เสียงของบุรุษที่สี่ซึ่งดังขึ้นกลับทำให้อีกสามบุรุษสะดุ้งโหยงแล้วจึงค่อยแข็งค้างเพราะมิคาดว่าคนซึ่งพวกเขาหวังปั่นหัวรังแกเล่นเห็นเป็นสนุก เขาจะปรากฏกายที่แห่งนี้ด้วยสีหน้าสงบเยือกเย็นไม่พอกิริยาก้าวเดินมั่นคงแล้วช่วยประคองลู่ถิงจือให้ลุกขึ้นยืนมั่งคงอีกด้วย องค์ชายเก้าถึงกับเผลอถอยหลังไปหลายก้าวแล้วใช้พี่ชายคนรองเป็นโล่กำบังทันที
“พี่หย่งชุน...”
ถูกต้องแล้วที่เยี่ยหย่งชุนเขามาปรากฏกายที่แห่งนี้ได้ก็ล้วนเป็นแผนของนาง ถึงจะเหมือนนางร้ายกาจแต่สตรีเช่นนางที่กำลังอุ้มท้องก้อนแป้งจะใจกว้างมิได้เด็ดขาดแล้วทุกกิริยาและความจริงที่พุ่งแทงใจของนางเมื่อครู่ก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าที่ตนวางแผนให้เยี่ยหย่งชุนมาทราบความจริงเสียวันนี้นั้นถูกต้องอย่างยิ่งแล้ว
“อาลี่เจ้าเร่งไปตามคุณหนูรองเร็วเข้าดูแล้วคงจะเกิดเรื่องใหญ่เสียเป็นแน่”
เสี่ยวจางซึ่งเป็นสาวใช้คนสนิทของลู่ถิงจือบอกเสี่ยวลี่ให้เร่งไปตามนายคนรองเช่นคุณหนูลู่ชิงเยี่ยนมาโดยเร็วเนื่องจากเหตุการณ์เหล่านี้ดูจะไม่ธรรมดาแล้วเป็นแน่ ซึ่งยังดีว่าราวหนึ่งเค่อที่ผ่านมาลมฟ้าลมฝนเริ่มตั้งเค้าชาวบ้านที่มาอาศัยสวนแห่งนี้พักผ่อนจึงเร่งแยกย้ายกลับจวนใครจวนมันไปไม่น้อย คนดูชมเหตุการณ์อึมครึมในศาลาทรงแปดเหลี่ยมนี้เลยมีไม่มาก
“ว่าเช่นไรเล่าองค์ชายสามเด็กเขาก็เกิดมาแล้วพระองค์จะทรงมีใจอำมหิตออกคำสั่งปลิดชีพสายโลหิตของตนเองลงโดยง่ายเช่นนี้จริงหรือ”
เพราะเยี่ยหย่งชุนนอกจากจะมีตำแหน่งเป็นหย่งเลี่ยงโหวแล้วเขายังเป็นน้องชายคนเล็กของเยี่ยฮองเฮาอีกด้วยต่อให้องค์ชายทั้งสามไม่ไหว้หน้าตำแหน่งโหวแต่อำนาจบารมีของเยี่ยฮองเฮาพวกเขามิอาจเพิกเฉยไม่ยำเกรงไปได้
“ทรงเอาชีวิตคนถึงสองคนมาล้อเล่นหากเยี่ยฮองเฮาและฝ่าบาททรงทราบองค์ชายสามเกรงว่าจะรับโทสะคราวนี้ไม่ไหวเสียเป็นแน่”
ถึงเยี่ยหย่งชุนจะมากวัยกว่าองค์ชายทั้งสามนี้เพียงไม่เกินสี่หนาวแต่ความคิดความอ่านของคนที่เป็นแม่ทัพใหญ่ต้องปกครองคนเรือนแสนย่อมมีความคิดความอ่านที่เติบโตกว่าเหล่าองค์ชายโดยเฉพาะทั้งสามคนนี้ที่ถูกเหล่ามารดาตามใจจนเสียคนไปหมดแล้วอยู่หลายส่วน
ดังนั้นต่อให้วันนี้เขาโมโหลู่ถิงจือไม่น้อยที่หักหลังเขาแต่คำว่าเมตตากับอภัยที่พี่สาวคนโตกับท่านยายเคยสั่งสอนมาก็ทำให้เขาข่มโทสะลงไปจนสงบแล้วมาเจรจากับองค์ชายสามที่นับไปเขาก็คล้ายเป็นท่านน้าของจ้าวอู่ถงเช่นกันให้รู้แจ้งจะมาปัดสวะโดยมิรับผิดชอบแม้นแต่สายโลหิตตนเองมันจะใช้ได้ที่ใดกัน
“หย่งเลี่ยงโหวเกรงว่าท่านจะผิดแล้ว”
เพียงครู่จ้าวอู่ถงบุรุษวัยยี่สิบหนาวก็คืนสติแล้วคิดได้ว่าเขาคือองค์ชายพอครบวัยยี่สิบเอ็ดหนาวก็จะได้ขึ้นเป็นอ๋องผู้หนึ่งหากจะมีเรื่องด่างพร้อยกำหนดเวลาคงถูกเลื่อนออกไปเป็นอีกสี่หนาวเสียเป็นแน่แต่จะให้เขารับสตรีไร้ทรัพย์สินแถมบิดาของนางยังเป็นตาเฒ่าคร่ำครึที่ติดการพนันอีกด้วยผู้ใดจะไปรับไหวที่จะเกี่ยวดองให้ลู่ถิงจือนั้นมาเป็นพระชายาเอก
“ผิดเช่นไรเชิญองค์ชายสามชี้แนะ”
โทนน้ำเสียงนั้นยังคงนุ่มนวลแต่กลิ่นอายอำมหิตกลับลอยคละคลุ้งเพราะเช่นไรเยี่ยหย่งชุนก็คอยเป็นแม่ทัพเคียงข้างฮ่องเต้ร่วมรบทัพเผชิญสึกใหญ่ไปจนถึงปกป้องชายแดนฝั่งบูรพามาถึงแปดหนาวให้เขาสวมหนังกระต่ายแต่กลิ่นอายพยัคฆ์เกรงว่าจะเก็บได้ยากเย็นเมื่อเยี่ยหย่งชุนถูกลูบคมจากจ้าวอู่ถงและลู่ถิงจือในวันนี้
“หลักฐานย่อมมีหากจะกล่าวว่าข้าคือบิดาของบุตรในครรภ์นั้นหาไม่จะมากล่าวเลื่อนลอยคงยากแล้วอย่างได้ลืมนางคือคู่หมายของหย่งเลี่ยงโหว ย่อมต้องเป็นท่านมิใช่หรือที่จะเป็นบิดา หาไม่คุณหนูลู่ผู้นี้ต้องเป็นสตรีเช่นไรกันถึงมีครรภ์โดยมีบิดาของบุตรไม่แน่ชัด”
ใบหน้าของลูถิงจือแดงก่ำไปด้วยความอับอายเพราะจ้าวอู่ถงกล่าวเช่นนี้ก็มิต่างจากดึงเองนางไปตบหน้ากลางตลาดที่มีชาวบ้านนับพันนั้นได้ร่วมดูชมนี่หรือไม่คือบาปกรรมที่คืนสนองนางแล้วที่ไปทรยศคู่หมั้นคู่หมายแสนดีเช่นหย่งเลี่ยงโหวเยี่ยหย่งชุน
“องค์ชาย...ท่านกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร...ท่านกล้ากล่าวมันออกมาโดยไม่ละอายเช่นนี้ได้อย่างไร”
เรียวปากงามเอ่ยด้วยความสั่นระริกยิ่งกายอรชรนั้นกลับสั่นไหวไปด้วยโทสะยิ่งกว่าเพราะจ้าวอู่ถงนั้นกล่าวเช่นนี้ย่อมมีทางเดียวคือนางต้องอุ้มท้องจนครบสิบเดือนแล้วคลอดออกมาจึงพิสูจน์สายโลหิตได้ว่าเด็กคือบุตรของผู้ใดซึ่งแน่นอนนางมั่นใจว่าเลือดของบุตรในครรภ์ของนางมีบิดาเป็นจ้าวอู่ถงแต่...
อีกแปดเดือนที่นางต้องอุ้มท้องโดยไร้บิดาเล่านางจะผ่านมันไปเช่นไร เพราะแน่แท้เยี่ยหย่งชุนย่อมไม่มีทางยินดีแต่งงานกับสตรีเปื้อนราคะคาวเช่นนางเป็นแน่แล้วนางจะผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้เช่นไร
“เหตุใดต้องใช้ความกล้าหรือคุณหนูลู่ข้าเพียงกล่าวอ้างอิงไปตามเนื้อผ้า หากเจ้ากล่าวหาว่าเด็กในครรภ์มีข้าเป็นบิดาก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันจะกล่าวอ้างเลื่อนลอยข้าก็รู้สึกไม่ยุติธรรมเช่นกัน ถูกต้องหรือไม่พี่รองน้องเก้า”
เรื่องเช่นนี้กินในที่ลับนอกจากเขากับนางก็มีแต่คนของเขาและคนของลู่ถิงจือเช่นนี้ก็รู้แจ้งว่าผู้ใดนั้นได้เปรียบเพราะเขาเป็นถึงองค์ชายผู้หนึ่งการจะถูกคุณหนูผู้คิดการใหญ่สักนางกล่าวมิใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นกับเหล่าเชื้อพระวงศ์เช่นนี้เขายืนกระต่ายขาเดียวมั่นคงว่ามิใช่ผู้ใดจะมาทำอันใดเขาได้ต่อให้คนผู้นั้นเป็นน้องชายที่ฮองเฮาเอ็นดูฮ่องเต้โปรดปรานเช่นเยี่ยหย่งชุนเองก็ยากจะทำอันใดไปได้
“จ้าว...อู่...ถิง!”
แค้นจนจุกอกเป็นเช่นไรวันนี้ลู่ถิงจือนางเพิ่งซาบซึ้งเกิดมาสิบแปดปีนางเพิ่งรู้แจ้งว่าตนเองโง่เขลาเพียงใดต่อให้นางสูงส่ง ทว่าเมื่อเทียบกับองค์ชายผู้หนึ่งนางกลับต่ำต้อยกว่าธุลีดิน!
“เจ้าจะโมโหไปไยอีกเพียงแปดเดือนก็ค่อยมาพบกันอีกครั้งแล้วพิสูจน์ข้าเป็นบุรุษชาตินักรบกล่าวคำใดย่อมมิคืนคำ แต่ในวันนี้จะให้ข้ายอมรับเจ้ากับเด็กในครรภ์ให้ตายข้าคงยากจะยินดียอมรับ”
กล่าวแล้วทั้งองค์ชายรองและองค์ชายเก้าต่างก็ส่งเสียงอื้ออึงเห็นด้วย ใบหน้างดงามของลู่ถิงจือจึงซีดเซียวแทบคล้ายกระดาษเก่าหนึ่งแผ่น
“ธุระในวันนี้เห็นทีจะจบเพียงเท่านี้ เช่นไรก็...ยินดีด้วยนะหย่งเลี่ยงโหวที่มิทันตบแต่งท่านก็จะเป็นบิดาแล้ว...ขอตัวฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...”
ลู่ชิงเยี่ยนที่เพิ่งวิ่งสุดฝีเท้าจนลืมรักษากิริยามาดูพี่สาวตามที่สาวใช้เร่งไปตามนางมาจากอีกฟากของสวนแห่งนี้ มาทันเพียงได้เห็นแผ่นหลังของสามบุรุษและเสียงหัวเราะหยาบคายเท่านั้น
“พี่สาว...”
เด็กสาวตรงไปจับแขนกลมกลึงของลู่ถิงจือซึ่งก็พอดีกับคนมีครรภ์ซึ่งสะเทือนใจอย่างยิ่งหมดสติไปต่อให้ลู่ชิงเยี่ยนนางแข็งแรงแต่ให้รับร่างของคนหมดจะแน่นอนว่าไม่ไหวยังดีที่เยี่ยหย่งชุนนั้นเขากลับว่องไวจึงรับเอาทั้งสองกายมาอยู่ในอ้อมแขนได้ก่อนที่สองพี่น้องจะล้มศีรษะฟาดพื้นศาลาไปทั้งคู่
“ท่านโหวนี่มันเกิดอันใดขึ้น?”
พอจัดท่าทางให้คนหมดสติได้นอนหนุนตักแล้วเสี่ยวจางกับเสี่ยวลี่ช่วยกันพัดวีลู่ชิงเยี่ยนที่มาจนเหตุการณ์เลวร้ายผ่านไปแล้วเลยหันไปสอบถามเอากับว่าที่พี่เขยทันที
“คำถามเหล่านี้สมควรเป็นข้าที่ต้องถามไปถึงบิดาของพวกเจ้าว่าเพียงข้าไปไกลจากเมืองหลวงไม่ถึงสามเดือนกลับมาเจ้าสาวเช่นนางจึงอุ้มท้องเด็กอายุสองเดือนไปได้?”
ลู่ชิงเยี่ยนดวงตาเบิกโพลงกับข่าวใหม่ที่แสนจะกระชากขวัญของเด็กสาววัยเพียงสิบหกปีให้แตกกระเจิงหรือต่อให้บิดากับมารดาเลี้ยงทราบก็อาจสลบไปทันทีด้วยเสียขวัญมิต่างกัน ก็อีกเพียงห้าวันวิวาห์จะบังเกิดเจ้าสาวกลับตั้งครรภ์ทั้งที่เจ้าบ่าวเพิ่งกลับจากแดนไกลถึงพันลี้!
ให้เป็นคนโง่กว่าลาก็ยังรู้แจ้งว่าบิดาของเด็กน้อยในครรภ์นี้ย่อมมิใช่ว่าที่เจ้าบ่าวเป็นแน่แล้วนางที่ปัญญามิได้บกพร่องจะไม่แจ้งใจได้หรือ?
...งานนี้เจ้ารับไม่ไหวจริงแท้ชิงเยี่ยนเอ๊ย...
เด็กสาวรับรู้ได้ถึงเหงื่อกาฬมากมายที่หลั่งรินแน่แท้ว่ามิใช่นางวิ่งมาสุดฝีเท้าจึงได้เหงื่อแต่เพราะสองเดือนนี้บิดากับมารดาเลี้ยงยกหน้าที่ดูแลพี่สาวให้แก่นางมาโดยตลอดแล้วจู่ๆ ลู่ถิงจือก็ตั้งครรภ์โดยที่นางไม่รู้แจ้งผู้เป็นบิดาพูดไปจะมีใครเชื่อนาง
“พะ...พี่สาวตั้งครรภ์? ...ตั้งครรภ์กับผู้ใด แล้วตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน?”
เด็กสาวพึมพำโง่งมออกไป คิ้วสีเงินหนานั้นขมวดยุ่งเหยิงเมื่อจับใจความสิ่งที่กายเล็กนางเอ่ยถามคล้ายคนเสียสติออกมา
“กับผู้ใดข้าเองก็มิแจ้งใจเช่นเจ้าส่วนตั้งครรภ์ได้เช่นไรเด็กสาวยังไม่มีแม้นแต่แม่สื่อเดินเฉียดใกล้หน้าประตูจวนไท่เว่ยอย่างเจ้าอย่าอยากรู้จะดีกว่า”
คนกำลังแตกตื่นหันมองบุรุษเดียวตรงหน้าอย่างงงงันไม่เข้าใจนางก็เพียงอยากทราบว่าพี่สาวของนางตั้งครรภ์ได้เช่นไรแล้วมันไปเกี่ยวกับไร้แม่สื่อเดินเฉียดใกล้ประตูจวนไท่เว่ยที่ตรงใด หรือว่าที่อดีตพี่เขยของนางเขาเสียหน้าไม่พอยังจะเสียสติร่วมไปด้วยเสียแล้ว
“เข้าใจก็ดีไม่แจ้งใจเลยก็เรื่องของเจ้า แต่บัดนี้เกรงว่าฝนแรกคงใกล้จะตกแล้วหากพี่สาวของเจ้าฟื้นก็พากันกลับจวนไปเสีย ส่วนข้ายังมีธุระอื่นให้ต้องไปจัดการ ส่วนเรื่องที่พี่สาวของเจ้ามีครรภ์กลับถึงจวนก็ไปสารภาพกับบิดาของพวกเจ้าเสีย”
กล่าวจบเยี่ยหย่งชุนเขาก็ก้าวจากไปทิ้งเอาไว้เพียงความหนักใจของเด็กสาวผู้หนึ่งเช่นลู่ชิงเยี่ยนนั่งบื้อใบ้โง่งมจนลู่ถิงจือผู้เป็นพี่สาวฟื้นตื่นขึ้นมาได้นางนั้นจึงค่อยได้สติ ในใจก็ว้าวุ่นไปด้วยคำว่า’ ทำเช่นไรดี’ วนเวียนซ้ำซากนับหมื่นครั้งก็นางเพียงสิบหกปี
เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้มาตกใส่ศีรษะลู่ชิงเยี่ยนให้มากปัญญาก็พลันโง่งมกว่าลาไปในบัดดลเช่นกันก็อีกห้าวันงานสมรสจะบังเกิด ซึ่งหากงานนี้จะเล็กน้อยธรรมดานางล้วนมิลำบากใจแต่นี่บิดากับมารดาเลี้ยงเชิญแขกเสียเกือบครึ่งมหานครเชื่อเถิดหากปัญหาที่ว่าเจ้าบ่าวไม่ยินดีรับเอาพี่สาวที่มีครรภ์ (กับผู้ใดก็มิทราบ) เป็นเจ้าสาวงานสมรสจะบังเกิดได้อยู่หรือคำตอบมิต้องรอนานลู่ชิงเยี่ยนก็ทราบเดี๋ยวนั้น
...งานสมรสล่มสลายแล้ว...
ฝ่ายคนน้องเดินไปก็คิดไปดูเลื่อนลอยขาดสติทั้งที่ผู้คนรอบกายที่เดินผ่านล้วนเร่งรีบเพราะพายุฝนแรกกำลังจะมาเยือนมหานครเทียนเฉิง คนพี่เองก็มีสภาพมิแตกต่างส่วนสองสาวใช้เองก็ดูว้าวุ่นใจไม่น้อยเพราะจะถามหาผู้รู้เห็นเป็นใจให้คุณหนูลู่คนพี่หนีออกไปจากจวนช่วงค่ำคืนก็คือพวกนางเองเช่นนี้หากไม่ใช่ถูกโทษสาหัสพวกนางจะจะเผชิญกับรางวัลยิ่งใหญ่หรือไรกัน
สายลมเดือนหกกรรโชกรุนแรงเสียงท้องฟ้าคำรามกึกก้องกลับมิอาจกระชากสติของสตรีสี่นางที่กำลังเดินเอื่อยเฉื่อยไม่เกรงลมไม่กลัวฟ้าตรงกลับจวนไท่เว่ยในช่วงปลายยามเซิน ( ((*:shēn คือ 15.00 – 16.59 น.) )) สายลมรุนแรงปะทะใบหน้างามล่มปฐพีอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ลู่ถิงจือนางก็ยากจะหลุดพ้นออกมาจากกองทุกข์ตรมไปได้ อีกห้าวันพิธีสมรสยิ่งใหญ่อาจนับได้ว่าเป็นอันหนึ่งของปีนี้ นางที่มีวัยสิบแปดปียากจะคิดหนทางแก้ไขเพราะรู้แจ้งเป็นนางเองที่ทำทุกสิ่งล่มสลายฉีกหน้าฉีกศักดิ์ศรีของบิดาผู้เป็นขุนนางใหญ่ไม่พอยังฉีกกระชากศักดิ์ศรีของคุณหนูใหญ่บุตรของฮูหยินเอกที่นางภาคภูมิใจมานับตั้งแต่จำความได้
หากวันนี้นางไม่หลอกนัดแนะให้เยี่ยหย่งชุนมาร่วมรับรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์อาจจะพอเก็บงำรอให้สมรสยิ่งใหญ่ผ่านไปก่อนจึงค่อยเฉลยความจริงคงพอเก็บเรื่องน่าละอายนี้ไปได้อยู่บ้าง ทว่านี่...เป็นนางที่สิ้นคิดนำภัยร้ายนำความขายหน้าไม่จบมาไม่สิ้นมาสู่ตนเองและสกุลลู่ เพราะเช่นไรบุรุษเช่นเยี่ยหย่งชุนเขาคงไม่ยินดีแต่งกับนางอีกต่อไป
ตลอดมาสิบหกปีนางรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าน้องสาวที่เกิดจากอนุภรรยาเช่นลู่ชิงเยี่ยนมาตลอดถึงหลายครั้งนางจะริษยาอีกฝ่ายที่สามารถเล่นซุกซนตามใจตนเองได้ ส่วนนางนับจากสี่หนาวก็ต้องถูกมารดาเข้มงวดให้ศึกษาวิชาการเรือนและกฎเกณฑ์มากมายของคุณหนูที่กำเนิดจากฮูหยินเอกมีหน้าที่ยิ่งใหญ่รออยู่ แต่พอคิดว่าตนเองเหนือกว่าที่เกิดก่อน เหนือกว่าที่มีมารดาเป็นฮูหยินเอก ยิ่งเติบโตรูปโฉมของนางงดงามกว่าลู่ถิงจือก็ยิ่งทระนงตนว่าเหนือกว่าน้องสาวผู้ที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้า
แต่เหตุการณ์กำลังจะเปลี่ยนไป นางไม่โง่จนคิดไม่ได้ว่าสมรสคงยากจะล้มที่ทำได้คงมีเพียงหาเจ้าสาวมาแทนที่ตนและสตรีนางนั้นจะเป็นผู้ใดไปได้หากมิใช่ลู่ชิงเยี่ยนผู้เป็นคุณหนูรอง เพราะคุณหนูสามนั้นวัยยังเพียงหกหนาวย่อมมาทำหน้าที่แทนนางมิได้
เพราะเติบโตมากับบิดานางจึงรู้แจ้งคนเช่นลู่จิ่วซานเสียชีพไม่ยอมเสียหน้า แล้วนางที่สร้างเรื่องใหญ่เช่นนี้จะอยู่ต่อไปเช่นไรในจวนไท่เว่ย นางเองเคยอยู่อย่างเป็นหนึ่งมาตลอดสิบแปดปี ต้องถูกลดเกียรติอาจจะต้องต่ำต้อยกว่าลูกอนุภรรยาของบิดา เพียงหลับตาลู่ถิงจือนางเห็นสภาพเรือนหลังเล็กก็ทนไม่ได้แล้ว
ยิ่งต้องอุ้มครรภ์ที่ไร้สามีพลันหูของนางก็แว่วเสียงซุบซิบนินทาอึงมี่ แล้วภาพใบหน้าผิดหวังของมารดาภาพใบหน้าเกรี้ยวกราดของบิดา กับแส้เส้นโตในมือที่มันเคยฟาดลงหลังของนางสาวในยามที่ลู่ชิงเยี่ยนนั้นได้ทำผิดแล้วนางนำเรื่องเหล่านั้นไปฟ้องจนลู่ไท่เว่ยบันดาลโทสะฟาดแส้เฆี่ยนตีเด็กสาวไปปรานีผุดขึ้นมาหลอกหลอนลู่ถิงจือนางก็ทนรับไม่ไหว
...นางยอมตายเสียดีกว่าที่จะต้องถูกบิดาเฆี่ยนตีต่อหน้าบ่าวในเรือน...