จางซูฉีออกจากโรงพิมพ์ก็ตรงไปร้านขายยา นางนำเห็ดหลินจือออกมาสองดอกมันอยู่ในมิติดูแล้วน่าจะมีอายุสองถึงสามร้อยปี ไม่รู้ว่าแพงไหมในชาติที่แล้วสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้แต่ยุคนี้ยังคงต้องขึ้นเขาเสาะหา
มาถึงหน้าร้านขายยาป้ายเขียนว่าหอโอสถจึงเดินเข้าไป หนานกงเยี่ยรู้สึกได้กลิ่นคุ้นเคยเมื่อวานนี้เขาก็ได้กลิ่นเช่นนี้เหมือนกันจากท่านป้าคนนั้น กำลังพูดคุยอยู่กับสวีไค่เฉิงและหลี่หมิงหลง เท้าบางชะงักทันทีที่เห็นสืออินและสือห่าว แม่เจ้าอย่าบอกนะว่าไอ้หน้าโบท็อกซ์นั่นอยู่ที่นี่ด้วย สองคนหันมาเห็นนางแล้วจะเดินกลับออกไปก็ไม่ทันแล้วด้วย วันนี้ก้าวเท้าผิดหรือไงวะซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรขนาดนี้
"คุณชาย ไม่ทราบว่าท่านต้องการซื้อสิ่งใด ที่บ้านมีใครป่วยหรือขอรับ"
คนงานเดินมาหาต้อนรับอย่างดี ผิดกับร้านเครื่องประดับลิบลับแสดงว่าไม่ใช่ร้านไอ้โรคจิตหนานกงเยี่ย จางซูฉีใช้พัดปิดครึ่งหน้าก่อนจะเอ่ย
"ท่านหมอ ที่นี่รับซื้อสมุนไพรหรือไม่ขอรับ พอดีวันก่อนเดินทางมาเมืองหลวงตอนขึ้นเขาบังเอิญได้สมุนไพรมาสองต้น หากว่าท่านรับซื้อข้ายินดีขายให้ขอรับ"
"โอ๊ย คุณชายข้าเป็นแค่คนงานมิใช่ท่านหมอหรอกขอรับ ส่วนสมุนไพรข้าไปตามหลงจู้ให้ท่านดีกว่าข้าไม่มีความรู้ คุณชายท่านรอสักครู่นะขอรับ"
หนานกงเยี่ยมองมาเขาชะงักพัดที่ปิดครึ่งหน้าทำให้เห็นดวงตาสุกใสคู่นั้น เหมือนเขาเคยเห็นมาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าที่ไหนจึงเดินเข้าไปหา
"คุณชายท่านนี้ ข้าเป็นเจ้าของร้านนี้มิทราบว่าท่านมาขายสิ่งใดพอจะบอกได้หรือไม่"
"เวรแล้วทำไมนะทำไมต้องเป็นร้านไอ้บ้านี่อีกแล้ว ทะลุมิติทั้งทีเจ๊ล่ะจ๊นจน แต่ไอ้อ๋องบ้านนี่ร่ำรวยเกิน ข้าวสักมื้อยังไม่คิดจะส่งให้ กิน"
"เอ่อ เถ้าแก่ข้ามีสิ่งนี้มาไม่ทราบว่าพอจะขายได้หรือไม่ขอรับ"
จางซูฉีหยิบเห็ดสองดอกออกมา ทันทีที่เห็นสวีไค่เฉิงกับหลี่หมิงหลงก็ตาโต ตอนนี้ไทเฮาประชวรหมอหลวงกำลังต้องการเห็ดหลินจือพอดีสวรรค์ช่างเมตตานัก หนานกงเยี่ยเองก็ยินดี เสด็จแม่สามวันดีสี่วันล้มป่วยจึงให้ไปตาม จูจ้านไห่มา
"ไปเชิญท่านหมอจูมาหน่อย น้องชายท่านนี้รบกวนรอสักครู่ไม่ทราบว่าเจ้าคือ..."
"ข้าน้อยแซ่เย่ว มีนามคำเดียวว่าฉางขอรับ"
"อ้อ น้องเย่วฉางรอสักครู่เถอะ เห็ดหลินจือนี้อย่างไรก็รับซื้อว่าแต่เราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่ เหตุใดข้าคุ้นหน้าเจ้านัก"
"คุ้นกับผีสิไอ้หน้าโบท็อกซ์ ตั้งแต่แต่งมานายเห็นหน้าฉันสองครั้งเองนะครั้งแรกก็วันแต่งที่เกือบตายเพราะนายบีบคอเด็กคนนี้อีกครั้งก็วันที่สั่งให้คนโยนเจ๊ไปไว้บ้านร้างหึ"
"หน้าตาข้าคงพบเห็นได้ทั่วไปขอรับ คุณชายเลยอาจดูคุ้นเคย"
หนานกงเนี่ยพยักหน้า สวีไค่เฉิงไม่ชอบหน้าไอ้หมอนี่อย่างไม่สาเหตุ ตั้งแต่เห็นเขาเดินหัวเราะต่อกระซิกกับหลินผู่เย่วเมื่อเช้า หึรูปงามนี่คงใช้ล่อลวงสตรีมาไม่น้อยก่อนจะเอ่ยปาก
"คุณชายเย่ว ท่านมิใช่คนเมืองหลวงแต่เหตุดูเหมือนจะสนิทสนมกับคนที่นี่รวดเร็วเสียจริงๆ"
"คุณชายท่านนี้เหตุใดวาจาท่านข้าเย่วฉางผู้นี้ฟังแล้วไม่เข้าใจนัก"
"ท่านอ๋อง คนบางคนก็อาจดีแต่รูปร่างภายนอก ข้างในอาจชั่วร้ายก็ได้นะขอรับ"
สวีไค่เฉิงรู้สึกเกลียดขี้หน้าจางซูฉี เด็กบ้านั่นเขาต้องเอาคืนที่กล้าตบหน้าเขาแน่ๆ ไอ้หน้าอ่อนนี่ด้วยหากไม่ติดว่าท่านอ๋องกับราชครูอยู่ตรงนี้คงหิ้วคอไปโยนทิ้งคูน้ำแล้ว
คนหนึ่งกำลังโกรธไม่มีสาเหตุ แต่อีกคนคิดไปอีกทาง จางซูฉีกำลังคิดว่าสวีไค่เฉิงหึงหวงหนานกงเยี่ย
"คุณชายสวี เจ้ารับไปเถอะข้ายกให้จะมาหึงหวงข้าทำไมกัน ข้าไม่ได้ชอบคนรักเจ้าสักนิด"
หนานกงเยี่ยจามติดๆกันไม่รุ้เป็นอะไรสี่ห้าวันมานี่เขาจามติดกันหลายครั้งแล้ว หมอหลวงตรวจก็ไม่พบสาเหตุที่ป่วย ไม่นานนักจู่จ้านไห่ก็มาถึง ตรวจสอบแล้วพบว่าเห็ดหลินจืออายุสามร้อยปี ตอนนี้อย่าว่าแต่สามร้อยปีเลยแค่ห้าปีสิบปีก็หายากแล้ว หนานกงเยี่ยให้ราคาดอกละหนึ่งพันห้าร้อยตำลึงในวังต้องการอย่างมากจึงให้ราคาสูง
จางซูฉีที่ได้เงินแล้วก็รีบคำนับลาทั้งสามคนทันที ออร่าหนานกงเยี่ยน่ากลัวเกินไป อยู่ใกล้มากอาจเผยพิรุธ จึงรีบกลับมาที่โรงพิมพ์หยวนเป้า
หนานกงเยี่ยหอมกลิ่นจากตัวบุรุษอ่อนวัยผู้นี้กลิ่นดอกกังสดาลไม่ผิดแน่ เขาเคยได้กลิ่นนี้มาก่อนไม่แน่ใจว่าตอนไหน แต่เขาได้กลิ่นนี้มาสามสี่ครั้งแล้วแน่ๆ
เมื่อมาถึงตรอกที่ลับตาผู้คนก็โยนตั๋วเงินเข้ามิติ สวีไค่เฉิงคนนั้นเกลียดขี้หน้านางชัดเจน ดูแล้วคงหึงหวงคนรักหนานกงเยี่ย ครั้งหน้ามาส่งแบบเครื่องประดับต้องระวังอยู่ห่างจากสองคนนี้ถึงจะปลอมเป็นท่านป้าแต่แววตาหลอกกันไม่ได้ ทางที่ดีเจอแค่หลงจู้ก็พอ มาถึงโรงพิมพ์หลินผู่เย่วก็ลุกขึ้นเอ่ยลา
"ข้าไปก่อนนะ ต้องไปเตรียมของอีกไม่กี่วันถึงวันครบรอบวันตายท่านแม่ข้าแล้วต้องไปไหว้หลุมศพนางที่นอกเมืองนะ"
หลินผู่เย่วน้ำตาคลอ ฟางซือหมิงลูบหลังปลอบใจนาง เจียงฟางซินเป็นเพื่อนกับหลินผู่เย่วมาแต่เด็กแต่ไม่ได้สนิทกับสกุลฟาง จึงไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่ตระกูลหลินเป็นนักรบมีเพียงหลินต้งบิดาของหลินผู่เย่วที่เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น