ของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุด p.2

1536 คำ
มีเพียงเดือนอุษาที่คอยเป็นห่วงเธอตลอดมา และเพราะได้รับการสนับสนุนเรื่องการเงินจากท่าน ในขณะที่อาศัยอยู่กับป้า เธอจึงไม่ต้องลำบากตรากตรำ ฉะนั้นถึงแม้คุณย่ากับเธอจะแยกกันอยู่คนละจังหวัด แต่ก็ติดต่อกันเสมอ ทันทีที่คุณย่าตอบรับวิดีโอคอล อันรดาก็บอกเล่าเรื่องที่เธอคลอดแล้ว จากนั้นปรับโหมดกล้องเพื่อให้ปลายสายได้เห็นหน้าหลานทั้งสอง “รดาเด็กทั้งสองน่าชังมาก พวกเขาเป็นของขวัญวันปีใหม่ที่ดีที่สุดของเรา รักและดูแลพวกเขาดี ๆ นะลูก” คุณย่าของเธอร้องไห้ออกมา แต่ไม่นานหลังจากที่ปลายสายสงบสติอารมณ์ได้แล้ว “รดาสัญญากับย่าว่าหนูจะเริ่มต้นใหม่ ป้าของหนูจะช่วยดูแลเด็ก ๆ ในขณะที่หนูไปเรียน ย่าเก็บเงินบางส่วนไว้ให้รดาได้เรียนตามความฝัน ต้องทำให้ได้นะลูก จะได้มีวิชาชีพติดตัวเพื่อเลี้ยงลูก ๆ ทั้งสอง ย่าขอโทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยมหลาน แต่ย่าหวังว่าวันหนึ่ง… วันหนึ่งย่าจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของหลาน” พร้อมย้ำอีกประโยค “สัญญากับย่านะลูก ว่าหลานจะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง พิสูจน์ให้พ่อของหลานเห็นว่าหลานทำได้!” “ค่ะคุณย่า หนูจะทำ หนูจะทำให้ได้ค่ะ” อันรดาพูดน้ำตาไหลอาบแก้ม “รดาย่าคิดถึงและรักหลานเสมอ เข้มแข็งไว้นะลูก” คุณย่าให้กำลังใจ อันรดาครุ่นคิดอยู่คนเดียวเงียบ ๆ 'พ่อคะหนูสัญญาว่าหนูจะทำให้พ่อเห็นว่าหนูดูแลตัวเองได้ดี” เธอคิดถึงพ่อของเธอ ผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต แต่เขาทอดทิ้งเธอในยามที่เธอลำบาก ในความรู้สึกย่อมมีความขุ่นเคืองแฝงอยู่เล็กน้อย หญิงสาวจึงสาบานกับตัวเองว่าเขาจะต้องเสียใจในวันหนึ่ง 'ป่าน เธออาจจะเอาทุกอย่างที่เป็นของฉันไป แต่วันนึงฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าฉันกับลูก ๆ มีความสุขมากกว่าเธอ’ อันรดาเคยคิดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและทิยากรเป็นดั่งพี่น้องแท้ ๆ แต่จากเหตุการณ์คราวนี้ มันพิสูจน์ชัดแล้วว่าความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่เธอคิด คงไม่แปลกถ้าอันรดาจะโกรธแค้นผู้หญิงคนนั้นที่วางแผนเรื่องทุกอย่างจนเธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก สุดท้ายอันรดาเหลือบมองลงมายังเด็กน้อยที่กำลังหลับใหลอยู่ “ลูกทั้งสองจะเป็นกำลังใจสำคัญของแม่นะ” …… ถึงอันรดาจะกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ทว่าการเลี้ยงลูกแฝดทั้งสองคนก็ไม่ได้ลำบากมากนัก เนื่องจากมีป้าคอยช่วยเหลือ เรื่องเงินทองก็ไม่ติดขัดเพราะมีคุณย่าคอยเกื้อกูล หลังจากลูกทั้งสองโตขึ้นอีกเล็กน้อย เธอก็กลับไปเรียนอีกครั้ง ปัจจุบันเธอทำงานเป็นหัวหน้าเชฟของห้องอาหารชื่อดังซิกซ์เซเวนฟูดแอนด์บาร์ตั้งอยู่ภายในโรงแรมสี่ดาว เธอใฝ่ฝันที่จะเป็นเชฟมาโดยตลอด ตอนนี้เธอเป็นอิสระจากการควบคุมของพ่อ เธอจึงลงเรียนหลักสูตรการทำอาหารนานาชาติในโรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดัง และเรียนเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ตามที่คุณย่าแนะนำ จนตอนนี้เธอได้รับการยอมรับจากเจ้าของโรงแรมให้เป็นหัวหน้าเชฟ ทว่าการเล่าเรียนในขณะที่ต้องเลี้ยงดูลูกสองคนไปด้วยนั้นไม่ง่ายเลย เธอแค่โชคดีที่อรพิชาตัดสินใจเกษียณอายุก่อนกำหนดเพื่อมาช่วยเหลือเธอในการเลี้ยงลูกทั้งสอง อันรดาในวัยยี่สิบเจ็ดปีวางป้ายประกาศเกียรติคุณลงบนตู้กระจกข้างห้องนั่งเล่น หญิงสาวยิ้มให้กับรางวัลที่เธอได้รับเมื่อวันก่อน ผู้ว่าการจังหวัดมอบรางวัลให้เธอในฐานะเชฟที่ทำอาหารอร่อยที่สุด เธอยิ้มและชื่นชมให้กับความสำเร็จของเธอ เธอพึมพำกับตัวเองว่า “พ่อคะ วันหนึ่ง... พ่อจะรู้ว่าหนูทำได้ และพ่อจะต้องภูมิใจในตัวหนู” เธอดึงตัวเองออกจากภวังค์ จากนั้นหันไปดูเวลาก่อนต้องอุทานว่า “เกือบบ่ายสองแล้ว!” ประจวบเหมาะกับที่อรพิชาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพอดี “รดาไปทำงานได้แล้ว” หญิงสาวจึงหมุนตัวไปเก็บของใส่กระเป๋า จังหวะนั้นหางตาของเธอก็เห็นอชิ ลูกชายคนโตกำลังทำอะไรบางอย่างกับโน้ตบุ๊กของเธออยู่ ครั้นหันไปมอง เด็กชายก็พูดกับเธอทันทีว่า “แม่ครับ โปรแกรมแอนติไวรัสในโน้ตบุ๊กของแม่มันหมดอายุแล้ว” อันรดากลอกตาทันที เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมอชิถึงเก่งเรื่องพวกนี้ทั้งที่อายุยังน้อย หญิงสาวถอนหายใจออกมาเสียงดัง “อ๋อ แม่ไม่รู้เรื่องนี้เลยลูก มันน่าจะติดมาตอนที่แม่ซื้อเครื่องนี้มาเมื่อปีที่แล้ว... แล้วมันต้องทำอย่างไรจ๊ะ” “ต้องซื้อไลเซนซ์ใหม่ครับ แต่มันมีค่าใช้จ่ายเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทนะครับแม่” อชิเงยหน้าขึ้นมองเธอ “จริงเหรอลูก!” อันรดาอุทาน “ถ้างั้นเรา... ปล่อยให้มันหมดอายุไปก่อนก็ได้” จากนั้นโน้มตัวไปหอมแก้มอชิแล้วพูดว่า “แม่ต้องไปแล้วลูกรัก! แม่รักลูกมาก!” “แม่คะ เมื่อไหร่เราจะได้เจอหน้าพ่อคะ?” เสียงจากอีกด้านหนึ่งของห้องนั่งเล่นดังขึ้น รั้งให้อันรดาต้องชะงักเท้า เด็กหญิงตัวน้อยกำลังมองหน้าเธออย่างรอคอยคำตอบ คำถามของเอลลี่ทำให้อันรดาพยายามคิดหาคำตอบที่เหมาะสม ก่อนจะพูดออกมาว่า “อืม! พ่อของลูกยังไม่ว่าง! เร็ว ๆ นี้เอลลี่ ไม่นานลูก รอก่อนนะตอนนี้พ่อกำลังไปทำงานหาเงิน” เธอตรงเข้าไปหาเอลลี่เพื่อหอมแก้มและชี้นิ้วไปที่เด็กหญิงตัวน้อย “อย่าลืมกินข้าวเย็นนะลูก คืนนี้เจอกัน!” เธอส่งจูบให้ลูกทั้งสองคนอีกรอบ “แม่รักลูกทั้งสองมาก” “พวกเราก็รักแม่!” แฝดทั้งสองพูดพร้อมกัน “และ... เราก็รักยายอรมากเหมือนกัน!” อชิพูด เป็นสาเหตุให้อันรดาถึงกับหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง อันรดาโกหกลูก ๆ เกี่ยวกับพ่อของพวกเขา เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครแต่สิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจคือเขาเป็นผู้ชายต่างชาติหรือลูกครึ่งและเขาคงเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว เมื่อตอนฝาแฝดอายุได้สี่ขวบ เด็ก ๆ ก็เริ่มตระหนักมากขึ้นว่าครอบครัวควรประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูก ๆ เด็กทั้งสองสังเกตเห็นว่าพวกเขาขาดพ่อ จากนั้นก็เริ่มเรียกร้องที่จะเจอหน้าพ่อบ่อยขึ้น สำหรับแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้มีงานยุ่งอย่างอันรดา จึงเป็นการยากที่จะอธิบายว่าทำไมฝาแฝดของเธอจึงไม่มีพ่อ ทีแรกเธอปัดทิ้งไปโดยบอกว่าพ่อไม่อยู่เพราะคิดว่าพวกเขาจะลืมมันไป น่าเศร้าที่เด็กทั้งคู่พูดคำว่า “พ่อ” กับ “พ่อ” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้นได้ไปเจอครูและเพื่อนร่วมชั้น ความอยากรู้เกี่ยวกับพ่อที่หายไปของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ช่วงที่อชิกับเอลลี่อายุได้ห้าขวบ อันรดาบอกกับสองพี่น้องว่าพ่อของพวกเขากำลังทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ สถานที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ เนื่องจากเธอไม่ได้ตั้งใจจะกลับไปที่นั่นอีก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ เธอจึงโกหกไปแบบนั้น หญิงสาวคิดว่า หากลูก ๆ ของเธอโตพอที่จะเข้าใจ เธอจะอธิบายให้พวกเขาฟังอีกครั้ง อรพิชา ป้าของเธอที่เดินออกมาส่งอันรดาหน้าบ้านพูดว่า “รดา ป้าว่าหนูควรหยุดโกหกพวกเขาได้แล้วนะ พวกเขาจะหกขวบแล้ว หนูจะทำอย่างไรเมื่อพวกเขาถามอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าพ่อของพวกเขาไม่ใช่คนไทยแน่นอน แล้วหนูจะไปเอาพ่อที่ไหนมาให้พวกเขา” “หนูรู้ค่ะป้าอร เร็ว ๆ นี้ หนูสัญญาจะบอกความจริงกับพวกเขา หนูไปทำงานก่อนนะคะป้า ไม่งั้นหนูจะเข้างานสายแน่ ๆ” อันรดารีบไปที่โรงแรมซึ่งเธอทำงานเป็นหัวหน้าเชฟอยู่ เธอเปลี่ยนเครื่องแบบก่อนเดินไปที่ห้องครัว ครั้นไปถึงพนักงานแต่ละคนก็พูดทักทายด้วยความเคารพ “สวัสดีตอนบ่ายค่ะเชฟรดา” ตอนนี้ห้องอาหารยังปิดอยู่ ครัวหลักจึงอยู่ในช่วงเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น ซึ่งปกติแล้วจะเริ่มเวลาห้าโมงเย็น อันรดายิ้มให้ทุกคน เธอส่งสัญญาณให้พวกเขาเข้ามาใกล้ ๆ “สวัสดีตอนบ่าย มารวมตัวกันสำหรับประชุมประจำวันของเราเพื่อหารือเกี่ยวกับเมนูในวันนี้กันได้แล้วจ้ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม