“ท่านป้าเจิน นี่คือดอกจี้ไฉ่ ข้าเคยได้ยินมาว่ามีสรรพคุณลดความดันเลือด แต่หากท่านไม่เคยกินมาก่อน ลองนำไปถามท่านหมอฉิงดูดีหรือไม่เจ้าคะ หากช่วยได้จริงก็ดีเลยเพราะในป่านั้นมีดอกจี้ไฉ่ขึ้นเต็มไปหมดเจ้าค่ะ ข้าจะได้เก็บมาให้ท่านบ่อยๆ”
สตรีชราหยิบดอกไม้ป่าขึ้นมาดู
“หากเป็นเช่นนั้นยิ่งดี ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเงินไปกับการซื้อยาสมุนไพร ขอบใจเจ้ามาก อาเมี่ยว”
ฝูเฟยเมี่ยวหยิบเห็ดหลินจือส่งให้ป้าเจินอีก 3ดอก
“เห็ดหลินจือนี้ข้าไปเจอในป่าอีกเช่นกันเจ้าค่ะ ได้มาเยอะเลย ข้าเลยเอามาฝากท่านป้าเจิน 3 ดอก”
ป้าเจินรับเห็ดหลินจือแดงทั้ง 3 ดอกนั้นมาด้วยมือสั่นๆ
“โอ้!เห็ดหลินจือแดงซะด้วย มันราคาแพงมากนะเจ้ารู้หรือไม่ เพราะนี่คือของหายาก สรรพคุณนั้นสุดจะบรรยาย หากเจ้าได้มาเยอะลองนำไปขายให้เถ้าแก่เหวยดูสิ เขารับของจากชาวบ้านในหมู่บ้านเข้าไปขายในเมืองตลอดล่ะ อ้อ…แล้วอย่ายอมให้เขากดราคานักล่ะ”
เถ้าแก่เหวยนั้นขึ้นชื่อว่าหน้าเลือด ชาวบ้านที่นำของป่า หรือแม้กระทั่งข้าวเปลือก และผักผลไม้มาขายล้วนถูกกดราคาทั้งสิ้น แต่ชาวบ้านก็ต้องยอม จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อพวกเขานั้นส่วนมากก็ไม่มีเกวียนที่จะขนสินค้าเข้าไปขายในเมืองด้วยตนเอง
ฝูเฟยเมี่ยวครุ่นคิด ตอนนี้ที่บ้านของนางนั้นมีเห็ดหลินจืออยู่ราวๆ20 ดอก นางจะจัดการเก็บสปอร์สีขาวๆ เอาไว้ และเก็บไว้ติดบ้านสัก 3 ดอก นอกนั้นจะลองนำไปขายให้เถ้าแก่เหวยดู
ที่ร้านค้าของเถ้าแก่เหวย
หมู่บ้านเฉียงไฉ่มีร้านค้าเพียงแห่งเดียว นั่นคือร้านของเถ้าแก่เหวย ร้านเถ้าแก่เหวยนี้รับของจากตลาดในเมืองมาขาย ทั้งของกิน ของใช้ ข้าวสาร อาหารแห้ง เกลือ น้ำตาล ทุกอย่างล้วนมีให้จับจ่ายใช้สอย นอกจากรับสินค้าจากในเมืองมาขายในหมู่บ้านแล้วเถ้าแก่เหวยและภรรยายังรับซื้อสินค้าต่างๆ จากชาวบ้านเพื่อเอาเข้าไปขายในเมืองอีกด้วย เมืองที่ว่านี้คือเมืองเซี่ย อยู่ห่างจากหมู่บ้านเฉียงไฉ่ราวๆ50 ลี้ (25 กิโลเมตร) หากเดินทางโดยนั่งเกวียนจะใช้เวลาครึ่งวัน แต่หากเดินเท้าจะใช้เวลาหนึ่งวันเต็มสำหรับการเดินทางหนึ่งเที่ยว
“เอ่อ เถ้าแก่เหวย ข้ามีของมาให้ดู ไม่ทราบว่าท่านจะรับซื้อหรือไม่?” ฝูเฟยเมี่ยวหยิบเห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่ที่สุดออกมาวางตรงหน้าเถ้าแก่เหวยและภรรยา
สองสามีภรรยาเป็นต้องตกตะลึง
“เห็ดหลินจือแดง เจ้าไปได้มาจากที่ใด?” เถ้าแก่เหวย ละล่ำละลักถามพลางรีบคว้าเห็ดหลินจือขึ้นมาดู
“ข้าหามาได้ก็แล้วกันน่ะ ส่วนหามาจากที่ใดข้าขอเก็บเป็นความลับนะเจ้าคะ เกรงว่าจะมีคนไปแย่งเก็บ ว่าแต่…เถ้าแก่เหวยรับซื้อหรือไม่เจ้าคะ”
บุรุษร่างบางไว้หนวดเคราหรอมแหรม หางตาทั้งสองข้างชี้ขึ้น ดูแล้วเต็มไปด้วยเล่ห์กระเท่ เขาแสร้งถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะลอบสบสายตากับผู้เป็นภรรยา
‘สตรีนางนี้ข้าได้ยินมาว่านางเพิ่งจะถูกสามีทิ้งไป นางคงเงินขาดมือเป็นแน่ เช่นนั้นข้าจะกดราคาให้ต่ำที่สุด เพื่อที่ว่าตอนที่เอาเข้าไปขายในเมืองข้าจะได้กำไรสูงๆ ตอนนี้ที่ร้านขายยาในเมืองต่างถามหาเห็ดหลินจือแดงกันทั้งนั้น แว่วมาว่าให้ราคาถึงจินละ 50 ตำลึงสำหรับเห็ดหลินจือสด และ 100 ตำลึงสำหรับเห็ดหลินจือแห้งเลยทีเดียว (1 จิน = 500 กรัม) ’
“เฮ้อ!ตอนนี้เห็ดหลินจือล้นตลาด ร้านขายยาก็ไม่ค่อยอยากรับหรอก แต่ข้าเห็นแก่ที่เจ้าต้องเลี้ยงดูบุตรถึงสองคนแต่เพียงผู้เดียว จะช่วยซื้อเอาไว้ก็ได้ ข้าให้จินละ 500 อีแปะ เจ้าน่าจะพอใจ” พูดจบเถ้าแก่เหวยก็เอามือลูบหนวดเคราหรอมแหรมของตนเอง นี่คือท่ารอฟันกำไรจากลูกค้าของเขา
ฝูเฟยเมี่ยวชะงักเล็กน้อย หญิงสาวเคยรู้กิตติศัพท์ของเถ้าแก่เหวยมาบ้าง นางส่งยิ้มอ่อนๆ ให้พลางเอ่ย
“ข้ามีเห็ดหลินจือสดอยู่ 17 ดอก น้ำหนักน่าจะได้สัก 3 จิน”
เถ้าแก่เหวยทำตาโตอย่างไม่คิดจะปิดบัง ตอนนี้เขากำลังคิดคำนวณกำไรในหัว
‘3 จิน จินละ 50 ตำลึง รวมเป็นเงิน 150 ตำลึงเชียวนะ ฮ่าๆๆๆ กำไร 148 ตำลึง กับอีก 500 อีแปะ’ เขาคิดไปพลางเอามือลูบเคราตัวเองสองสามที
“เช่นนั้นก็เอามาเลย จะช้าอยู่ใย พรุ่งนี้เช้าข้าจะเข้าเมืองแล้ว เกิดว่ามีคนอื่นเอามาขาย ข้าอาจจะไม่ได้ซื้อเห็ดหลินจือจากเจ้านะ” เขาเร่งเร้า
ฝูเฟยเมี่ยวถอนหายใจเบาๆ พลางส่ายหน้าน้อยๆ
“แต่ว่า…ราคาที่ท่านให้มันถูกเกินไป ตอนนี้ข้าก็พอจะมีเงินใช้สอยอยู่ ข้ายังไม่ขายดีกว่า ข้าเก็บเอาไว้ต้มกินเป็นยาบำรุงร่างกาย หรืออาจจะตากแห้งเอาไว้ แล้วพอมีคนจากหมู่บ้านเราเข้าไปในเมืองเซี่ยหรือว่าไท่ซุน ข้าอาจจะฝากพวกเขาไปขาย หรืออาจจะขอติดเกวียนเข้าไปขายในเมืองเองก็ได้ เช่นนั้นเห็นทีว่าข้าต้องขอลากลับก่อน” ฝูเฟยเมี่ยวตั้งท่าจะหันหลังเดินจากไป แต่ถูกสองสามีภรรยาเรียกเอาไว้เสียก่อน
“ช้าก่อน”
“เดี๋ยวซี่ จะรีบไปไหนเล่า”
“ข้าเปลี่ยนใจไม่ขายแล้ว เห็ดหลินจือนั้นเป็นของหายาก เรื่องนี้แม้แต่เด็กอมมือก็รู้ดี ส่วนเรื่องราคานั้นไม่ต้องพูดถึง ใครๆ ก็รู้ว่าเห็ดหลินจือราคาแพงหูฉี่จนชาวบ้านอย่างเราๆ นั้นจับต้องไม่ได้ หากไม่ได้จินละ 20 ตำลึงข้าก็ไม่ขายเจ้าค่ะ ข้าชักอยากจะรู้ราคาที่ร้านค้า ร้านขายยาในเมือง ทั้งเมืองเซี่ยและเมืองไท่ซุนที่รับซื้อซะแล้ว ไม่แน่ว่าข้าอาจจะหาโอกาสเข้าไปในเมืองซะเอง ในหมู่บ้านเราก็มีคนที่นั่งเกวียนเข้าไปเรื่อยๆ อยู่ ข้าจะขออาศัยติดเกวียนเขาไปด้วย ดีหรือไม่เจ้าคะ” ในเมื่อเถ้าแก่เหวยมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวฝูเฟยเมี่ยวก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน เรื่องอะไรนางจะยอมเสียรู้คน
“ฮื่ย! ไม่ดีๆ เจ้าเองก็มีลูกกำลังแบเบาะ จะทิ้งลูกทิ้งเต้าเข้าไปในเมืองทำไม เสียเวลาเปล่า” เถ้าแก่เหวยจุ๊ปากอย่างหัวเสีย สตรีนางนี้มิใช่ตะเกียงที่ไร้น้ำมัน
“ข้าจะขายจินละ 20 ตำลึงเท่านั้น” พูดจบฝูเฟยเมี่ยวก็หยิบเห็ดหลินจือออกมาวางอย่างเบามือทั้ง 17 ดอกอย่างผู้ที่เหนือกว่า
สองสามีภรรยาลอบส่งสายตาให้กัน ฝูเฟยเมี่ยวแอบสังเกตเห็นว่าภรรยาของเถ้าแก่เหวยนั้นพยักหน้าให้ผู้เป็นสามีเบาๆ
“เอ้า…จินละ 20 ตำลึง ก็ 20 ตำลึง” เถ้าแก่เหวยรีบหยิบเห็ดหลินเจอทั้ง 17 ดอกมาชั่ง พลางนึกในใจว่าอย่างไรเสียก็ยังได้กำไรจินละตั้ง 30 ตำลึง จะไม่เอาได้อย่างไร
“3 จินพอดี อย่างที่ข้าคำนวณไว้เลย” ฝูเฟยเมี่ยวกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างนึกภูมิใจในตนเอง วันนี้นางสามารถหาเงินได้ตั้ง 60 ตำลึง มันน่าภูมิใจไหมล่ะ
“เอ้า!นี่เงิน 60 ตำลึง แล้วถ้าเกิดว่าเจ้าไปเจอเห็ดหลินจือ โดยเฉพาะเห็ดหลินจือแดง เจ้าต้องรีบนำมาขายให้ข้านะ อย่าไปขายให้ผู้อื่นล่ะ” เถ้าแก่เหวยยื่นเงินให้หญิงสาวตรงหน้าพลางกำชับกำชา
“เอ๊ะ!แต่เมื่อสักครู่เถ้าแก่เหวยเพิ่งบอกกับข้าเองว่าตอนนี้เห็ดหลินจือล้นตลาด ร้านขายยาในเมืองก็ไม่ค่อยอยากรับซื้อมิใช่หรือเจ้าคะ?” ฝูเฟยเมี่ยวย้อนคำพูด เล่นเอาสองสามีภรรยาหน้าชา สตรีนางนี้มิใช่สตรีที่อ่อนต่อโลก โง่เง่าเหมือนอย่างที่ชาวบ้านเล่ากันมาสักหน่อย นางคือสตรีร้อยเล่ห์ดีๆ นี่เอง
แต่ก็ช่างเถอะ อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถทำกำไรจากเห็ดหลินจือนี่มากอยู่ หลายปีมาแล้วที่ชาวบ้านที่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยมีผู้ใดนำเห็ดหลินจือมาขายให้เลย
“ข้าก็ซื้อเอาไว้ตากแห้ง เอาไว้ขายช่วงที่เห็ดหลินจือขาดตลาดน่ะซี ว่าแต่เจ้าเถอะ วันนี้ขายของได้ตั้ง 60 ตำลึง ไม่คิดจะอุดหนุนสินค้าในร้านของข้าสักหน่อยหรือ นี่…ขนมถังหูลู่นี่ข้าเพิ่งรับมาเมื่อวาน เจ้ามีลูกเล็กๆ พวกเขาอาจจะชอบ” เถ้าแก่เหวยไม่ยอมเสียเปรียบ เขาต้องได้ทั้งขึ้นทั้งล่องสิ
ฝูเฟยเมี่ยวกวาดสายตามองไปรอบๆ
“เช่นนั้นเอาถังหูลู่สองไม้ก็แล้วกันเจ้าค่ะ อ้อ แล้วก็เซาปิ่งด้วยสิบชิ้น แบ่งใส่ห่อสองห่อ ห่อละห้าชิ้นนะเจ้าคะ อย่างอื่นข้าเพิ่งมาซื้อไปเมื่อวันก่อน ยังไม่หมด”
“เอ้อๆ เอาเช่นนั้นก็ได้ นี่อย่าลืมนะ วันหลังหากเจ้าไปได้เห็ดหลินจือมาอีกต้องรีบเอามาขายให้ข้ารู้หรือไม่ อย่าเอาไปฝากขายกับคนอื่นล่ะ เดี๋ยวจะโดนโกงเอา อันนี้ถังหูลู่สองไม้กับเซาปิ่งสิบชิ้นทั้งหมดก็สิบอีแปะพอดี”
ฝูเฟยเมี่ยวรับขนมถังหูลู่และขนมเซาปิ่งมาพลางยิ้มบางเบา
คราวหน้านางคงมาขายให้หรอก เถ้าแก่เหวยหน้าเลือด
ที่บ้านของป้าเจิน
“ท่านแม่มาแล้ว ท่านแม่มาแล้ว” ฝูฟางหรงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ยิ่งเมื่อเห็นว่าผู้เป็นมารดาถือสิ่งใดมาด้วยก็ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่
“ว่าไง วันนี้เป็นเด็กดีหรือไม่” ฝูเฟยเมี่ยวพูดพลางยื่นขนมถังหูลู่ให้บุตรสาว
“ข้าเป็นเด็กดีเจ้าค่ะ ช่วยป้าเจินไกวเปลน้องด้วย” ตอนนี้ที่บ้านของป้าเจินนั้นมีเปลไกวสำหรับให้เด็กทารกนอนแล้วเพราะลุงเจินเป็นคนทำให้ เขาอยากให้เจ้าก้อนแป้งนอนหลับได้ครั้งละนานๆ
“ท่านป้าเจิน ข้าขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะที่ช่วยดูแลลูกทั้งสองให้ นี่ขนมเซาปิ่ง ข้าซื้อมาฝากเจ้าค่ะ”
“ไม่เห็นต้องลำบากเลย” ป้าเจินทำท่าทางเกรงอกเกรงใจแต่ก็รับขนมเซาปิ่งห่อนั้นไปแต่โดยดี
“เออ…นี่ แล้วเจ้าขายเห็ดหลินจือได้ราคาดีหรือไม่ ถูกเถ้าแก่เหวยกดราคาหรือไม่?” หญิงชราถามด้วยความอยากรู้
ฝูเฟยเมี่ยวยิ้มกว้าง ก่อนเอ่ยตอบ
“ข้าขายได้จินละ 20 ตำลึง ทั้งหมด 3 จินก็ได้เงินมา 60 ตำลึงเจ้าค่ะ คราแรกเถ้าแก่เหวยให้จินละ 500 อีแปะ แต่พอข้าบอกว่าจะตากแห้งแล้วนำไปขายในเมืองเองเท่านั้นล่ะ เขารีบตอบตกลงรับซื้อในราคาจินละ 20 ตำลึงให้ข้าเลย” หญิงสาวยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ป้าเจินถึงกับตบเข่าฉาด
“มันต้องอย่างนี้สิ คิดเอารัดเอาเปรียบชาวบ้านดีนัก ลองคิดดูสิ 500 อีแปะ กับ 20 ตำลึง ต่างกันราวฟ้ากับเหว ข้าคิดว่าเถ้าแก่เหวยคงขายต่อให้ร้านขายยาได้ในราคาที่สูงขึ้นไปอีก งานนี้เขาต้องได้กำไรไม่น้อย”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น แต่คราวนี้ข้าต้องการเงินมาเก็บเอาไว้ก่อนจึงยอมขายให้เขา คราวหน้าข้าคิดว่าข้าจะนำเห็ดหลินจือแดงเข้าไปขายในเมืองเองเจ้าค่ะ”
“อืม…มันก็เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก ว่าแต่…เห็ดหลินจือนั้นเป็นของหายาก หลายปีแล้วที่คนในหมู่บ้านเรานั้นไม่เคยเจอ แล้วเจ้ายังคิดว่าเจ้าจะหาได้อีกอยู่หรือไม่?” ป้าเจินก็พูดไปตามความคิดในหัวของนาง
ฝูเฟยเมี่ยวยิ้ม ก่อนเอ่ยตอบ
“ข้าเพียงแต่หวังว่าข้าจะสามารถหาเห็ดหลินจือได้อีกน่ะเจ้าค่ะ คราวนี้ถือว่าสวรรค์เมตตาข้ายิ่งนัก”
แต่ฝูเฟยเมี่ยวนั้นไม่ได้พูดออกไปว่า
‘ใครว่าข้าจะหาจากในป่าอีกละเจ้าคะ ในเมื่อมันเป็นของหายากก็ไม่ต้องหา ปลูกเองซะเลย ทำเป็นฟาร์มเห็ดหลินจือไปเลย หึหึ ท่านป้าเจินคงไม่รู้ว่าข้าน่ะเคยไปเรียนรู้ในฟาร์มเห็ดมาแล้ว’
หนทางร่ำรวยใกล้เข้ามาแล้ว