หลายวันมานี้ที่จวนหย่งเลี่ยงโหวกลับมีแขกมากอำนาจมาเยือนแทบจะทุกวัน ซึ่งจะเป็นผู้ใดไปมิได้นอกจากเยี่ยฮองเฮานั่นเองเพราะพี่น้องบิดามารดาเดียวกันมีเพียงพระนางกับเยี่ยหย่งชุนแล้วบัดนี้อีกฝ่ายจะตายหรืออยู่มิแน่ชัดย่อมทำให้เยี่ยฮองเฮากังวลอย่างยิ่งจึงต้องมาดูอาการให้เห็นกับตาทุกวันเช่นนี้
“ท่านหมอหลวงโจวนี่ก็หกวันแล้วอาการขอหย่งเอ๋อร์ที่แท้เป็นเช่นไรกันแน่ท่านกล่าวความจริงมาเถิดเปิ่นกงยอมรับได้ทุกสิ่ง”
ท่านหัวหน้าหมอหลวงโจวได้ฟังคำถามจากสตรีสูงศักดิ์ที่สุดแห่งต้าหยวนก็ถึงกับเผลอยกแขนเสื้อขึ้นมาซับเหงื่อเพราะคำว่า’ ยอมรับได้ทุกสิ่ง’ นี้เกรงว่าจะต้องเป็นทุกสิ่งที่ดีไม่ใช่ว่าทุกสิ่งในด้านร้ายอย่างแน่นอนที่เขาจะกล่าวออกจากปากไปได้
“กราบทูลฮองเฮาอาการของท่านโหวนั้นบาดเจ็บมิธรรมดาเลยพ่ะย่ะค่ะหกวันที่เขาทนต่อพิษบาดแผลไหวก็นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว”
เพราะการตกจากที่สูงระดับนั้นต่อให้มีวรยุทธ์สูงส่งถึงขั้นเก้าก็มิใช่จะรอดโดยง่ายแล้วเยี่ยหย่งชุนนั้นเขามีเพียงขั้นเจ็ดย่อมสาหัสไปทางไม่รอดเสียมากกว่าจะรอด ก็กระดูกหักแทบทั้งร่างยังดีที่ไม่มีส่วนใดหักไปทิ่มอวัยวะภายในหาไม่ผ่านพ้นหนึ่งคืนก็คงยากแล้ว
ได้ฟังเช่นนั้นสตรีสูงศักดิ์ก็เคร่งเครียดอย่างไม่ค่อยได้บังเกิดขึ้นบ่อยครั้งหากจำไม่ผิดก็คงเป็นเมื่อหลายหนาวก่อนที่เยี่ยหย่งชุนเอาแผนหลังรับคมดาบของมือสังหารปกป้องไท่จื่อจ้าวอี้เฉินจนต้องถูกพิษร้ายของงูเขียวหางไหม้จนต้องกลายเป็นคนมีเส้นผมสีเงินมีดวงตาสีมรกตเช่นทุกวัน
“หย่งเอ๋อร์ครั้งนั้นเจ้ายังผ่านมาได้คราวนี้เจ้าก็ต้องรอดปลอดภัยนะ ท่านพ่อ ท่านแม่ คุ้มครองน้องเล็กด้วยเถิด”
หลังจากกลับถึงตำหนักเยี่ยฮองเฮาก็เข้าหอพระสวดมนต์ขอพรให้น้องชายคนเล็กอยู่รอดปลอดภัยทันที จากนั้นก็ทรงเรียกหารองหัวหน้าองครักษ์ซุนจื่อให้เร่งเข้าเฝ้ารายงานความจริงทุกสิ่งให้ทราบทันที
“หมายความว่าอย่างไรเจ้าเร่งกล่าวมาให้จัดเจนซุนจื่ออันใดคือลู่ถิงจือนั้นกำลังตั้งครรภ์? !”
เพราะนางไม่คิดว่าคนแซ่ลู่จะห้าวหาญขวัญกล้าถึงขนาด’ ย้อมแมว’ คิดส่งหญิงมีครรภ์มาให้ตบแต่งกับหย่งเลี่ยงโหวเช่นนี้
“กราบทูลฮองเฮาเมื่อแปดวันก่อนจู่ๆ คุณหนูลู่คนพี่นางก็ส่งสาวใช้ฝากจดหมายมาถึงท่านโหวพ่ะย่ะค่ะ”
ซุนจื่อเล่าไปตามที่ตนเองทราบมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นตอนที่แอบซุ่มดูก่อนที่องค์ชายรองและองค์ชายเก้าจะเปิดเผยตัวออกมาไปจนถึงตอนที่เยี่ยหย่งชุนเห็นว่าเหตุการณ์จะบานปลายจนเกินควบคุมแล้วความลับแสนอัปยศเปิดเผยออกไปให้คนภายนอกรู้แจ้ง พอฟังจบลงใบหน้างดงามของเยี่ยฮองเฮาก็ดำมืดยิ่งกว่าก้นหมอตบโต๊ะดังปังใหญ่จนเหล่านางกำนัลขันทีล้วนหวาดผวา
“บิดามันตาย!...กล้าดีเช่นไรถึงมารังแกหย่งเอ๋อร์ของข้าเช่นนี้ หวงกงกงไปแจ้งฮ่องเต้ว่าราตรีนี้ข้าจะไปถวายงานด้วยตนเองมิต้องส่งพระสนมนางใดเข้าไปอีก”
...หึ!...ถึงนางจะเฉียดวัยสี่สิบห้าหนาวแต่เรื่องถวายงานพระสวามีล้วนมิเคยเป็นรองเหล่าพระสนมสาวแส้ยิ่งความสัมพันธ์ทางใจย่อมมีมากกว่ากุ้ยเฟยกับเต๋อเฟยและซูเฟยมารดาของเจ้าพวกเด็กเดนนรกทั้งสามที่บังอาจเอาชีวิตแต่งงานของน้องชายของนางมาเล่นสนุกจนเยี่ยหย่งชุนแทบเอาชีวิตไม่รอดเช่นนี้
“แล้วเจ้าสืบทราบดีแล้วหรือไม่ว่าลู่ชิงเยี่ยนผู้นั้นนางมีส่วนรู้เห็นใจกับพี่สาวหรือไม่ แล้วฮูหยินกับตัวไท่เว่ยเอง”
จะเอาความผิดคนนางที่เป็นถึงมารดาของแผ่นดินจะซี้ซั้วตัดสินมิได้ จะลงดาบทั้งเหตุและผลจะต้องเพียบพร้อมมิใช่ฟังความแค่เพียงมุมเดียวเท่านั้น
“หกวันที่ผ่านมากระหม่อมตามสืบมาจนได้ความกระจ่างทั้งตัวไท่เวย ลู่ฮูหยิน จนถึงอนุภรรยารองและสี่รวมไปถึงคุณหนูลู่คนรองล้วนไม่ทราบการกระทำนอกลู่นอกทางของคุณหนูใหญ่ลู่มีเพียงสาวใช้ทั้งสองเท่านั้นที่ถูกใช้ไหว้วานคอยเป็นต้นทางและคอยนัดแนะให้นางและองค์ชายสามไปพลอดรักกันพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยฮองเฮาคิดทวบทวนอย่างละเอียดด้วยเหตุและผลไม่ใช้อารมณ์ก็คิดว่าน่าจะเป็นจริงดังนั้นเพราะคนเช่นลู่ไท่เว่ยมิใช่พวกโลภมากรักเงินทองมากกว่าหน้าตากับเกียรติยศถ้าเป็นตัวลู่ฮูหยินแต่เพียงผู้เดียวอาจจะมีความเป็นไปได้สักหกส่วน แต่คนขี้ขลาดเช่นนั้นจะให้คิดการใหญ่กล้าส่งเสริมบุตรสาวให้กำเริบเสิบสานมาหักหลังหย่งเลี่ยงโหวเห็นทีนางย่อมไม่กล้า
ก็มีเพียงเด็กสาวเช่นลู่ชิงเยี่ยนแล้วที่อาจคิดการใหญ่ใฝ่สูงจนอาจส่งเสริมพี่สาวเพื่อหวังว่าหากพี่สาวผิดไปจากเยี่ยหย่งชุนก็อาจเป็นนางที่จะได้เป็นเจ้าสาวแต่งงานแทนลู่ถิงจือ ซึ่งจะจริงหรือเท็จก็มีต้องสืบความให้ลึกลงไปอีกเท่านั้นเพราะใช่ว่าจะไม่มีเหตุการณ์คล้ายกันเช่นนี้ยิ่ง เด็กสาวผู้นั้นนางเป็นเพียงบุตรสาวอนุภรรยาคนที่สามแถมไม่มีมารดาคุ้มศีรษะมูลเหตุเลยพอจะมีให้นางสงสัย
“เช่นนั้นนับจากวันนี้ส่งคนของเจ้าตามสืบทุกสิ่งของลู่ชิงเยี่ยนอย่าให้คลาดสายตา ข้าจะต้องรู้แจ้งให้ได้ว่านอกจากพวกเด็กเจ้านรกเมินทั้งสามกับลู่ถิงจือแล้วลู่ชิงเยี่ยนนั้นมีส่วนร่วมรังแกหย่งเอ๋อร์ของข้าด้วยหรือไม่อ้อแล้วเรื่องลู่ถิงจือมีครรภ์พิสูจน์จนแน่นอนแล้วใช่หรือไม่ซุนจื่อ”
ถึงออกจะล่วงเกินคนตายมากไปสักหน่อยแต่เพื่อความยุติธรรมของตัวนางเองคงมีเพียงผ่าศพพิสูจน์กันให้รู้แจ้งไปเลยว่าลู่ถิงจือที่แท้นางตั้งครรภ์จริงหรือไม่”
“พิสูจน์แล้วพ่ะย่ะค่ะสัปเหร่อประจำสุสานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ผ่าแล้วนางอุ้มท้องได้สองเดือนจริงมิได้โกหกหวังจับองค์ชายสามแน่นอน”
มุมปากงามโค้งขึ้นอย่างพึงใจที่คนของน้องชายทำงานได้ละเอียดสมกับที่อยู่ข้างกายเยี่ยหย่งชุนมาถึงสิบเจ็ดฤดูหนาว “ดี! แล้วท่านหมอโจวนั้นเขาได้บอกหรือไม่ว่าสามารถตรวจจนทราบไปถึงบิดาแท้จริงของเด็กแน่ชัดได้”
ซุนจื่ออดจะนับถือเยี่ยฮองเฮาเสียมิได้ที่ทรงละเอียดรอบคอบคิดจนถี่ถ้วนเพียงเสี้ยวธุลีก็มิยอมให้ตกหล่นหลุดรอดสายตาไปได้
“เรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะท่านหมอหลวงโจวได้ตรวจสอบร่วมกับคณะหมอหลวงชั้นผู้ใหญ่อีกห้าท่านและบันทึกทุกความจริงทั้งหมดเอาไว้อย่างละเอียดแล้วส่งให้ท่านเจ้ากรมอาญารักษาไว้หนึ่งฉบับกับทางสำนักหมอหลวงเก็บเอาไว้เป็นต้นฉบับอีกหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยฮองเฮากล่าว’ ดี!’ ออกมาหนึ่งคำแล้วออกคำสั่งออกไปอีกสองสามประโยคจากนั้นก็โบกมือเป็นสัญญาณว่าให้อีกฝ่ายนั้นกลับไปดูแลหย่งเลี่ยงโหวต่อไป
“หวงกงกงเช่นไรเจ้าช่วยเป็นธุระตรวจสอบให้ข้าสักหน่อยเรื่องสินสอดของหย่งเลี่ยงโหวกับสกุลลู่ของลู่ไท่เว่ยนั้นมีจำนวนเท่าใดกันแน่”
ในช่วงก่อนหน้านี้นางไม่เคยสนใจเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์หรือสินสอดจะมากหรือน้อยล้วนไม่ใช่ใจหวังเพียงน้องชายคนเดียวเป็นฝั่งเป็นฝาล้วนพึงใจแล้วส่วนเงินทองจะเป็นของสกุลเยี่ยเองหรือของส่วนพระองค์ในยามนี้ล้วนมากล้นมิทุกข์ร้อนทั้งสิ้น
“มิต้องไปตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะกระหม่อมมีบันทึกพร้อมถวายให้ฮองเฮาทอดพระเนตรได้ไม่เกินอีกสองเค่อพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็อย่ารอช้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
แล้วสองเค่อไม่ขาดไม่เกินบันทึกรายการสินสอดก็มาอยู่ในมือของเยี่ยฮองเฮาเช่นที่หวงกงกงคุยโอ้อวดเอาไว้จริงเสียด้วย มือเรียวงามรับเอามาเปิดดูช้าๆ ซึ่งก็มิได้มีอันใดผิดปกติไปจากสินสอดทั่วไปของเจ้าสาวที่มาจากสกุลใหญ่เช่นคุณหนูของลู่ไท่เว่ยจนมาถึงจำนวนทองคำ...
“หนึ่งหมื่นชั่ง!”
ขนาดสินสอดของชาวราชวงศ์นางก็แน่ใจว่าน้อยคนนักที่จะเรียกหาทองคำถึงหนึ่งหมื่นชั่งเช่นนี้แล้วนี่เพียงคุณหนูใหญ่ของลู่ไท่เว่ยกลับเรียกทองคำหนึ่งรายการตั้งหมื่นชั่งช่างขูดเลือดขูดเนื้อมิธรรมดาจริงแท้
“นี่หากไม่เกิดเรื่องข้าก็คงไม่ทราบว่าลู่ฮูหยินนางขายบุตรสาวกินถึงเพียงนี้หึ! มิทราบได้ว่าเรียกสินสอดอภิมหาโหดเช่นนี้ส่วนนั้นของคุณหนูใหญ่ลู่ผู้นั้นล่อขึ้นรูปมาจากทองคำหรือไรจึงเรียกสินสอดหนึ่งรายการตั้งหนึ่งหมื่นชั่งหรือว่าส่วนลี้ลับคงหอมกว่าดอกหอมหมื่นลี้กระมังจึงต้องขายส่วนนั้นกิน”
หวงกงกงถึงกับกรีดนิ้วปิดปากหัวเราะอย่างมีจริตจะก้านเพราะถูกใจคำพูดจิกข่วนของเยี่ยฮองเฮาที่นานสักครั้งนางจึงกล่าวออกมาเช่นนี้
“เห็นทีจะมิหอมจริงนะพ่ะย่ะค่ะหาไม่เวลาไม่นานองค์ชายสามชื่นชมก็เบื่อหน่ายต่อให้นางตั้งครรภ์ก็มิอาจเหนี่ยวรั้งบุรุษที่ตนรักเอาไว้ได้เช่นนี้”
“ข้ากล่าวประชดเจ้าก็อย่าถือเป็นจริงไป แต่นี่แนะหวงกงกง ข้าจะบอกให้เอาบุญนะเผื่อว่าเจ้าจะไปอบรมเหล่านางกำนัลวัยใกล้ออกเรือนว่าเสน่ห์ของสตรีซึ่งจะผูกใจบุรุษได้มิใช่รูปโฉมงดงามเพียงอย่างเดียวนิสัยใจคอต้องดีด้วยดีใจที่นี่มิใช่ดีเพียงฉากหน้า ทว่ามันต้องดีมาจากภายใน ซึ่งความดีจากภายในนี้ต่อให้รูปโฉมสตรีนางนั้นแสนจะธรรมดาก็อาจจะทำให้บุรุษของพวกนางมองว่านางงดงามเกินใคร ตรงกันข้ามหากภายในใจของสตรีนางนั้นพื้นฐานมิใช่คนดีต่อให้รูปโฉมภายนอกงดงามจนล่มเมืองพอบุรุษเขารู้เช่นเห็นชาติความงามนั้นก็เลือนหายไปจนสิ้น”
เยี่ยฮองเฮานั้นไม่มีบุตรสาวมีเพียงน้องสาวต่างมารดาซึ่งก็ไม่ค่อยลงรอยกันนัก จึงอย่าหวังว่าจะมีหลานสาวมาให้เชยชมแต่นางมิได้เดือดร้อนมีบุตรชายเช่นไท่จื่อกับน้องชายคนเล็กอย่างเยี่ยหย่งชุนนางก็พึงใจแล้ว
“สมุดบันทึกนี้ข้าจะเก็บเอาไว้ก่อนรอหย่งเอ๋อร์ฟื้นจึงค่อยดำเนินการเรียกคืนสินสอดกลับมาทุกอีแปะแม้แต่เหวินเดียวข้าก็จะไม่อ่อนข้อให้”
เพราะหากวิวาห์นี้ล่มด้วยความผิดของเยี่ยหย่งชุนหรืออย่างน้อยลู่ถิงจือจะยินดีสารภาพความจริงยินยอมยุติสมรสก่อนสักสิบวันนางอาจเห็นใจหัวอกสตรีด้วยกันไม่เอาคืนสักเหวินก็ยังได้แต่นี่...น้องชายของนางจะอยู่หรือตายล้วนไม่แน่ชัดให้เมตตาหรือเป็นคนใจดีเท่าใดนางก็มีขอบเขตของตนเองเช่นกัน!