ริมทะเลสาบ อีกคู่ก็บรรเลงเพลงรักบนหลังม้า
"ท่านแม่ทัพ ข้าเหนื่อยแล้วลงเถอะขอรับ"
"ได้ๆตามใจเจ้าอาเว่ยเจ้าน่ารักเสียจริงๆ ตามใจข้าทั้งคืนได้ไหม"
"ข้าตัวแดงไปหมดแล้วอื้อๆๆ ท่านเนี่ยก็ได้ๆข้าตามใจท่าน หึทั้งวันทั้งคืนหากเป็นสตรีข้าคงท้องแล้ว"
บทรักของทั้งคู่ยังคงบรรเลงต่อไปจนกระทั่งตะวันตกดินไห่จ้านจึงอุ้มหนุ่มน้อยขึ้นหลังม้าอย่างทะนุถนอมแล้วพากลับค่าย
หลินผู่เย่วหน้าแดง นี่มันช่างเร่าร้อนสองคนนั้นหนานกงเยี่ยกับสวีไค่เฉิงอร๊ายไม่อยากจะคิดเลย ด้านจางฟางซินนั้นกำลังอ่านบทรักของหนายกงอิ๋นกับหลี่หมิงหลงอยู่เขินจนกัดผ้าห่มบิดไปมา ถึงจะเกลียดไอ้ฮ่องเต้ชั่วนั่นแต่บทรักช่างอึ๊ยย
"ฉางหลงข้ารักเจ้า ดุสิเจ้าทำข้าคลั่งอีกแล้ว"
"อื้อ ท่านอ๋องท่านเบาๆหน่อยกระหม่อมเสียวจะตายแล้ว นี่มันริมทะเลสาบนะพ่ะย่ะค่ะ อึ๊ย"
"ใครจะกล้ามานี่ที่ส่วนตัวข้า มาเถอะเด็กดีมาให้ข้ารักเจ้าให้ลึกซึ้งอีกนะหลายๆครั้งเลย"
ชินอ๋องบรรจงจูบฉางหลงอย่าหิวกระหายในความพิศวาส ช่างน่ารักเสียจริงๆ
เจียงฟางซินเอาหนังสือปิดหน้าก่อนจะเขินหน้าแดง
"นี่ๆๆฉีเอ๋อร์ ไอ้โรคจิตนั่นนุ่มนวลขนาดนี้เชียวหรือ ไม่น่าเชื่อ"
สามสาวนอนเรียงกันพูดคุยไปมาจนหลับ ตอนเช้าจะไปโรงพิมพ์หยวนเป้า ที่นั่นรับพิมพ์หนังสือต้องห้ามเจ้าของโรงพิมพ์คือฟางซือหมิงหลานสาวอาจารย์ฟางแห่งสำนักบัณฑิต บิดาเป็นอาจารย์บุตรสาวเปิดร้านหนังสือไม่มีอะไรไม่ถูกต้องแต่เบื้องหลังนั้นมีแค่หลินผู่เย่วที่รู้
รุ่งเช้าจางซูฉีตื่นมาเข้าครัวสองสาวก็มาช่วยด้วย พวกนางสามคนทำเกี้ยวใส้หมูสับกับกุ่ยช่าย แปลงผักนั้นมีผักกระจัดกระจาย วันนี้ไปโรงพิมพิ์เรียบร้อยค่อยกลับมาทำแปลงผักใหม่
จางซูฉีมีสมุนไพรในมิติมากมายที่อยู่ในห้องสมุนไพรกับที่อยู่ในแปลงก็มี วันนี้หาร้านขายทีเดียววเลย ไม่อยากออกไปข้างนอกบ่อยนักเดี๋ยวถูกจับได้เสียก่อน เมื่อคืนดูแล้วน่าจะเป็นคนอาจเป็นเวรยามของตำหนักอ๋องหรือไม่ก็นายพรานมาล่าสัตว์เขาลูกกนี้กว้างมาก บางครั้งก็ใช้เป็นลานล่าสัตว์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์แต่ไม่เคยมาถึงที่นี่
"อื้อฮือ พี่ใหญ่ฝีมือแต่งหน้าท่านเก่งกาจมากเลย ข้าจำฮองเฮาไม่ได้สักนิดช่างหล่อเหลายิ่งนัก"เสี่ยวเถายืนอ้าปากค้าง
"จริงด้วย นี่ของข้าไม่ต้องแปลงโฉมหรอกข้าอาศัยในเมืองจนชินเดินไปก็มีแต่คนรังเกียจไม่มีใครกล้าสบตาข้าหรอก แต่ว่าก็ว่านะฉีเอ๋อร์เจ้าเป็นสตรีที่งามจนทำบุรุษลืมหายใจจริงๆ พอแต่งเป็นชายเจ้าก็หล่อเหลากว่ายอดบุรุษแห่งแคว้นฉู่เสียอีก อ้อหนึ่งในนั้นคือเยี่ยอ๋องสามีเจ้าน่ะ"
"สายแล้วพี่ไปกันเถอะ ข้าอยากลองไปร้านขายยาด้วยมีสมุนไพรต้องซื้อ เดี๋ยวคนพลุกพล่านไม่ดี"
ทั้งสามเดินลัดเลาะตามทางเล็กๆไปจนถึงหลังร้านขายผ้า โรงพิมพ์ต้องเดินไปอีกสามตรอก สวีไค่เฉิงที่เพิ่งตื่นมองลงมาที่หน้าต่างก็เห็นดรุณีน้อยเลื่องชื่อหลินผู่เย่วคนที่ใช้แส้ฟาดเจ้าบ่าวในวันแต่งงานปางตาย คนที่กล้าตบหน้าเขาตอนที่เขาสั่งสอนว่านางเป็นสตรีป่าเถื่อน สองคนนั้นใครไม่เคยเห็นหน้าแต่บุรุษชุดสีน้ำเงินเหมือนเคยเห็นหน้าตาคุ้นๆ บุรุษชุดสีเทานั่นรูปงามนักเขายอมรับหนานกงเยี่ยงามสง่ามากแต่เทียบกับเจ้าหนุ่มน้อยอ้อนแอ้นนั่นนับว่าหนานกงเยี่ยมีคู่แข่งแล้ว มีเสียงเรียกจากด้านนอกจึงหันไปตอบ มองกลับมาก็ไม่เจอทั้งสามคนแล้ว
"หึหลินผู่เย่ว ทำเป็นทะเลาะกับคนที่บ้านเพื่อให้ถูกไล่ออกมาที่แท้เจ้าก็แอบซุกซ่อนบุรุษรูปงามถึงสองคน ไม่ยอมแต่งงานคงเพราะแบบนี้ช่างเป็นสตรีแพศยาร้ายกาจ ข้ายังไม่ลืมที่เจ้าตบหน้าข้าเมื่อสามวันก่อนนะ รอก่อนเถอะ"
ตรอกบัณฑิตมีร้านหนังสือเรียงราย ก่อนที่ประตูร้านหนึ่งจะเปิดออกป้ายร้านหยวนเป้าตัวหนังสือสีทองบนแผ่นป้ายนั้นเป็นฮ่องเต้องค์เก่าพระราชทานมาให้ฟางป๋ายหลานสาวอยากรับช่วงต่อกิจการเพราะทุกคนล้วนรับใช้ราชสำนักจนหมดร่างบางระหงยืนบิดขี้เกียจอยู่หน้าร้านมองดูร้านค้าที่กำลังทยอยเปิด กลิ่นน้ำเต้าหู้ยั่วใจมาก บิดซ้ายทีขวาทีก่อนจะได้ยินเสียง หึลอยมา
"หึ ไร้ยางอายเป็นสตรีมายืนบิดอวดเรือนร่าง ช่างไม่สมเป็นคุณหนูในห้องหอไปกันเถอะลู่กัง"
บุรุษในชุดสีขาวถือพัดในมือสวมกว๊านหยกสีเดียวกับชุด ห้อยด้วยป้ายหยกอย่างดีสลักอักษรหลี่เอาไว้ ฟางซือหมิงตะโกนตามหลัง
"เชอะ ราชครูแล้วอย่างไรไม่สำรวมก็เรื่องของข้า เอาสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้าไม่ใช่เมียเจ้าสักหน่อยหลี่หมิงหลงเหอะ"
หลี่หมิงหลงหันกลับมาใบหน้าแดงก่ำก่อนจะตอบโต้
"ฟางซือหมิง ข้าคงไม่โชคร้ายได้สตรีเช่นเจ้าเป็นภรรยาหรอก หากมิใช่หลานสาวอาจารย์ฟางชาตินี้จะได้ออกเรือนหรือไม่ก็ยังไม่รู้"
"เหอะ ห่วงตัวเองเถอะยี่สิบหกแล้วยังหาเมียไม่ได้ไม่รู้ว่าเจ้าบกพร่องอะไรหรือเปล่า"
"ฟาง ซือ หมิง เจ้าพูดอีกทีสิ"
ฟางซือหมิงไม่ตอบปิดประตูร้านใส่หน้าหลี่หมิงหลงทันที คนตัวสูงยืนอกกระเพื่อมอยู่กลางถนน สตรีน่าตายนี่กล้าวิจารย์เขา หึได้ยินเสียงคนมาตามจึงสบัดแขนเสื้อเดินจากไป
หลังร้านมีเสียงเคาะประตูเบาๆเป็นอันรู้กัน ฟางซือหมิงเปิดประตูก็เห็นคนคุ้นเคยเป็นหลินผู่เย่วกับบุรุษอีกสองคนที่รูปงามนักแต่นางไม่รู้จัก
"เย่วเย่ว มาได้อย่างไรแล้วสองคนนี้เป็นใคร"
"ซือหมิงไปคุยข้างในเถอะ คนงานให้ไปข้างนอกก่อน"
ฟางซือหมิงพยักหน้าก่อนจะพาทั้งหมดเข้ามา จางซูฉีจึงแนะนำตัว ส่วนเจียงฟางซินไม่อยากมีปัญหาจึงบอกว่าเป็นเพื่อนของหลินผู่เย่วท่านั้น ฟางซือหมิงที่ตอนนี้กำลังหน้าแดงกับบทรักอันเร่าร้อนในนิยาย มีภาพประกอบด้วย เลือดกำเดาถึงกับหยดแหมะๆจนหลินผู่เย่วต้องซับจมูกให้
"นี่ๆน้องซูฉีเจ้าเขียนเองหรือ แถมภาพนี้เจ้าก็วาดเองด้วย โอ้โหลายมือเจ้าสวยมากเลยจะขายยังไงว่ามา"
"พี่ไม่มีภาพเล่มละสามตำลึง มีภาพสิบตำลึงกำไรข้าเจ็ดส่วนท่านสามส่วนว่าอย่างไรท่านตกลงไหมวันนี้ข้ามีชุดละห้าสิบเล่มมาให้ท่านก่อนเล่มหนึ่ง เล่มสอง เล่มสาม เป็นตัวอักษรร้อยห้าสิบเล่ม หนังสือภาพเก้าสิบเล่ม"
จางซูฉีคำนวณอย่างไว ฟางซือหมิงตกลงจากนั้นก็ทำสัญญา จางซูฉีให้พวกนางรอก่อนนางจะไปซื้อยาเพื่อไม่ให้ปรากฏตัวมากเกินไปเจียงฟางซินจึงต้องรอที่ร้านหนังสือ