1.1 เจ้าเมืองกับจอมมาร

1954 คำ
หนึ่ง เจ้าเมืองกับจอมมาร ‘เจตจำนงแห่งรัก’ เป็นการ์ตูนแนวจีนโบราณ-แฟนตาซีโรแมนติก โดยหลักๆ คือการเล่าถึงเรื่องราวของ ‘เมิ่งจิ่ว’ นางเอกที่ต้องกลายมาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุเพียงห้าขวบ แต่นับว่าโชคดีที่นางได้แม่ชีเฒ่าผู้หนึ่งรับตัวไปเลี้ยงดู สอนวิทยายุทธ์และเคล็ดวิชาให้นางเพื่อให้เป็นผู้สืบทอดของตนเอง เมื่อเมิ่งจิ่วอายุสิบห้าปี นางได้นำจี้หยกประจำตัวที่แม่ชีเฒ่าทิ้งไว้ให้แล้วออกเดินทางไปยังพรรคเจตจำนง แต่แน่นอนว่าชีวิตของนางเอกก็ต้องเจอด่านอุปสรรคมากมาย นางไม่ได้รับการยินยอมจากคนในสำนักเพราะยังไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาลับที่ประมุขพรรคจะสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เมิ่งจิ่วกลายเป็นคนไร้บ้านอีกครั้งและเดินทางเร่ร่อนไปทั่วเพื่อตามหาเคล็ดวิชา ในระหว่างนั้นนางก็ได้พบกับชิวอวิ๋น พระเอกซึ่งมีฐานะเป็นท่านโหว ความรักที่ก่อตัวขึ้นท่ามกลางการผจญภัยนำไปสู่การร่วมมือกันสังหารประมุขพรรคมารซึ่งเป็นลาสต์บอสที่หวังทำลายล้างโลกในช่วงท้าย โลกสมมติแห่งนี้แบ่งแยกเป็นสองแคว้นคือแคว้นหยินและแคว้นหยาง มีมนุษย์กับสัตว์อสูรอาศัยอยู่ทั่วไป และพลังที่ใช้ในเรื่องจะแบ่งออกเป็นสองรูปแบบ กำลังภายใน และพลังไร้รูป ขณะมนุษย์ส่วนใหญ่สามารถฝึกฝนกำลังภายในได้อย่างอิสระ พลังไร้รูปกลับเป็นพลังจากวิญญาณภายในที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด สัตว์อสูรทั่วไปล้วนมีหมดขึ้นอยู่ว่าจะมากหรือน้อย แต่ในหมู่มนุษย์ด้วยกันถือว่าพบได้น้อยมาก ผู้ที่มีพลังไร้รูปโดดเด่นในเรื่องมีเพียงแค่ตัวละครหลักๆ อย่างเมิ่งจิ่วซึ่งเป็นนางเอก ชิวอวิ๋นซึ่งเป็นพระเอก รวมถึงเฉินเซียวที่เป็นพระรอง และสองพี่น้องสกุลฝู ฝูหมิงกับฝูเยว่ การที่ตัวละครหลักในเนื้อเรื่องมีความพิเศษถือเป็นเรื่องที่พบได้ในการ์ตูนทุกเรื่อง แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเซียงรื่อในขณะที่อ่านการ์ตูนเล่มนี้ไม่ใช่พลังพิเศษเว่อวังอะไรเหล่านั้น แต่เป็นพื้นพของตัวละครแต่ละตัวต่างหาก เซียงรื่อสูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่อายุสิบขวบ ญาติฝั่งแม่ที่รับเธอไปเลี้ยงดูเพราะหวังกับมรดกไว้มาก แต่หลังจากที่พวกเขาทราบว่าสมบัติที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้เธอไม่ได้มากมายอะไรก็เริ่มทิ้งขว้างและมองว่าเธอเป็นตัวภาระ หลังจากดิ้นรนจนเรียนจบมัธยมปลาย เธอก็ถูกไล่ออกจากบ้าน ตอนแรกที่เซียงรื่อตัดสินใจอ่านเรื่อง ‘เจตจำนงแห่งรัก’ ก็เพราะเธอคิดว่าชีวิตของเธอกับเมิ่งจิ่วมีความคล้ายคลึงกันตรงที่พวกเธอต่างสูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่อายุยังน้อย แต่พอได้อ่านไปเรื่อยๆ คนที่ทำให้เธออินมากที่สุดกลับเป็นพี่ชายนางร้ายอย่าง ‘ฝูหมิง’ ประมุขพรรคมารอันดับหนึ่งในยุทธภพที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมและความอำมหิต แต่กลับหลั่งน้ำตาเมื่อรู้ว่าน้องสาวซึ่งเป็นครอบครัวคนสุดท้ายถูกสังหาร เลือกที่จะอาละวาดทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเพราะในโลกนี้ไม่หลงเหลือสิ่งที่เขาต้องการปกป้องรักษาอีกต่อไปแล้ว ในฐานะที่หญิงสาวไม่มีพี่น้อง เธอจึงแอบรู้สึกอิจฉาฝูเยว่อยู่ลึกๆ แทนที่นางร้ายคนนี้จะทะนุถนอมความสัมพันธ์ของพี่ชายที่รักนางมาก นางกลับตะเกียกตะกายเรียกร้องหาความรักจากคนที่ไม่คิดจะเหลียวแลนาง โชคชะตาของสองพี่น้องสกุลฝูช่างน่าสงสารเหลือเกิน ดังนั้นพอมีการ์ตูนชุดพิเศษออกมา เซียงรื่อจึงไม่ลังเลที่จะควักเงินเก็บของตนเองมาซื้อ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะมีโอกาสได้อ่านจนจบ...เธอกลับต้องมาตายเสียก่อน “ท่านเจ้าเมือง...ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ!” ผู้ที่ครุ่นคิดอย่างเหม่อลอยดึงสติกลับมา มือเรียวยาวบีบมวยผมสีชมพูอ่อนสีสวยให้แห้งหมาดเพื่อประวิงเวลา ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันหน้ากลับไปทางเสี่ยวหลานอีกครั้ง “ทาสที่ว่านั่นอยู่ไหน” “ท่านมองไม่เห็นเขาหรือเจ้าคะ?” เซียงรื่อได้ฟังเช่นนั้นก็หรี่ตาลงทันใด เนื่องจากบริเวณสระน้ำมีไอน้ำร้อนค่อนข้างหนาแน่น ภาพที่เห็นด้วยตาเปล่าจึงถูกบดบังด้วยควันสีขาวแทบทั้งหมด หากเมื่อเธอเริ่มปรับตัวกับร่างกายใหม่ที่มีสัญชาตญาณฉับไวกว่ามนุษย์ทั่วไป ใบหูทรงสามเหลี่ยมมนก็กระดิกเล็กน้อย ด้านหลังเสี่ยวหลานมีเงาสูงใหญ่ให้พอเห็นอยู่รางๆ อีกฝ่ายขยับตัวเข้ามาใกล้ เซียงรื่อจึงมองเห็นได้อย่างถนัดตา กริก...กริก... เสียงของโซ่ที่เสียดสีกันยาขยับตัวส่งผลให้หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงขึ้นด้วยความหวาดหวั่น ดวงตาสีน้ำหมึกที่เปี่ยมไปด้วยความแค้นเคืองจ้องเขม็งมาราวกับจะฉีกร่างเธอเป็นชิ้นๆ เครื่องหน้าเย้ายวนของบุรุษเพศวัยยี่สิบสี่ผสมผสานความหล่อเหลาและงดงามไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ท่อนบนที่เปลือยเปล่ามีบาดแผลจากการถูกอาวุธมีคมเลือดไหลซิบ และรอยฟกช้ำเป็นจ้ำม่วงเขียว เรือนผมสีดำสนิทยาวสยายจนถึงเอวมิอาจปกปิดกล้ามท้องแปดลูกที่เรียงตัวเป็นลอนแน่นซึ่งหลุบหายไปในกางเกงสีเทาหม่น เซียงรื่อกลืนน้ำลายเฮือก ใบหน้าพลันร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างมิอาจหักห้ามใจ เซียงรื่อ! เธอจะเอาแต่มองต่ำทำไมกันเล่า! หญิงสาวพยายามเบนสายตาเอาแต่จะลากลงต่ำให้เคลื่อนกลับขึ้นมามองใบหน้าที่แสนอันตรายของเขาแทน ไม่ผิดแน่ ร่างใหญ่กำยำซึ่งมีโซ่หนาพันธนาการทั้งข้อมือและข้อเท้าผู้นี้ก็คือ ฝูหมิง ตัวจริงเสียงจริง ...เหมือนกับฝันไปเลย ทั้งที่ได้มาอยู่ในโลกการ์ตูนและได้พบกับตัวละครที่เธอคอยติดตามมาโดยตลอด “ท่านเจ้า...” เสี่ยวหลานตั้งท่าจะเรียกเธออีกรอบ “ข้าเห็นแล้ว” เห็นชัดเจนเต็มสองตาเลยด้วย ดวงตาสีน้ำหมึกซึ่งจ้องเขม็งมาที่นางดูโกรธและโมโหมากก็จริง แต่มันไม่มีแววกระหายเลือด หรือแสดงความคลุ้มคลั่งเสียสติของจอมวายร้ายที่อยากทำลายล้างโลกเลยสักนิด ทว่าต่อให้ฝูหมิงจะไม่ได้อยู่ในโหมดบ้าพลังที่พร้อมจะพังทลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า เธอก็ไม่ควรประมาทอยู่ดี เซียงรื่อคิดพลางกลืนน้ำลาย ดวงตาสีม่วงหรี่มองฝูหมิงที่ยังจดจ้องเธออยู่เช่นเดิมโดยไม่พูดไม่จา ทายาทสกุลฝูทุกคนมีผมสีขาวมุกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีเรื่องเล่าว่าบรรพบุรุษต้นตระกูลมีสายเลือดสืบทอดมาจากเทพอสูร ความเข้มข้นของสายเลือดจากสัตว์อสูรไม่อาจเทียบเท่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในนครหมอกอสูรแห่งนี้ แต่พลังไร้รูปของคนสกุลฝูนั้นแข็งแกร่งมาก คาดว่าน่าจะเป็นเพราะบรรพบุรุษที่เป็นเทพอสูรมีพลังสูงส่งมากเป็นทุนเดิม นอกจากนี้ทายาทสกุลฝูทุกคนยังมีความสามารถในการรักษาบาดแผลได้รวดเร็วกว่าคนทั่วไป ทว่าบุรุษเบื้องหน้าไม่ได้มีผมสีขาวมุก มิหนำซ้ำ บาดแผลและรอยฟกช้ำตามร่างกายก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้มาหลายวันโดยไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น แต่ถึงแม้ว่าลักษณะของเขาจะไม่ตรงตามที่เคยบรรยายไว้ในการ์ตูน เซียงรื่อก็ยังมั่นใจว่าเขาคือ ฝูหมิง พี่ชายของนางร้ายตัวจริงเสียงจริง สภาวะที่ฝูหมิงกำลังเผชิญอยู่เรียกว่า ‘การจำศีล’ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในผู้สืบสายเลือดสกุลฝูในทุกๆ สิบสองปี ซึ่งในระหว่างนั้นพวกเขาจะสูญเสียพลังไร้รูปทั้งหมดที่มีและเปรียบเสมือนคนธรรมดาทั่วไป และสภาวะจำศีลที่ว่าถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่สัตว์อสูร เพียงแต่ระยะเวลาที่สัตว์อสูรจำศีลจะนั้นสั้นกว่า อย่างต่ำสุดก็แค่สิบวัน อย่างมากสุดก็ประมาณสองเดือนเท่านั้น “ท่านเจ้าเมือง ข้าทำดีใช่ไหมเจ้าคะ” คำถามดังกล่าวดึงดูดให้เธอเหล่ตาไปทางเสี่ยวหลาน พบว่าดวงตาของนางพราวระยิบระยับอย่างคาดหวัง มุมปากของเซียงรื่อถึงกับกระตุก ท่านเจ้าเมืองเซียงรื่อหน้าตาน่ารักก็จริง แต่นางดันมีนิสัยชมชอบบุรุษรูปงาม และนั่นคือสาเหตุที่เมืองหมอกอสูรเริ่มมีการจับทาสจากโลกภายนอก ...พวกเขายอมเสี่ยงที่จะถูกมนุษย์ภายนอกจับได้ เพียงเพื่อสนองตัณหาผู้นำของพวกเขา หลังจากนี้เธอต้องยกเลิกการจับคนมาเป็นทาสอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันก็ไม่ควรทำให้คนรอบตัวสงสัยว่าเจ้าเมืองที่พวกเขารู้จักมีคนต่างฐิ่นเข้ามาอาศัยอยู่ในร่าง ถ้าพวกเขารู้ความจริงว่าเธอไม่ใช่เซียงรื่อที่พวกเขาเคยเทิดทูน... เธออาจจะถูกคนในเมืองจับไปบูชายัญแทนก็เป็นได้ หากรอบนี้เธอตายหน ก็ไม่มีสิ่งใดมารับประกันได้ว่าเธอจะไม่ถูกส่งไปยังสถานที่ที่ย่ำแย่กว่าที่เป็นอยู่ เซียงรื่อกัดริมฝีปากด้วยความเคร่งเครียด ทว่าเสี่ยวหลานกลับคิดไปอีกอย่าง “เช่นนั้น ขอให้ท่านเจ้าเมืองมีค่ำคืนที่สนุกสนานนะเจ้าคะ” ค่ำคืนที่สนุกสนาน? ใบหน้าน่ารักของผู้ฟังย้อมสีแดงก่ำ ในเนื้อเรื่องท่านเจ้าเมืองบังคับให้ฝูหมิงปรนนิบัตินางบนเตียงตั้งแต่ช่วงแรก แต่จากท่าทางของเสี่ยวหลานแล้ว คาดว่าเหตุการณ์เหล่านั้นน่าจะยังไม่เกิดขึ้น ทว่าในจังหวะที่สตรีเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินอมเทาถอยไปด้านหลัง จู่ๆ บุรุษร่างใหญ่ที่ยืนนิ่งราวกับหุ่นไม้กลับแผ่ไอสังหารอันรุนแรงออกมา! “เสี่ยวหลาน!” เซียงรื่อตะโกนเสียงดัง หากความไวของเธอยังไม่อาจเทียบกับฝูหมิงที่ลงมืออย่างไม่ลังเล หมับ! มือใหญ่กร้านของเขาคว้าหมับเข้าที่ลำคอเรียวบางของเสี่ยวหลาน ก่อนจะใช้พละกำลังอันมหาศาลยกตัวอีกฝ่ายจนขาของนางลอยขึ้นจากพื้น เซียงรื่อผงะถอยไปทางด้านหลัง ต่อให้ฝูหมิงสูญเสียพลังไร้รูปและมีบาดแผลเต็มตัว ทว่าวรยุทธ์และกำลังภายในก็ยังแข็งแกร่งมาก แต่สิ่งที่ทำให้เธอชะงักไปนั้นเป็นเพราะฉากนี้เคยเกิดขึ้นในเนื้อเรื่องที่ตนอ่านผ่านตามาก่อน เสี่ยวหลานที่เธอตั้งชื่อให้เป็นแค่ตัวประกอบที่ออกมาเพียงสองฉากก็ถูกฝูหมิงสังหารตายคาที่! ความรู้สึกตอนที่อ่านการ์ตูนกับการมาเห็นภาพจริงต่อหน้ามันแตกต่างกันลิบลับ แม้เธอจะถูกญาติที่รับเลี้ยงรังเกียจและทอดทิ้ง แต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่พวกเขาจะใข้กำลังรุนแรงทำร้ายร่างกาย ดังนั้นเซียงรื่อจึงเติบโตมาเป็นเด็กที่ค่อนข้างรักความสงบและหลีกเลี่ยงการใช้กำลังมาโดยตลอด ...แล้วในสถานการณ์แบบนี้เธอควรทำอย่างไร เธอควรปล่อยให้เสี่ยวหลานตายตามเนื้อเรื่องอย่างนั้นหรือ? “ปะ...ปล่อยข้า ฮึก! แค่กๆๆ” ผู้ที่ถูกบีบคอดิ้นทุรนทุรายอย่างไร้ทางสู้ ดวงตาแดงก่ำของนางเบนมาทางเซียงรื่อ หยาดน้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างน่าสงสาร “ทะ...ท่านเจ้าเมือง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม