เซียงรื่อกลอกตามองไปด้านบน “ข้าแค่ยังไม่ชิน ประเดี๋ยวพอชินกับร่างนี้เมื่อไรก็คงดีขึ้นเอง”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าควรรีบทำตัวให้ชิน เริ่มจากคืนนี้เลย” อวิ๋นซูพูดพลางเดินนำหญิงสาวเข้าไปด้านใน “เพราะทุกครั้งที่ใช้พลังไร้รูป ความตึงเครียดในร่างกายของท่านเจ้าเมืองก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น แล้วจนถึงตอนนี้...เจ้าคงพอรู้แล้วว่าท่านเจ้าเมืองใช้วิธีการใดในการระบายความเครียดเหล่านั้น”
ใบหน้าน่ารักของผู้ฟังเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ
“หมายความว่า...”
ยิ่งเธอใช้พลังไร้รูปในการรักษามากเท่าไร ความต้องการทางเพศของร่างกายนี้ก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น
ท่านเจ้าเมืองไม่ใช่แค่ชอบการมีเซ็กซ์ แต่ถึงขั้นเสพติดเลยต่างหาก!
นี่มันอย่างกับแพ็กเกจซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ซื้อร่างแถมอารมณ์ความใคร่เรอะ! เธอขอคืนสินค้าตอนนี้เลยได้ไหม?!
“บัดซบที่สุด!” เซียงรื่อที่โมโหถึงกับสบถออกมาเสียงดังลั่น
อวิ๋นซูไม่ปล่อยให้เธอมีเวลาบ่นนานนัก เนื่องจากชายหนุ่มมีงานอีกมากที่ต้องไปสะสางต่อ เขาจึงมีเวลาสอนเธอไม่มาก ต่อให้วันนี้เธอยังใช้พลังไร้รูปไม่ได้ แต่เขาก็หวังว่าเธอจะพอเข้าใจมันได้ไม่มากก็น้อย เพราะอีกไม่ช้าก็เร็ว ท่านเจ้าเมืองก็ต้องทำหน้าที่ของผู้สืบทอดสายเลือดของผู้รักษาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
พวกเธอเดินมาหยุดอยู่ใจกลางหอเปี่ยมมิตร ในรัศมีหนึ่งลี้[1]ไร้ผู้คนที่จะได้ยินบทสนทนาหรือเข้ามารบกวน สายลมที่พัดผ่านส่งผลให้ต้นไม้และใบหญ้าเสียดสีเกิดเป็นเสียงบางเบา กลิ่นอายรอบตัวทั้งสองปกคลุมด้วยความเคร่งขรึมจริงจัง
“กำลังภายในและพลังไร้รูปล้วนหล่อหลอมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและจิตวิญญาณ หากกำลังภายในเป็นการโจมตีในรูปแบบของพลังหยิน-หยางซึ่งมีทั้งไอร้อนและไอเย็น พลังไร้รูปก็คือพลังบริสุทธิ์ที่ไร้อุณหภูมิและแสดงศักยภาพออกมาในรูปแบบของคลื่นอย่างหนึ่ง”
เซียงรื่อฟังสิ่งที่เขาพูดอย่างตั้งใจ หากกำลังภายในเป็นไอร้อนและเย็นที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง พลังไร้รูปก็เหมือนคลื่นพลังงานที่มีอนุภาคที่เล็กและละเอียดมากกว่า
จะว่าอย่างไรดี...ในฐานะนักอ่านที่อ่านการ์ตูนแนวกำลังภายใน การที่ตัวละครสามารถใช้พลังที่วิจิตรพิสดารออกมาได้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่พอเธอต้องลงมือใช้พลังเหล่านั้นด้วยตนเองก็อดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
“หากเจ้าเพ่งสมาธิให้ดี เจ้าจะสามารถรับรู้ได้ถึงคลื่นที่เคลื่อนไหวอยู่ทุกจุดในร่างกาย ทุกครั้งที่หัวใจของเจ้าเต้น...ทุกครั้งที่เลือดในร่างกายไหลเวียน ทุกครั้งที่กล้ามเนื้อของอวัยวะภายในต่างๆ ทำงาน...พวกมันคือคลื่นที่สร้างแรงสั่นสะเทือนจากภายใน ดังนั้นการใช้พลังไร้รูปไม่ใช่การดึงเอาพลังที่กักเก็บจากส่วนใดส่วนหนึ่งในร่าง แต่เป็นการดึงเอาพลังจากทุกส่วน”
เซียงรื่อขมวดคิ้วเข้าหากัน อวิ๋นซูใช้คำอธิบายให้มันฟังดูง่าย แต่ในเชิงปฏิบัติจริงน่าจะยากพอตัว
สีหน้าปั้นยากของหญิงสาวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ การแสดงออกดังกล่าวส่งผลให้ดวงตาสีแดงมองเธอด้วยแววตาที่เป็นมิตรมากขึ้นกว่าเดิม
“เจ้าลองหลับตาลงแล้วเพ่งสมาธิไปยังทุกการเคลื่อนไหวภายในร่างกายของตนเอง กำหนดจิตเพื่อหาคลื่นที่สั่นสะเทือนเหล่านั้น” น้ำเสียงนุ่มนวลจากเจ้าของใบหน้างามพริ้มทำเอาเซียงรื่อถึงกับหลงลืมความเคร่งเครียดไปชั่วขณะ
เธอลองหลับตาลงตามที่เขาว่า หลังจากสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ก็เพ่งสมาธิไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นปลายเท้า ท้อง หัวใจ แขน ปลายนิ้วและลำคอ
ทว่าเซียงรื่อยังคงจับพลังงานเหล่านั้นไม่ได้...
“ไม่ต้องใจร้อน ค่อยๆ ปล่อยพลังของเจ้าออกมา หากเจ้าไม่สามารถกะพลังที่ต้องใช้กับคนที่เจ้าต้องการรักษาได้...ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจเลวร้ายมากกว่าดี จากที่อยากช่วยเขาก็อาจกลายเป็นการฆ่าเขาแทน”
ดวงตาสีม่วงสวยลืมขึ้นมาทันควัน “ตกลงเจ้าต้องการพูดให้ข้าผ่อนคลายหรือกดดันกว่าเดิมกันแน่”
เขาไม่ตอบคำถามของเธอแต่กลับพูดอีกอย่างหนึ่งแทน “หลับตาแล้วลองดูใหม่”
“อืม” เซียงรื่อหลับตาลงอีกครั้ง จากเดิมที่ก่อนหน้าเพ่งสมาธิไปยังอวัยวะต่างๆ ในร่างเปลี่ยนมาโฟกัสเพียงแค่จุดเดียว
หัวใจ...
เพราะแรงเต้นของหัวใจเป็นคลื่นความถี่ในร่างกายที่ดังที่สุดที่เธอนึกได้
ตึกตัก...ตึกตัก...
สมาธิของเซียงรื่อเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้เสียงที่ดังก้องอยู่ภายในอก ก่อนที่มันจะแผ่ขยายจนเธอสัมผัสได้ถึงโลหิตที่ถูกสูบฉีดออกมาเข้าสู่เส้นเลือดและส่งไปยังอวัยวะอื่นๆ ภายในร่างกาย
ความถี่ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนตัวของเม็ดเลือดทำให้เธอรับรู้ถึงความมหัศจรรย์ของร่างกายที่เธอมาอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันหญิงสาวก็พยายามดึงเอาพลังที่บริสุทธิ์เหล่านั้นไปยังฝ่ามือของตนเอง
สีหน้าของชายหนุ่มที่มองดูหญิงสาวแปรเปลี่ยนเมื่อพบว่าเรือนผมสีชมพูสลวยเริ่มปลิวสะบัดดุจเกลียวคลื่น แสงตะวันที่สาดส่องลงมาทำให้มันเปล่งประกายระยิบระยับงดงามจับตา ครั้นเซียงรื่อลืมตาขึ้น ดวงตาสีม่วงสดก็เรืองแสงจ้าและเปี่ยมไปด้วยพลัง ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
อีกฝ่ายเป็นเพียงวิญญาณผ่านทางแต่กลับสามารถเรียนรู้และดึงพลังในร่างของท่านเจ้าเมืองออกมาได้อย่างรวดเร็ว และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางทำได้ จนเขาอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่านางเป็นใครมาจากไหนกันแน่
“ข้าคิดว่าข้าพอเข้าใจแล้ว” เสียงเล็กของเซียงรื่อดึงสติของผู้ที่เหม่อลอยให้กลับคืนมา
“ถ้าอย่างนั้นเรามาลองทดสอบดู” อวิ๋นซูสะบัดข้อมือข้างขวาหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นเล็บสีดำตรงมือข้างดังกล่าวก็งอกยาวออกมาดุจกรงเล็บ เขาขยับมือกรีดเล็บยาวเข้าที่แขนอีกฝั่งหนึ่งของตนเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็ยื่นแขนที่มีโลหิตไหลเป็นทางมาตรงหน้าเธอ
เซียงรื่อกะพริบตามองเขา ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะยอมลงทุนทำร้ายตนเองเพื่อให้เธอทดลองรักษา...มันช่างขัดกับภาพลักษณ์บุรุษที่ดูจองหองไร้ความเป็นมิตรก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
“เจ้าพูดว่าหากข้าทำพลาดก็อาจถึงตายได้ไม่ใช่หรือ”
อวิ๋นซูเค้นยิ้มมุมปาก “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ปล่อยให้ข้าตายหรอก”
“มั่นใจ?”
“แน่นอน” เขายืนกรานด้วยสีหน้าจริงจัง “ถึงแม้ข้าจะเพิ่งรู้จักเจ้าได้แค่สองวัน แต่ข้าก็ดูออกว่าคนอย่างเจ้าคงไม่มีทางปล่อยให้ใครตายต่อหน้า”
“...”
“เพราะเจ้ามันคนใจเสาะ”
“เจ้านี่มัน!” เซียงรื่ออยากจะด่าอวิ๋นซูฉาดหนึ่ง โมโหตนเองที่เมื่อครู่นี้เกือบหลงซึ้งใจไปกับคำพูดของเขาอยู่แล้วเชียว
การฝึกใช้พลังไร้รูปของพวกเธอจบลงภายในเวลาหนึ่งชั่วยาม เซียงรื่อรู้ตัวดีว่าเธอยังขาดประสบการณ์และยังต้องผ่านการฝึกฝนอีกสักพัก ทว่านี่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เธอเห็นแสงแห่งความหวังเปล่งประกายอยู่ที่ปลายอุโมงค์จึงทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษแม้จะไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน
จนกระทั่งเสียงของใครคนหนึ่งดังส่งท้ายขึ้นมาโดยไม่ได้ร้องขอ
“คืนนี้อาการของเจ้าคงรุนแรงกว่าคืนที่ผ่านมา เรื่องนี้ต่อให้เจ้าดื้อแพ่งอย่างไรก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาได้อยู่ดี เจ้าคงไม่โง่ถึงขั้นคิดไม่ได้หรอกใช่หรือไม่”
เซียงรื่อกำหมัดพลางก้มหน้ามองต่ำ แม้จะรู้สึกต่อต้านกับเรื่องนี้ แต่ในใจลึกๆ เธอเองก็รู้ดีว่าเธอคงต้องร่วมหลับนอนกับบุรุษด้วยร่างของท่านเจ้าเมืองไม่วันใดก็วันหนึ่ง ขนาดเมื่อคืนเธอไม่ได้ใช้พลังไร้รูปรักษาผู้ใด ร่างกายของท่านเจ้าเมืองยังมีความกระหายอยากถึงเพียงนั้น คาดว่าหลังจากนี้มันคงทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
อาการขนลุกซู่ส่งผลให้ผู้คิดเอามือลูบแขนตนเอง แต่เพราะเธอมันแป็นคนมีทิฐิและหยิ่งในศักดิ์ศรี เธอจึงไม่อยากเอ่ยปากยอมรับสิ่งที่เขาพูดออกมาง่ายๆ
และถ้าเธอต้องมีอะไรกับใครจริง อย่างน้อยเธอก็อยากให้มันเกิดขึ้นจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่การขู่เข็ญบังคับ
“เฮ้อ...น่าปวดหัวจริงๆ”
หากเมื่อก่อนเธอเป็นประเภทสาววันไนท์สแตนด์ก็คงไม่ต้องมาคิดมากแบบนี้
[1] 1 ลี้ มีค่าประมาณ 500 เมตร