EP. 04
ที่หน้าพอพัก พิรามาดักรอชายหนุ่มอย่างห่วงใยหลังทราบข่าวว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อน ทันทีที่เห็นวรัทกับกณธีหล่อนจึงโผเข้าไปหาอย่างทันที
“วรัท กณธี เป็นอย่างไรบ้าง”
“ยายแพรว ทำไมไม่หลับไม่นอน” กณธีว่าเพื่อนสาว “มาดักรอผู้ชายค่ำๆ มืดๆ มันอันตรายนะ”
“ฉันมารอเพื่อนแล้วตรงนี้ก็อยู่หน้ากล้องวงจรปิดกับใกล้ตู้ยาม ฉันไม่กลัวหรอกนะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แพรวเธอก็รู้ว่ามันอันตราย น่าจะอยู่รอที่ห้อง ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยมาหาก็ได้” วรัทมองเพื่อนสาวอย่างเป็นห่วง หอพักของพิราถึงแม้จะอยู่ใกล้ๆ กัน แต่กลางค่ำกลางคืนแบบนี้ พิราเป็นผู้หญิงไม่สมควรออกมาอยู่แถวนี้เพื่อล่อเสื้อล่อตะเข้
“ก็ฉันเป็นห่วงเธอนี่ เป็นอย่างไรบ้างวรัท กณธี เจ็บตรงไหนบ้าง”
“พวกฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก ได้แผลนิดหน่อย เท่านี้สบายมากจ้ะ” กณธีทำท่าเบ่งกล้ามโชว์เพื่อนสาว
“มามะ มาให้ฉันทำแผลให้...”
“ขอบคุณนะแพรว ฉันทำแผลกันมาแล้วล่ะ ตอนนี้โอเคแล้ว เธอกลับห้องไปพักผ่อนนะ ไปไอ้ธี ไปส่งแพรวกัน”
“เอาอีกแล้วตู ต้องเดินย้อนไปอีกแล้ว...” กณธีบ่นพลางเกาหัว โดยมีสายตาพิฆาตมองมาจากพิราสาวสวยตาดุ
“บ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่ได้ พรุ่งนี้ฉันไม่เลี้ยงข้าวนายนะกณธี”
“จ้ะ...คุณแม่...”
กณธีหยุดบ่นลงแค่นั้น โดยมีเสียงหัวเราะมาจากวรัทและพิรา ทั้งสองชายหนุ่มหญิงสาวลอบสบตากัน วรัทสัมผัสรู้ สายตาของพิรายามมองมาที่เขาเป็นสายตาแห่งความรักและความห่วงใย ห่วงชนิดที่ว่าหล่อนยอมทุกอย่างเพื่อจะให้เขาที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดมีความสุขได้
ส่วนหนึ่งวรัทยังขนลุก เขาไม่คิดว่าหญิงสาวที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติ จะกล้าขัดใจบิดามารดาเลือกเรียนในสถานที่เดียวกับเพื่อนสนิทอย่างเขาและกณธี
ความคิดความรู้สึกของพิรานั้นช่างลึกล้ำจนเขานั้นยังหวั่นกลัว...หวั่นไหวซึ่งอารมณ์ที่อาจจะคล้อยตามความรู้สึกของพิราในวันใดวันหนึ่ง เพราะสำหรับเขา พิราเป็นแค่เพื่อนสนิท เพื่อนที่เรียกว่ามิตรภาพไม่ใช่ลึกซึ้งถึงขั้นใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะคนรักหรือคู่ครอง
แต่นั่นชายหนุ่มกลับเลือกที่จะเก็บมันให้ลึกสุดใจ หากว่าวันใดเปิดเผยให้พิรารู้ หล่อนจะเสียใจและนั่นอาจจะเป็นสิ่งทำลายมิตรภาพระหว่างเขากับสตรีสาวคนนี้ได้
คืนที่สองของการเตรียมตัวสอบปลายภาค เสียงเคาะประตูห้องเป็นจังหวะสัญญาณ วรัทเป็นฝ่ายเปิดประตูออกมาดู ก่อนจะพบพี่เบส รุ่นพี่ในหอพักที่เป็นชายหนุ่มอารมณ์ดีเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นตัวเต็งของคณะในเรื่องปฏิภาณไหวพริบและความรู้ระดับเกียรตินิยม ยืนถือขวดสุรามียี่ห้อแล้วยิ้มแปล้
“ว่ายังไงไอ้น้อง อ่านหนังสือกันไปถึงไหนแล้ว” พี่เบสเยี่ยมหน้าเข้าไปมองในห้องเห็นกณธีกำลังอ่านหนังสือจึงพยักหน้าทักทายแล้วว่าต่อ “วันนี้พี่จะมาฉลองกับน้องๆ”
“ฉลองอะไรกันครับ นี่ยังสอบไม่เสร็จสักหน่อย”
“ก็ฉลองล่วงหน้าอย่างไรล่ะ” พี่เบสเข้ามาคล้องคอวรัทแล้วดันเด็กหนุ่มเข้าห้องทั้งขวดสุราในมือ “มามะ มาฉลองกันก่อนอ่านหนังสือ”
เข้ามาในห้องได้ก็เดินไปหยิบแก้วจากมุมข้างตู้เย็น จัดการรินใส่แก้วแล้วเป็นฝ่ายยื่นให้กณธีก่อนใคร
“อ่ะ รับไปจิบสิ จิบเหล้าจิบเบียร์แล้วอ่านหนังสือไปด้วย มันโคตรฟินเลยนะน้อง”
“อย่าดีกว่าครับ” วรัทดันมือของรุ่นพี่ออก “เดี๋ยวก็พาลไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี”
“โอ้ย...หนังสือน่ะ เดี๋ยวค่อยอ่านก็ได้” พี่เบสทำหน้ายุ่งๆ แล้วส่งแก้วให้กับกณธีอีกครั้ง ขณะอีกฝ่ายคว้าหมับแล้วกรอกใส่ปากไปอย่างรวดเร็วจนวรัทร้องห้ามแทบไม่ทัน
“เห็นไหม กณธีดื่มไปแล้ว อะ คราวนี้ก็พ่อหนุ่มรูปหล่อขวัญใจสาวๆ”
“ผมยังไม่อยากกินครับพี่ เอาไว้หลังสอบก่อนดีไหม”
“ไม่ได้ มันเป็นธรรมเนียมของหอนี้ นายไม่กินถือว่าเป็นแกะดำ นี่พี่ไล่แจกมาตั้งแต่ห้องแรกเลยนะ ใครไม่กินถือว่าไม่นับถือกันเป็นพี่เป็นน้อง”
“แก้วเดียวนะพี่...” วรัททำหน้ายุ่งแล้วรับแก้วมาถือ “เกิดเมาขึ้นมา ผมก็ไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี”
“อ่านทำไมน่ะหนังสือ ตอนเรียนแค่ทำความเข้าใจก็พอแล้ว” พี่เบสซึ่งเวลานี้หน้าแดงไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอร์ว่าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “พี่จะบอกเทคนิคการทำข้อสอบให้ แต่นายจะต้องดื่มแก้วนั้นก่อน”
วรัททำหน้าปั้นยาก มองแก้วสุราในมือ ชั่งใจอยู่นานก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันเข้าปาก ทำหน้ายู่แล้วรีบคว้าแก้วน้ำขึ้นดื่มไล่น้ำรสเฝื่อนลงคอไปโดยเร็ว ขณะพี่เบสหัวเราะอยู่ไม่ห่าง
“คอบางนี่หว่า” พี่เบสว่าแล้วรินลงแก้วของวรัทอีกครั้ง “อย่างนี้ต้องเคลือบคอให้แข็งกว่านี้”
“พอก่อนครับพี่” เจ้าหนุ่มยกมือขึ้นปราม รับรู้ถึงฤทธิ์สุราที่มันแล่นลงคอผ่านไปยังกระเพาะอาหารจนร้อนวูบวาบ “ขอบคุณนะครับ”
“พวกเอ็งเป็นน้องๆ ของพี่ จะขอบคุณกันทำไม จำเอาไว้ปีหน้าจะต้องสอนน้องๆ ให้รู้จักธรรมเนียมนี้ ไม่งั้นวันใดถ้าฉันหรือรุ่นพี่คนอื่นรู้ มีอันตัดพี่ตัดน้องกัน อะ...อีกคนละแก้ว”
กณธีรับแก้วจากพี่เบสมากรอกใส่ปากแล้วทำหน้านิ่ว ขณะวรัทยังชั่งใจไม่กล้าดื่มแก้วต่อไป
“นิดหน่อยเองก็กินไปเหอะ ธรรมเนียมของหอพักนี่เราต้องรักษาเอาไว้นะ อะ...รีบๆ ซด พี่จะได้ไปห้องอื่นต่อ”
เจ้าหนุ่มหน้าอ่อนตัดสินใจกรอกเข้าปาก หมายใจให้มันสิ้นเรื่อง ก่อนจะขอบคุณรุ่นพี่ ขณะพี่เบสตบไหล่เขาไปหลายทีพลางหัวเราะร่า ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“เอาล่ะ เทคนิคในการอ่านหนังสือและทำข้อสอบให้ได้ก็คือ...หนังสือตอนใกล้สอบน่ะไม่ต้องอ่านหรอก อ่านไปก็เสียเวลาไปเปล่าๆ ทำตัวให้สบาย ทำสมองให้โปร่งๆ อย่าตื่นเต้นในตอนทำข้อสอบก็พอ ตอนเรียนพวกเอ็งต้องทำความเข้าใจกับมันให้ได้ เมื่อถึงตอนสอบมันจะคิดออกเองแหละ แค่นี้แหละเทคนิคของฉัน ไปก่อนนะ ไว้จะมาทักทายอีก”
พี่เบสโบกมือแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับขวดสุรา ขณะทั้งวรัทและกณธีมองหน้ากันด้วยใบหน้าเหลอหลา
“อะไรวะ มาแค่เนี้ยะ”
“เกือบเมาว่ะธี มึนๆ แล้วเนี่ย”
“นายน่ะคออ่อนวรัท หัดกินบ่อยๆ สิวะ จะได้ไม่เมา”
“ใครจะเหมือนนายล่ะกณธี เอ้า....อ่านหนังสือกันต่อ...” วรัทเดินไปปิดประตูแล้วกลับมาจะนั่งอ่านหนังสือต่อ ทว่าเขากลับฉุดคิดตามคำของพี่เบสที่พูดไปเมื่อสักครู่
“เออ...สิ่งที่พี่เบสว่ามันก็ถูกนะ อ่านหนังสือมันก็เหมือนตอนเรียนทุกตัว ฉันเข้าใจหมดแล้ว อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ชักจะเบลอๆ”
“นายน่ะเมา ไปอาบน้ำไป้...”
กณธีว่าแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ ขณะวรัทหัวเราะร่าแล้วพ่นลมปากใส่หน้าเพื่อนจนกณธีโวยลั่น...
“ไอ้บ้า เหม็นวุ้ย ไปไกลๆ เลย”