวกเขาเช่นกัน แต่อชิยังคงดาวน์โหลดแอปบนไอแพดใหม่อยู่ เมื่อได้ยินเสียงอันรดาบอกให้วางเครื่องลง เด็กชายจึงถอนหายใจและพูดว่า
“แม่ครับผมขอถามอะไรบางอย่างเกี่ยวกับพ่อได้ไหม”
“ให้เวลาลูกอยู่กับไอแพดอีกสิบนาที” อันรดาเอ่ยไปเรื่องอื่นก่อนจะหนีไปเข้าห้องน้ำ
ครั้นเห็นแม่หลีกเลี่ยงหัวข้ออีกครั้ง อชิและเอลลี่ก็มองหน้ากัน เด็กหญิงหัวเราะขณะที่อชิส่ายศีรษะ
“บางทีพ่ออาจเป็นสายลับของรัฐบาล!” เอลลี่พูดขึ้นมา
“หรือเป็นใครบางคนที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องเก็บไว้เป็นความลับ” อชิพูดวิเคราะห์
“หรืออาจจะเป็นเศรษฐีที่ต้องการปกป้องเราจากคนเลว!” เอลลี่กล่าวเสริมและสรุปว่า “นั่นเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถเห็นหน้าพ่อได้”
“ยังไงก็เถอะเอลลี่ ประเด็นคือแม่กำลังปิดบังอะไรเกี่ยวกับพ่ออยู่”
“พี่อชิจำสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดก่อนหน้านี้ได้ไหม ที่ว่าพี่หน้าเหมือนบอสของพวกเขา” เอลลี่พูดขึ้น
“ใช่ พี่ได้ยินและจำได้ นั่นเป็นเหตุผลที่พี่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่บนไอแพด” อชิตอบ “แต่ไม่มีรูปภาพของเขาเลย”
“แต่เขาชื่อ ภาม โบฟอร์ด จิรวิวัฒนกุล” อชิกล่าวเสริม
นัยน์ตาของอชิจ้องไปที่รูปภาพบริษัทบีแอนด์เจกรูปพลางพึมพำ “พี่สงสัยว่าบริษัทนี้อยู่ไกลมากแค่ไหน”
“พี่วางแผนที่จะไปที่นั่นงั้นเหรอ” เอลลี่ถามพลางโน้มตัวไปข้างหน้าหาพี่ชาย “พี่ขึ้นรถบัสด้วยตัวเองไม่ได้”
อชิเดินไปที่โต๊ะข้างเตียงพลางมองเอกสารของแม่ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัท รอยยิ้มของเขาพลอยปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ฉันคิดว่า เราจะต้องทำให้มันเกิดขึ้น”