หลังจากนี้ถ้านายของนางโดดเด่นโด่งดังขึ้นมา สาวใช้เยี่ยงนางย่อมต้องพลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
และหากจางเหนียนต้องตาคุณชายที่มาจากตระกูลดีที่มาร่วมงานเลี้ยงวันนี้ได้ก็ยิ่งดีใหญ่!
สาวใช้ผู้น้อยที่มุ่งหน้าออกจากห้องครุ่นคิดในใจอย่างอารมณ์ดี โดยหารู้ไม่ว่าเจตนารมณ์ของจางเหนียนนั้นหาใช่ต้องการเลือกเฟ้นหาบุรุษมาเป็นคู่หมั้นในงานนี้แต่อย่างใด
“องค์หญิง...หวังว่าพระองค์จะไม่โกรธที่หม่อมฉันแย่งความงามของพระองค์มาใช้ก่อนล่วงหน้า”
จางเหนียนพึมพำเสียงแผ่วเบา วันนี้เป็นวันเกิดของนางซึ่งจะมีการจัดพิธีปักปิ่นและงานเลี้ยง หญิงสาวต้องการใช้งานใหญ่ที่จะมีแขกเหรื่อมาร่วมมากมายเพื่อลบข่าวลือที่ผู้คนมีต่อนางในแง่ลบ ยิ่งผู้คนเอ่ยปากชมนางมากเท่าไรก็ยิ่งดี!
เพราะการทำตัวให้งดงามเป็นจุดเด่น จะยิ่งกระตุ้นให้สองคนแม่ลูกที่เกลียดชังและริษยานางร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องหาวิธีกลั่นแกล้งนางอย่างรุนแรงมากขึ้น
มุมปากของจางเหนียนยกยิ้มบางเบา
นั่นนับว่าเป็นเรื่องดี... เพราะจางเหนียนเองก็ต้องการเหตุผลเหล่านี้มาทำให้สองคนแม่ลูกนั่นหายไปจากชีวิต
คฤหาสน์สกุลจางแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ส่วนแรกเป็นเรือนใหญ่สำหรับจัดงานเลี้ยงรับรองกับโรงครัว ส่วนที่สองเป็นที่พักของผู้นำตระกูลและบุตรชายที่อายุไม่ถึงยี่สิบปี ส่วนที่สามเป็นที่พักของฮูหยินและบุตรสาวทั้งหลาย ส่วนสุดท้ายคือที่พักของข้ารับใช้ที่มีร่วมร้อยชีวิต
นอกจากสกุลจางจะมีทรัพย์สมบัติและมรดกตกทอดเป็นจำนวนมากแล้ว กิจการหลายๆ อย่างในเมืองหลวงก็ล้วนขึ้นตรงกับสกุลจางด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโรงสีข้าว ร้านเครื่องประดับ ร้านแพรไหมหรือโรงเตี๊ยม ที่ดินหลายผืนซึ่งอยู่ติดกับถนนสายหลักของเมืองหลวงที่เปิดให้คนมาเช่าเพื่อการค้าสร้างเม็ดเงินมาหล่อเลี้ยงตระกูลใหญ่แห่งนี้ได้มากมายมหาศาล
ในเมื่อสกุลจางร่ำรวยมั่งคั่งถึงเพียงนี้ ทั้งยังเป็นขุนนางมีตำแหน่งของทางการ จึงไม่แปลกที่คนในสกุลจางจะเป็นที่จับตามองของผู้คนทั้งเมืองหลวง เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในรั้วคฤหาสน์สามารถนำไปขายต่อเป็นข่าว หญิงสาวมากมายหมายปองอยากเข้ามาเป็นสะใภ้สกุลจาง เช่นเดียวกับคุณชายจากตระกูลต่างๆ ที่หวังใช้การแต่งงานเกี่ยวดองกับคุณหนูสกุลจางเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่ครอบครัวของตนเอง
และพิธีปักปิ่นของจางเหนียนในวันนี้ ก็เป็นโอกาสอันดีที่คนนอกจะได้รับสิทธิ์เข้ามาเยี่ยมชมและผูกมิตรกับผู้คนในสกุลจางได้อย่างเปิดเผย
ผู้ที่มาร่วมงานมีหลากหลาย ส่วนใหญ่มักจะเป็นคหบดีและขุนนาง ของขวัญสำหรับคุณหนูรองที่จะเข้าพิธีปักปิ่นในวันนี้ถูกบ่าวไพร่รับไปวางเรียงและจดบันทึก กลิ่นหอมของน้ำชาและขนมหวานส่งผลให้บรรยากาศชื่นมื่น ผู้ใหญ่พูดคุยหัวเราะ เด็กเล็กวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน
“นายท่าน คุณชายสกุลหลี่มาถึงแล้วขอรับ” พ่อบ้านหม่าซึ่งเป็นพ่อบ้านประจำคฤหาสน์มาหลายปีเดินมากระซิบบอกนายของตน
ชายวัยกลางคนรูปร่างค่อนข้างท้วม สวมอาภรณ์สีฟ้าซึ่งตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อดี นัยน์ตาหยั่งลึกปิดบังอารมณ์ความรู้สึกเคลื่อนไปจับจ้องชายหนุ่มในชุดสีเทาเข้มที่บ่าวรับใช้เพิ่งนำทางมาถึงหน้าประตูทางเข้างาน
“คารวะใต้เท้าจาง” หลี่เหอประสานมือพลางคารวะผู้ที่อาวุโสกว่า
การปรากฏตัวของแขกคนล่าสุด ส่งผลให้สายตาของผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงหันมาจับจ้องที่เขาเป็นตาเดียว
จางเหมาเงยหน้าสำรวจชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งโครงหน้าเรียวยาว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทรงใบหลิวกับคิ้วเข้มโก่งเป็นทรงคันศรทำให้เขาดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ เครื่องหน้าจัดว่ารูปงามเนื่องจากมารดาเป็นหนึ่งในสาวงามเลื่องชื่อจากแดนเหนือ
“คุณชายหลี่”
จางเหมาค้อมศีรษะเล็กน้อย ยกยิ้มทักทายชายหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับบุตรชายคนโตของเขา
ปีนี้หลี่เหออายุสิบแปดปี เป็นบุตรชายคนเดียวของเสนาบดีหลี่อวิ๋น แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็เข้ารับราชการ ผู้คนในเมืองหลวงต่างก็รู้ดีว่าบิดาต้องการให้เขาสืบทอดตำแหน่งแทนตน
หลี่เหอเป็นบุรุษที่มีคุณสมบัติพรั่งพร้อม นอกจากรูปงามแล้วยังเชี่ยวชาญบู๊-บุ๋น ในอนาคตข้างหน้าย่อมเติบโตยิ่งใหญ่ยามนี้ยังครองโสดไร้ข้อผูกมัด ขุนนางหลายคนปรารถนาอยากให้บุตรสาวแต่งงานเกี่ยวดองกับตระกูลหลี่ และจางเหมาก็เป็นหนึ่งในนั้น
ผู้คนในเมืองหลวงต่างทราบกันดีว่าหลี่เหอไม่ชอบข้องแวะกับผู้คนหรือออกงานสังคม ดังนั้นการปรากฏตัวของเขาจึงทำให้ฮูหยินและคุณหนูน้อยใหญ่พากันมองตามตาวาว หากมิใช่ว่าเกรงใจเจ้าบ้าน คาดว่าคงไม่แคล้วพากันเบียดเสียดเข้ามาพูดคุยทำความรู้จักกับหลี่เหอ
“ท่านลุงจาง!”
เสียงทุ้มห้าวที่ใช้สรรพนามเรียกขานเจ้าคฤหาสน์อย่างสนิทสนมส่งผลให้จางเหมากับหลี่เหอหันไปมองผู้มาใหม่พร้อมกัน
ผู้มาใหม่คือหลี่เฉิงถิง บุตรชายคนเดียวของแม่ทัพหลี่ผู้เป็นหนึ่งในเสาหลักที่ค้ำจุนแคว้นฉิน เป็นสหายคนสนิทของจางอวี้ คุณชายใหญ่แห่งคฤหาสน์สกุลจาง
“คารวะท่านลุงจาง” บุรุษรูปร่างล่ำสันวัยสิบเก้าปีประสานมือทักทายผู้อาวุโส คิ้วกระบี่พาดเฉียงและดวงตาคมสีน้ำหมึก ผิวกายค่อนข้างเข้มเนื่องจากชอบใช้ชีวิตผาดโผนอยู่นอกจวน สวมชุดสีดำเรียบทั้งตัว ใบหน้าคมเข้มโดดเด่นดูมีเสน่ห์ของนักรบ สมกับเป็นผู้สืบสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของจอมทัพ
“คุณชายหลี่ ไม่ได้พบหน้ากันนาน ท่านโหวสบายดีหรือไม่”
หลี่เฉิงถิงยกยิ้มพลางตอบอย่างนอบน้อม “ขอบคุณท่านลุงที่เป็นห่วง ท่านพ่อสบายดี สามวันก่อนเพิ่งออกเดินทางไปตรวจตรากองทัพที่ชายแดนทางใต้ ท่านพ่อยังฝากใบชามาให้ท่านแต่ข้าลืมเอามา ไว้วันพรุ่งนี้...ข้าจะรีบเอามาให้ท่านใหม่”
หลี่เหอมองการพูดคุยอย่างเป็นกันเองระหว่างบุตรชายแม่ทัพกับจางเหมาโดยไม่พูดแทรก เดิมทีคิดจะหลบฉากออกไปเงียบๆ ทว่าหลี่เฉิงถิงกลับหันมามองทางเขาเข้าเสียก่อน
“อ้าว! คุณชายหลี่เองก็มาร่วมงานนี้ด้วยหรือ”
หลี่เฉิงถิงดูมีอุปนิสัยเข้ากับคนง่าย ไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือบุรุษก็ล้วนเข้าถึงได้โดยปราศจากการถือตัว ทว่าหลี่เหอรู้ดีว่าภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขาซุกซ่อนบางสิ่งไว้เบื้องหลัง
“ข้ามาเป็นตัวแทนท่านพ่อส่งมอบของขวัญ”
“หืม...” บุรุษร่างกำยำขานรับในลำคอ
ฐานะของหลี่เหอเป็นถึงบุตรชายของเสนาบดี หากจะส่งมอบของขวัญก็ให้พ่อบ้านทำแทนได้ ไม่เห็นอีกฝ่ายจะต้องมาด้วยตนเอง
หากมิใช่ว่าหลี่เหอต้องการมาร่วมงาน ก็อาจเป็นหลี่อวิ๋นผู้เป็นบิดาที่อยากให้มา
ด้วยฐานะของหลี่เหอ ถ้าเป็นเรื่องการแต่งงานก็ควรแต่งกับองค์หญิงหรือไม่ก็บุตรีของผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่ จางเหมาเป็นเพียงขุนนางขั้นที่ห้า หรือว่า...เขาต้องตาต้องใจคุณหนูสักคนในตระกูลจางจนอยากแต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรองในภายหลัง?
จางเหมามองชายหนุ่มทั้งสองที่ถึงแม้ว่าจะมาจากตระกูลดี ทว่าเขาเป็นผู้ใหญ่และยังเป็นเจ้าคฤหาสน์ที่จำเป็นต้องทำหน้าที่รับแขก ดังนั้นจึงหันไปถามบ่าวคนหนึ่งซึ่งยืนเยื้องอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่ยังไม่มาอีกหรือ”
“เรียนนายท่าน คุณชายใหญ่บอกว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของคุณหนูรอง จึงตั้งใจว่าจะไปรับตัวนางเข้างานด้วยตนเอง”
คำรายงานของคนรับใช้ ส่งผลให้ชายวัยกลางคนส่ายหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากคลี่ยิ้มเอ็นดู
“พี่น้องรักใคร่สามัคคีถือเป็นเรื่องดี แต่เกรงว่าคงเป็นการยากที่เหนียนเอ๋อร์จะได้แต่งงานออกเรือน...”
ปัจจุบันจางเหมามีบุตรชายสามคนและบุตรสาวสี่คน ในบรรดาลูกๆ ทั้งหมด นอกจากจางฟงกับจางมู่ที่กำเนิดจากฮูหยินเจ็ดเหมือนกัน ก็มีเพียงจางอวี้กับจางเหนียนที่สนิทสนมแน่นแฟ้น
จางเหนียนเป็นสตรีที่งดงามน่ารัก แม้การเรียนจะโดดเด่นสู้บุตรีอีกสองคนไม่ได้จนถูกเปรียบเทียบอยู่บ่อยครั้งแต่ก็เป็นคนที่กตัญญูรู้คุณคน ในฐานะบิดา จางเหมาก็หวังว่าจะสามารถหาคู่ครองที่ดีให้แก่นาง หากเป็นตระกูลบัณฑิตนางอาจถูกพวกเขาดูแคลน ที่เหมาะสมคู่ควรพอหาได้มีเพียงแต่ตระกูลที่รับราชการทางการทหารหรือไม่ก็เศรษฐีมีอันจะกิน