สี่ชั่วโมงต่อมา...
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงเรียกเข้าของมือถือที่ดังขึ้น ทำให้การสนทนาของสามหนุ่มหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“มือถือของพี่กรดังครับ”
“อ้าว...ของพี่เหรอ?” ธนากรที่ใบหน้าแดงก่ำนิดๆ รีบล้วงมือถือในกระเป๋ามากดรับสาย
“ฮัลโหล! พ่อเลี้ยงอยู่ไหนครับ”
“อยู่ที่เอื้องลานนา”
“อ้าว! แล้วพ่อเลี้ยงลงเครื่องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” สนธิถามอย่างมึนงงเพราะตนยืนรอที่ทางออกตั้งเกือบชั่วโมง ก็ไม่เห็นผู้เป็นนาย พอโทรหาอีกฝ่ายกลับบอกว่าอยู่ที่โรงแรมเอื้องลานนา(สาขาที่เชียงใหม่)
“เปล่า! ยังไม่ได้ขึ้นเครื่องต่างหาก” ธนากรกลอกตาราวกับคนที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าอะไรเป็นอะไร
“ฮ่าๆๆ / ฮ่าๆๆ” เพชรดนัยกับอีวานที่หน้าแดงก่ำไม่แพ้กันหัวเราะขึ้นอย่างชอบใจกับคำตอบของธนากร
เพชรดนัยดึงมือถือของรุ่นพี่คนสนิทมาคุยสายต่อ “พี่สนครับ พี่กรจะกลับเชียงใหม่พรุ่งนี้ครับ”
“คุณเพชร!” สนธิถึงบางอ้อทันใดที่รู้ว่าผู้เป็นนายอยู่กับใคร
“ใช่ครับ แค่นี้ก่อนนะครับ” เพชรดนัยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกดวางสายแล้วส่งคืน
“ดื่ม!” ธนากรยิ้มพร้อมกับชูแก้วขึ้นชนกับสองหนุ่ม
กริ๊ง!
“หมดแก้วครับ” อีวานที่เมากรึ่มๆ มีเนกไทพันรอบศีรษะ บอกก่อนจะยกแก้วขึ้นกระดก
“หมดแก้ว” เพชรดนัยยกขึ้นกระดกตาม พลางนึกไปถึงตอนแรกที่ชวนทั้งสองดื่ม แต่ละคนมีท่าทีกระอักกระอ่วน แล้วดูตอนนี้สิ! หมดวิสกี้ไปสามขวดแล้ว ยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกรา แถมยังมีแนวโน้มจะไปต่อกันที่คลับชั้นใต้ดินของโรคาซานเดอร์ แกรนด์ ที่อยู่ใกล้ๆ อีก
วันต่อมา...10:23 น.
ฟ้ารดานั่งรอขึ้นเครื่องอยู่ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิกับบรรดาเหล่าทีมงาน เพื่อจะบินไปถ่ายปกขึ้นนิตยสารญี่ปุ่น แบบกระทันหัน เพราะเจ้าของนิตยสาร M-Star ‘ลินิน พิสุทธิกรณ์’ โทร.มาขอร้องกับเธอโดยตรงเมื่อคืน ซึ่งเธอไม่สามารถเอ่ยปฏิเสธได้เพราะเป็นนิตยสารฉบับแรกที่ทำให้เธอโด่งดังและเป็นที่รู้จักในวงการ
คนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกพยายามต่อสายหาเพชรดนัย แต่อีกฝ่ายกลับปิดเครื่อง เธอจึงคิดว่าจะโทรหาเขาในตอนเช้าของอีกวัน แต่ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้
“น้องฟ้าโอเคหรือเปล่าคะ?” จีน่าเลขาส่วนตัวของลินินเอ่ยถาม เมื่อเห็นนางแบบสาวมีสีหน้าเป็นกังวล
“โอเคค่ะพี่จีน่า” ฟ้ารดาหันไปฉีกยิ้มให้บางๆ
“มันกระทันหันไปหน่อย ต้องขอโทษด้วยนะคะ” จีน่าบอกอย่างรู้สึกผิดนิดๆ ที่ดึงตัวสาวเจ้ามาร่วมปุบปับ
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฟ้ารดาบอกอย่างเข้าใจ เพราะทาง M-Star ถอดนางแบบโกอินเตอร์ออกกระทันหัน เลยทำให้หาคิวของนางแบบที่จะมาขึ้นปกได้ยาก “แล้วเราจะถ่ายทำกันประมาณกี่วันเหรอคะ”
“น่าจะสอง-สามวันค่ะ เดี๋ยวพี่จีน่าจะพาน้องฟ้าไปทานของอร่อยๆ รับรองจะต้องชอบแน่ๆ ค่ะ” จีน่าที่โดนสั่งมาให้เทคแคร์นางแบบสาว รีบบอกอย่างเอาใจ
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ฟ้ารดายกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างซาบซึ่งแต่ภายในใจกลับเอาแต่คิดถึงคนที่เธอยังติดต่อไม่ได้ ‘ตั้งสามวัน! แบบนี้พี่เพชรจะคิดว่าเราหลบเขาไหมนะ?’
“ทุกคนครับ! ได้เวลาขึ้นเครื่องครับ” เสียงของทีมงานชายเอ่ยขึ้น เมื่อถึงเวลาออกเดินทาง
“ไปค่ะน้องฟ้า” จีน่าเอ่ยชวน
“ค่ะ” ฟ้ารดาพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะลุกเดินตามทีมงานคนอื่นๆ ไปขึ้นเครื่อง ‘ช่างเถอะ! เดี๋ยวลงเครื่องเสร็จแล้วค่อยลองโทร. หา พี่เพชรอีกครั้งแล้วกัน’
11:20 น. Malichat Grand Hotel
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
คนที่กำลังหลับลืมตาขึ้นมองครู่หนึ่ง ก่อนจะควานหามือถือมากดรับสาย แล้วหลับตาลงอย่างรู้สึกง่วงนอน “ฮัลโหล...”
“อีวานนี่ลูกอยู่ไหนฮะ” ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
“ผมไม่ใช่อีวานครับ...นั่นใครพูด” เพชรดนัยถามอย่างรู้สึกมึนๆ งงๆ ‘ทำไมไม่โทรไปหาอีวานวะ โทรมาเข้าเครื่องเราทำไม?’
“อ้าว! แล้วนั่นใครรับสาย?” ปลายสายถามต่ออย่างตกใจ เมื่อรู้ว่าคนที่รับสายไม่ใช่บุตรชายของตน ‘หรือว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับอีวาน’
เพชรดนัยถอนหายใจก่อนจะเอ่ยตอบ “ผมคารอสครับ”
“เพชร! อีวานอยู่ไหน” อีธานรู้สึกโล่งใจนิดๆ ที่รู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของบุตรชาย
“ลุงอีธาน!” เพชรดนัยตื่นเต็มตาทันทีทันใด เมื่อรู้ว่ากำลังคุยสายอยู่กับใคร ‘บ้าจริง! นี่ไม่ใช่มือถือของเราหรอกเหรอเนี่ย?’
คนที่เพิ่งจะได้สติก้มลงมองมือถืออย่างมึนงง ก่อนจะมองหาเจ้าของเครื่อง แต่ก็พบว่ามีแต่ตนเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้ “อะ...เอ่อ...ดะ...เดี๋ยวผมโทรกลับครับ”
“ได้! ลุงจะรอ” ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงตึงๆ ก่อนจะกดวาง
เพชรดนัยรีบลงจากเตียงแล้วตะโกนเรียกหาเพื่อนสนิทที่ดื่มด้วยกันเมื่อคืน “อีวาน! อีวาน! แกอยู่ไหน?”
“อื้อ...ฉันอยู่นี่...” เจ้าของชื่อขานรับด้วยน้ำเสียงรำคาญนิดๆ
เพชรดนัยตาโต! รีบวิ่งไปตามเสียงที่ดังแว่วมาจากห้องน้ำด้วย สีหน้าตื่นๆ และทันทีที่เปิดประตูเข้าไปด้านใน ก็เห็นเพื่อนสนิทนอนฟุบหน้าลงกับฝาชักโครก “ให้ตายสิ! อีวานตื่นเร็ว”
คนที่โดนเขย่าตัวไปมา ลืมตาขึ้นมองแว่บหนึ่ง ก่อนจะปัดแขนของอีกฝ่ายออกด้วยสีหน้าหงุดหงิด “กูจะนอน”
“พระเจ้า!” เพชรดนัยมองซีกหน้าของเพื่อน ที่แดงช้ำเป็นรอยพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าจะพูดให้ถูก มันคือรอยของฝารองชักโครกนั่นเอง “อะ...อีวาน พะ...พ่อนายโทรมา”
“บอกว่าตื่นแล้วฉันจะโทรกลับ” อีวานบอกพลางทำท่าจะล้มตัวลงนอนต่อ
“ไม่ได้! เพราะตอนนี้จะเที่ยงวันแล้ว” เพชรดนัยบอกพร้อมกับดึงแขนของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น
“อะ...อะไรนะ บ้าจริง! วันนี้ฉันต้องเข้าประชุมนี่” คนที่เพิ่งได้สติดีดตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“ใช่!” เพชรดนัยเอ่ยเสียงแผ่วเบาอย่างรู้สึกผิด ‘พระเจ้า! งานเข้าแล้วสิ’
“แล้วทำไมแกไม่ปลุกฉันตื่นให้เร็วกว่านี้วะ?” อีวานต่อว่าอย่างหัวเสีย
“ฉันก็เพิ่งตื่นตอนที่พ่อนายโทรมานี่แหละ”
“ให้ตายสิ! เพราะแกคนเดียวเลย ทำฉันเสียการเสียงานหมด อ๊ะ! แล้วพี่กรล่ะ พี่กรอยู่ไหน?”
“ไม่รู้สิ กลับไปแล้วมั้ง” เพชรดนัยยักไหล่อย่างไม่รู้ไม่ชี้ เพราะตื่นมาก็ไม่เห็นอีกฝ่าย
“แล้วแกกับฉันมาเปิดห้องนอนที่นี่ได้ยังไงวะ?” อีวานถามพลางหันไปมองรอบๆ ‘นี่มันโรงแรมโรคาซานเดอร์แกรนด์นี่’
“ไม่รู้เหมือนกัน จำไม่ได้ว่ะ” เพชรดนัยยกมือขึ้นคลึงที่ขมับไปมาเบาๆ ไม่รู้จะบอกอีกฝ่ายยังไงเรื่องรอยพระจันทร์เสี้ยวที่หน้า
“นี่เราจะออกโรงแรมไปในสภาพนี้เนี่ยนะ?” อีวานรีบติดกระดุมเสื้อมือไม้สั่น พลางรู้สึกว่าโชคดีที่ตื่นมาแล้วตนอยู่ในห้องน้ำ ถ้าหากว่าตื่นมาแล้วนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเดียวกับเพชรดนัยแล้วล่ะก็ เขาคงจะวิ่งไปกระโดดตึกตายเป็นแน่!
“ที่นี่มีทางเข้าออกลับ” เพชรดนัยบอกให้อีกฝ่ายคลายกังวล
“ฉันต้องกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโด” อีวานบอกพร้อมกับสะบัดหัวไปมาสอง-สามครั้ง เพราะรู้สึกปวดเหมือนเส้นเลือดฝอยจะแตก
“ฉันว่าแกโทรหาลุงอีธานก่อนดีกว่ามั้ง” เพชรดนัยบอกเรื่องที่สำคัญกว่า
อีวานกลอกตาอย่างรู้สึกเพลียๆ เมื่อได้ยินชื่อของบิดา “ส่งมือถือมาสิ”
เพชรดนัยส่งมือถือให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินกลับเข้าไปที่เตียงเพื่อหามือถือของตัวเอง “บ้าจริง! ป่านนี้น้องฟ้าไม่รอเก้อแล้วเหรอวะ”
สองนาทีต่อมา...หลังจากที่อีวานต่อเคลียร์กับบิดาเสร็จก็ถึงกับตกใจ ที่พอหันไปมองกระจกตรงอ่างล้างมือ แล้วเห็นรอยช้ำแดงๆ บนใบหน้า จึงวิ่งออกไปถามคนที่น่าจะรู้ที่ไปที่มา
“ไอ้เพชร! ไอ้เพชร!” อีวานตะโกนเรียกหาเพราะไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในห้อง
คนที่ก้มลงมองหามือถือที่ใต้เตียง ยันตัวลุกขึ้นมาตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “อะไรวะ อยู่กันแค่นี้ แกจะเสียงดังทำไม”
“น่ะ...หน้าฉันไปโดนอะไรมา” อีวานถามอย่างร้อนใจ
“ก็แกนอนที่ไหนล่ะอีวาน” เพชรดนัยกลอกตาพร้อมกับถอนหายอย่างรู้สึกเพลียๆ
“ที่ห้องน้ำ...อ๊ะ! นี่คงไม่ใช่รอย...”
“ใช่! ฉันจะบอกแกตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่กลัวแกรับไม่ได้”
“ให้ตายสิ! ทำไมเมื่อคืนแกไม่พาฉันไปนอนที่เตียงหรือว่าที่โซฟาวะ ทำไมปล่อยให้ฉันนอนในห้องน้ำ แล้วแบบนี้ฉัน...ฉันจะแบกเอาหน้าไปเจอใครได้” อีวานต่อว่าเสียงดังอย่างรู้สึกโมโห
“เมื่อคืนมานอนในห้องนี้ได้ยังไง ฉันยังนึกไม่ออกเลยอีวาน” คนที่ยังไม่หายมึนบอกอย่างเซ็งๆ หัวใจเอาแต่จดจ่ออยู่กับสาวที่หมายปอง ‘เอาวะ หามือถือไม่เจอก็บุกไปหาเธอที่บ้านเลยแล้วกัน’
“บ้าจริง!” อีวานสบถอย่างหัวเสีย เมื่อต้องตื่นขึ้นมาเจอกับฝันร้ายที่สุดในชีวิต
“เอาน่าเพื่อน พรุ่งนี้ก็หาย” เพชรดนัยปลอบ
“ทั้งหมดนี่เพราะแกคนเดียวเลยไอ้เพชร!” อีวานมองค้อนตัวต้นเหตุ ที่อยู่ๆ ก็โผล่มาป่วนคนอื่น
“บ้า! เมื่อคืนแกเป็นคนชวนฉันกับพี่กรไปต่อที่ไนต์คลับเองนะอีวาน”เพชรดนัยรีบเท้าความ เพราะเท่าที่จำได้ตนจะกลับตั้งแต่สามทุ่มแล้ว แต่อีกฝ่ายรบเร้าให้ไปต่อ
“ไม่จริง!” อีวานส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไม่เชื่อ
“จริง! ไม่เชื่อแกก็โทรไปถามพี่กรดูสิ” เพชรดนัยเอ่ยท้า
“ได้!” อีวานบอกก่อนจะล้วงมือถือมาต่อสายหาธนากร เพื่อจะหาแนวร่วม แต่ทันทีที่กดต่อสาย เสียงมือถือก็ดังขึ้นด้านหน้าห้องพักสองหนุ่มหันมองหน้ากัน ก่อนจะรีบเดินไปที่ประตูห้อง
“พระเจ้า! พี่กรคงไม่ได้...” เพชรดนัยชะงักมือที่เตรียมจะหมุนลูกบิด อย่างรู้สึกใจคอไม่ดี
“รีบๆ เปิดเถอะ” อีวานเอ่ยเร่งให้เพื่อนเปิดประตูออกไปดู ขณะที่เสียงมือถือยังดังต่ออยู่เนื่อง
คลิก!
“พี่กร!!” สองหนุ่มเอ่ยเรียกเสียงดังอย่างตกใจ เมื่อเห็นรุ่นพี่คนสนิท นอนฟุบหน้าอยู่ข้างประตูห้อง
“อื้อ...เสียงดังอะไรกันแต่เช้าฮะ” คนที่ต้องการพักผ่อน บอกด้วยน้ำเสียงตึงๆ ก่อนจะพลิกตัวเปลี่ยนท่านอน
เพชรดนัยมองรอยพรมบนซีกหน้าด้านขวาของธนากรด้วยหัวใจสั่นๆ
“ฉิบหายแล้วไหมล่ะไอ้เพชร” อีวานกระซิบบอกตัวต้นเหตุด้วยสีหน้าตื่นๆ
“พี่กรครับ ตื่นก่อนเถอะครับ” เพชรดนัยกลั้นใจปลุกอีกครั้ง เพราะกลัวว่าจะมีคนมาเห็นพ่อเลี้ยงธนากร นักธุรกิจเบอร์ต้นๆ ของประเทศ เมาหลับอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องพักของโรงแรม
“อื้อออ...” ธนากรครางอย่างขัดใจ
“จะเที่ยงแล้วนะครับ” อีวานเอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ที่เคารพนับถือทำท่าจะนอนต่อ
คนที่กำลังจะเข้าสู่นิทราที่แสนสุข ลืมตาตื่นทันทีทันใด “ไม่จริง!”
“จะ...จริงครับ” เพชรดนัยเอ่ยย้ำพร้อมกับประคองให้อีกฝ่ายลุกขึ้นนั่ง
“ให้ตายสิ! พี่มานอนตรงนี้ได้ไงเนี่ย” ธนากรหันไปมองรอบๆ ก็ถึงกับชาที่หน้าขึ้นมานิดๆ เมื่อรู้ว่าตนเองนอนอยู่ตรงทางเดิน ‘บ้าจริง! แบบนี้จะมีใครผ่านมาเห็นหรือเปล่าวะ’
“เอ่อ...เอ่อ...” เพชรดนัยอึกอัก ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง ให้อีกฝ่ายรู้สึกดี ทั้งหมดนี่เป็นเพราะเมื่อคืนแต่ละคนไม่มีคนสนิทตามดูแลเหมือนเช่นทุกครั้ง เลยทำให้ต้องมาพบกับสภาพที่น่าอับอายเช่นนี้
คนที่ไม่เค้ยยย...ไม่เคย ดื่มจนเมาหนักขนาดนี้มาก่อน กำลังจะดราม่า แต่ทว่า...สายตาดันเหลือบไปเห็นร่องรอยบนใบหน้าของประธานใหญ่บริษัท kyler of Diamond เข้าซะก่อน
“หน้าไปโดนอะไรมาอีวาน?”
“เอ่อ...ผะ...ผม...” อีวานอึกอัก พลางส่งค้อนวงใหญ่ไปให้กับเพื่อน ที่คิดว่าจะเลิกคบในเร็วๆ นี้
“อีวานนอนทับแขนตัวเองน่ะครับพี่กร” เพชรดนัยรีบออกตัวให้
ธนากรพยักหน้าเบาๆ ทั้งที่มองยังไงก็ไม่เหมือนกับรอยนอนทับแขน “ปวดหัวเป็นบ้าเลย สรุปนี่พวกเราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย?”
“โรคาซานเดอร์ แกรนด์ ครับ” เพชรดนัยตอบพลางหันไปมองที่ด้านหลัง ก็แอบโล่งใจที่ไม่มีลูกค้าเปิดประตูห้องพักออกมา
“บ้าจริง! แล้วเมื่อคืนพวกนายนอนที่ไหนกัน?” ธนากรถาม อย่างสงสัย
“เอ่อ...นะ...นอนข้างๆ พี่กรนี่แหละครับ” เพชรดนัยรีบบอก
“ชะ...ใช่ครับ” อีวานสมทบตามอย่างใจคอไม่ดี
ธนากรส่ายหน้าอย่างเพลียๆ ก่อนจะล้วงมือถือออกมาเปิดดูก็เห็นมีสายเรียกเข้ามากมาย “อ๊ะ! แล้วเมื่อกี้อีวานโทรหาพี่ทำไม?”
“ผะ...ผมกดผิดน่ะครับ พอดีจะโทรหาน้องชาย” อีวานยิ้มเจื่อนๆ เมื่อต้องโกหกคำโต
“บ้าจริง! พี่ต้องกลับเชียงใหม่ด่วน” ธนากรเลื่อนดูข้อความของคนสนิทเสร็จก็รีบลุกขึ้นยืน
“เอ่อ...ดะ...เดี๋ยวผมให้นักบินไปส่งครับ” เพชรดนัยรีบเสนอ
“เอาเครื่องขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงทันไหม?” ธนากรรู้สึกร้อนอกร้อนใจ เพราะมีเรื่องสำคัญรอให้กลับไปเคลียร์
“น่าจะทันครับ” เพชรดนัยบอกพร้อมกับลุกตามอีกฝ่าย
“โทรหานักบินเลย” ธนากรบอก
“ได้ครับ แต่ว่า...มือถือของผม เอ่อ...หายไปไหนไม่รู้” คนที่เพิ่งนึกขึ้นได้บอกเสียงอ่อน
“เดี๋ยวฉันจะโทรเข้าเครื่องนาย” อีวานรีบกดหาเบอร์โทร.
“ขอบใจมากอีวาน” เพชรดนัยบอกอย่างซาบซึ้งใจ
“ฉันทำเพื่อพี่กรต่างหาก” อีวานตอบก่อนจะกดต่อสาย แต่ทว่า...เบอร์ของเพื่อนกลับถูกปิดการใช้งาน “เมื่อคืนมือถือนายแบตหมดหรือเปล่า โทรไม่ติดเลย”
“ซวยแล้วสิ!” เพชรดนัยสบถอย่างหัวเสีย เพราะนึกยังไงก็นึกไม่ออก
“ไม่เป็นไร! เดี๋ยวพี่จะไปจองตั๋วเอง ขอตัวก่อนนะ” ธนากรบอกพลางสะบัดเสื้อผ้าที่สวมให้เข้ารูปเข้าร่าง แล้วเดินเร็วๆ ไปยังลิฟต์
“เอ่อ...พี่กรครับ คือว่า..” เพชรดนัยกลั้นใจจะบอกเรื่องรอยบนใบหน้าของอีกฝ่าย
“ไว้ค่อยเจอกันใหม่!” ธนากรตัดบทก่อนจะเข้าไปในลิฟต์ แล้วกดลงไปข้างล่างโดยไม่สนใจสองหนุ่มที่มองตาม
“เฮ้อ...ไม่น่าหลวมตัวดื่มด้วยเลย ว่าแต่เมื่อคืนไปไงมาไงถึงมานอนอยู่หน้าห้องพักได้วะ?” ธนากรพยายามนึกลำดับเหตุการณ์ต่างๆ แต่ก็จำได้แค่ตอนที่นั่งดื่มอยู่ที่ร้านอาหารของตัวเอง จากนั้นก็ตกใจตื่นเมื่อครู่ตอนที่โดนเพชรดนัยกับอีวานปลุก
อีวานหันไปถามคนที่ยังคงมองประตูลิฟต์ค้างทั้งๆ ที่ตอนนี้ธนากรน่าจะอยู่ที่ล็อบบีแล้ว
“ทำไมแกไม่บอกพี่กรเรื่องรอยพรมที่หน้าวะ?”
“กะ...ก็แล้วทำไมแกไม่บอกล่ะอีวาน” เพชรดนัยถามกลับอย่างทันควัน
“ฉันไม่กล้าโว้ย!” อีวานบอกเสียงหงุดหงิด
“ฉันก็เหมือนกัน” เพชรดนัยกลอกตาก่อนจะเดินกลับเข้าไปเก็บของสำคัญในห้องพัก
อีวานเดินตามเข้าไปพร้อมกับสำรวจกระเป๋าเงินและของต่างๆ ที่ติดตัว เมื่อทุกอย่างอยู่ครบก็ถึงกลับโล่งใจ “ฉันจะกลับแล้ว”
“โอเค! ฉันจะหามือถือต่อ” เพชรดนัยบอกด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
“มือถือแกอยู่ในรถไอ้เพชร” อีวานบอกอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ เมื่อคืนเพชรดนัยบอกให้ตนโทรชวนพวกฟีนิกซ์ เพราะอีกฝ่ายนั้นลืมมือถือทิ้งไว้ในรถ
“รู้ได้ยังไง?” เพชรดนัยถามอย่างสงสัย
“นั่นสิ! กูรู้ได้ยังไงวะ” อีวานถามกลับอย่างมึนงง เพราะเรื่องนี้อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่เขาจำได้ในค่ำคืนที่ผ่านมา
“ขอบใจมากๆ เพื่อน” เพชรดนัยประชดด้วยน้ำเสียงขบขัน เพราะไม่คิดว่ามือถือของตนจะอยู่ในรถตามที่อีกฝ่ายบอก ‘ช่างเถอะ! หาไม่เจอก็ซื้อใหม่แล้วค่อยไปขอเบอร์โทรน้องฟ้าจากมิกิ’
“กองเอาไว้ตรงนั้น” อีวานบอกขณะคิดหาของมาปิดบังใบหน้าตอนที่ออกจากโรงแรมไปยังรถของตัวเอง ‘ขออย่าให้เจอคนรู้จักเลย’
“โห...แกจะทำลายมิตรภาพที่ยาวนานของเรา เพราะรอยฝารองชักโครกที่หน้าเนี่ยนะ?” เพชรดนัยเอ่ยหยอกคนหน้าบูดบึ้ง
“หึ! ก็ลองให้มันไปอยู่บนหน้าแกดูสิ จะได้รู้ว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง?” อีวานหันไปตอกกลับพร้อมกับยกมือขึ้นลูบรอยที่ซีกหน้าเบาๆ อย่างรู้สึกโกรธ
“ฉัน...”
“พอๆ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันจะกลับแล้ว ทางออกลับอยู่ตรงไหน?” อีวานตัดบทอย่างรำคาญ
“ตามมาทางนี้ครับคุณอีวาน” เพชรดนัยนำทาง อีวานส่ายหน้าอย่างรู้สึกเพลียๆ ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไป
หลังจากที่แยกย้ายกับอีวานเสร็จ เพชรดนัยก็เจอมือถืออยู่ในรถของตัวเองตามที่อีกฝ่ายบอก เขาจึงรีบขับรถกลับไปยังห้องพักที่โรงแรม ร็อฟเวลล์ แกรนด์ เพื่อจะชาร์จแบตมือถือและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปออกเดตกับฟ้ารดา
ยี่สิบนาทีต่อมา...
คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินผิวปากออกจากห้องน้ำมาด้วยหน้าตา ที่สดชื่น ก่อนจะหยิบมือถือที่เสียบชาร์จแบตเอาไว้จนเต็ม มากดเปิดเครื่อง ก็เห็นสายเรียกเข้าจากฟ้ารดาหกสาย และข้อความในแชตไลน์ที่บอกว่า...‘พี่เพชรคะ ฟ้าบินมาทำงานที่ญี่ปุ่น 3 วัน ถ้ากลับถึงไทยแล้วฟ้าจะโทรหาพี่เพชรนะคะ’
เพชรดนัยทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง รีบกดต่อสายหาสาวเจ้า แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
“บ้าจริง! นี่มันเรื่องบ้าอะไรอีกวะ?” เพชรดนัยโยนมือถือทิ้งอย่างหมดความอดทน! เพราะรอมาหลายครั้งหลายครา แต่ก็ยังไม่ได้ออกเดตกับสาวที่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบสบตาสักที
“หึ! รู้ว่าเราชอบ เลยเล่นตัวสินะ ได้! เดี๋ยวจะรู้ว่าคนอย่างคารอสน่ะ แค่ดีดนิ้วก็มีสาวๆ เรียงหน้ามาเลือกให้ถึงที่” เพชรดนัยสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะลุกเดินตรงไปยังห้องแต่งตัว แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปสร้างกระแสหนุ่มฮอตที่สาวคนไหนก็อยากจะควงออกเดต
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...ทันทีที่เพชรดนัยเดินออกจากลิฟต์ ก็เห็นดารานางแบบสาม-สี่คน ที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เพราะบางคนนั้นก็เคยมาร่วมงานเดินแบบชุดเครื่องเพชรให้กับDiamond Of Angel นั่งจิบกาแฟอยู่ด้านหน้าล็อบบี พร้อมกับหันมาส่งยิ้มหวานๆ ให้
โดโนเวลที่ยืนรออยู่รีบเดินเข้าไปหาผู้เป็นนาย “บอสพอจะถูกใจสักคนไหมครับ?”
“ไม่” คนที่ไม่ชอบประเจิดประเจ้อในสถานที่ที่เป็นธุรกิจของครอบครัว มองผ่านแล้วเดินตรงออกไปยังลัมโบร์กินีที่จอดอยู่ด้านหน้าอย่างไม่สนใจ
‘ไมค์’ ที่กำลังขับรถตามหลังนายใหญ่ หันไปถามหัวหน้าด้วยความรู้สึกสงสัย “พี่ดอมว่าอาการบอสแปลกๆ ไปหรือเปล่า?”
โดโนเวลเงยหน้าขึ้นจากมือถือ ก่อนจะเลิกคิ้วถามกลับ
“หมายถึง...แปลกไปจากทุกครั้งงั้นเหรอ?”
“ครับ”
“ไม่นะ ก็ปกตินี่”
“ปกติ?”
“ก็ปกติของคนกำลังมีความรักไง ฮ่าๆๆ” โดโนเวลเฉลย
“บอสกำลังมีความรักงั้นเหรอครับ” ไมค์ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ฟันแล้วทิ้งมานับไม่ถ้วนอย่างผู้เป็นนายจะมีความรัก
“ใช่! แต่แกอย่าบอกใครนะ เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนจะหลบๆ เลี่ยงๆ ที่จะเจอกับบอสมาสอง-สามครั้งแล้ว” โดโนเวลเตือนเพราะแม้แต่ตนเองก็ยังไม่กล้าสปอยเรื่องนี้ในไลน์กลุ่มแก๊งมือขวา
“แหม! ผมคิดไม่ออกเลยว่าในโลกนี้จะมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธผู้ชายอย่างบอสได้”
“นั่นสิ! บอสเลยไปไม่ถูกอย่างที่เห็นนี่ไง”
“ก็เลยจะพาสาวอื่นออกเดต เพื่อเป็นการกอบกู้ความมั่นใจของตัวเอง” ไมค์สรุปสถานการณ์
“ฮ่าๆๆ ก็ประมาณนั้น” โดโนเวลหัวเราะกับอาการงอนสาวของผู้เป็นนาย
“แล้วถ้าเกิดว่าสาวคนที่บอสชอบเห็นข่าวเข้าล่ะครับ” ไมค์ถามอย่างไม่เข้าใจ
“นั่นคือสิ่งบอสอยากให้เธอรู้”
“เอ่อ...เธอคนนั้นสวยไหมครับ”
“ก็คุณฟ้ารดานางแบบดังของไทยไง”
“พระเจ้า! นั่นนางในฝันของผมเลยนะ” ไมค์ตาโตขึ้นมาทันทีทันใด เพราะ ‘ฟ้ารดา วัฒนากรกิจ’ เป็นนางแบบที่ตนชื่นชอบ
“จริงดิ!” โดโนเวลถามยิ้มๆ ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะใครๆ ก็ชอบนางแบบสาวกันแทบทั้งนั้น แม้แต่เขาเองก็ปลื้ม แต่พอรู้ว่าผู้เป็นนายชอบก็ต้องเก็บความปลื้มเอาไว้ในใจ
“จริงสิพี่ดอม ผมกด follow ไอจีติดตามคุณฟ้ามาตั้งแต่บอส ส่งมาดูงานที่ไทยเมื่อห้าเดือนก่อนแล้วครับ”
“งั้นแกอย่าพูดเรื่องที่แอบชอบคุณฟ้าให้บอสได้ยินนะ เดี๋ยวงานเข้าแล้วจะหาว่าไม่เตือน”
“ครับ อ๊ะ! บ้าจริง” ไมค์รับคำเสร็จก็ตกใจ เมื่ออยู่ๆ รถของผู้เป็นนายเหยียบเบรกกระหัน ทำให้คนที่ขับตามในระยะกระชั้นชิด ต้องรีบหักรถเข้าข้างทาง
เอี๊ยดดด ทันทีที่รถจอดสนิทโดโนเวลก็รีบออกจากรถไปหาผู้เป็นนายที่รถนิ่งจอดอยู่ข้างหน้า
เพชรดนัยลดกระจกลงเมื่อเห็นคนสนิทวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา แล้วบอกเรื่องสำคัญที่เพิ่งจะกดวางสายไป “ฉันต้องบินด่วนไปดูงานที่ดูไบให้ป๋าต้อม”
“ตอนนี้เลยเหรอครับ?” โดโนเวลถามมึนงง
“ใช่” เพชรดนัยพยักหน้ารับอย่างเซ็งๆ
“แล้วนางแบบที่นัดเอาไว้...”
“ยกเลิก” คนที่ให้ความสำคัญกับงานบอกอย่างไม่ต้องคิดนาน
“ครับ” โดโนเวลพยักหน้ารับอย่างโล่งใจ เพราะลึกๆ ก็ไม่อยากให้ผู้เป็นนายใช้วิธีนี้สักเท่าไหร่
“อ้อ! นายอยู่ช่วยงานแต่งเจเจที่ไทยนี่แหละไม่ต้องตามไป” เพชรดนัยรีบบอก รู้ดีว่างานแต่งของจิมมี่เจมส์นั้นสำคัญกับคนสนิทขนาดไหน
“เอ่อ...แต่ว่า...” โดโนเวลอึกอัก อยากอยู่งานแต่งเพื่อนก็อยาก แต่อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วง กลัวว่าผู้เป็นนายจะมีอันตราย ในขณะที่ตนสังสรรค์สนุกสนานอยู่ที่ไทย
“ดูแลซีซ่าร์กับอรองให้ดีก็พอ” เพชรดนัยบอกจบก็กดเลื่อนกระจกขึ้นเพื่อยุติการสนทนา
“ครับ” โดโนเวลรับคำก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาบอกการ์ดที่ขับรถตามให้เปลี่ยนเส้นทางไปยังสนามบิน จากนั้นก็กลับไปนั่งในรถคันเดิม แล้วโทรไปยกเลิกนัดนางแบบดังให้ผู้เป็นนาย