ชาครีย์มาทำบุญที่วัด และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้เพื่อนสนิทผู้ล่วงลับ ยี่สิบปีแล้วเขายังไม่ลืมมัน ในวัดอากาศสดชื่น ค่อนข้างร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ทำให้อารมณ์เสียที่สั่งสมมาจากบ้านค่อยๆ มลายหายไป กลายเป็นจิตใจปลอดโปร่ง เจ้าของร่างสูงยืนในระดับเดียวกับรูปสีขาวดำของเพื่อนผู้ล่วงลับ เจ้าอาณัติหรือเอส
“ไงเอส สบายดีไหมมึง ส่วนกูน่ะเหนื่อยมาก ทำงานงกๆ หลังแทบหักไม่รู้ว่าจะบ้าทำงานหาเงินไว้ให้ใคร เหนื่อยว่ะ กูมาทำบุญให้มึงแล้วนะ มารับเอาด้วย ของที่มึงชอบกูก็จัดมาให้หมดแล้ว เว้นน้องดาว เขาคงมีลูกมีผัวไปนานแล้วแหละ ทำใจเหอะ ถามจริง นี่มึงไปเกิดใหม่แล้วเหรอวะ ทำไมถึงไม่มาหาไม่มาเข้าฝันกูสักครั้ง หรือกูจิตแข็งเกินไปถึงไม่เห็นมึง คิดถึงมึงมากนะเว้ย ไปเกิดใหม่ในร่างไหนก็มาหามาทักทายกูบ้าง ไม่เจอกันตั้งยี่สิบปีกูเหงาปากจะแย่”
ชาครีย์พูดกวนพูดเล่นติดตลกไปเรื่อยราวกับเพื่อนสนิทกำลังยืนฟังตรงหน้า วันเวลาผ่านมาเร็วเหมือนโกหก เผลอแป๊บๆ ก็ยี่สิบปีแล้วที่เพื่อนเขาตัดสินใจจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตายตามพ่อแม่ เนื่องจากครอบครัวทนแรงกดดันจากหนี้สินหลายร้อยล้านไม่ไหว เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อรัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้เศรษฐีในประเทศไทยจำนวนมากกลายเป็นอดีตเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืน ส่งผลให้นักธุรกิจหลายคนมีหนี้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ล้มกันระเนระนาดเป็นโดมิโน่
ครอบครัวของเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น บริษัทของพ่อเจ๊งแบบดับสนิทจนได้ขายบ้านใช้หนี้ ต้องปลดพนักงานออกเกือบหมด พ่อเขาถูกฟ้องล้มละลาย ขึ้นลงศาลเป็นว่าเล่น ยอมรับทุกอย่างแต่ก็เท่านั้น เพราะไม่มีเงินมาใช้หนี้ บากหน้าไปยืมญาติก็ไม่มีใครให้ยืม
ตอนนั้นชาครีย์อายุสิบหกปี โตมากพอจะรู้ปัญหาของครอบครัว รู้ว่าพ่อแม่กำลังเผชิญวิกฤตจนเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว น้องชายเขาสองคนถือว่ายังเด็กแต่ก็ไม่มากถึงขนาดพูดไม่รู้เรื่อง เขากับเจ้าวินสองคนช่วยกันออกไปหางานทำตามประสาเด็ก เป็นแรงผลักดันให้พ่อแม่ไม่ยอมแพ้ อดทนสู้ต่อจนมีชีวิตที่ดีขึ้นในปัจจุบันนี้
สมัยนั้นเขามีเพื่อนสนิทอยู่สองคน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด มีเขา เอส กับวศิน พ่อแม่เอสทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับพ่อแม่ของเขา ส่วนวศิน ครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออก ไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไหร่ หลังจากเจอวิกฤตได้ราวหนึ่งเดือนเขาก็ต้องพบกับข่าวร้าย เอสตัดสินใจยิงตัวตายตามพ่อแม่
ส่วนวศินนั้นไม่เห็นหัวเพื่อนหน้าไหนทั้งนั้น เงินที่ยืมไปก็ไม่คิดคืน ทิ้งให้เอสเครียดจนฆ่าตัวตาย ช่วงล้ม ใครจะเหยียบก็ไม่เจ็บเท่าคนที่ตัวเองเรียกเต็มปากว่าเพื่อน มันไม่เคยเห็นเขากับเอสเป็นเพื่อนสนิท มันข่ม มันเกลียดชัง และให้พ่อมาซื้อทุกอย่างไปเป็นของมัน หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นตายร้ายดียังไง ข่าวล่าสุดที่รู้คือพ่อมันติดการพนันจนถูกเจ้าหนี้ตามฆ่า บริษัทโดนโกง แม่มันมีสามีใหม่เป็นคนต่างชาติ แล้วมันก็ตามแม่มันไปอยู่ที่ต่างประเทศนับตั้งแต่นั้น
“กูไม่ได้เจอแม่งอีกเลย นับจากวันที่พ่อมันกว้านซื้อธุรกิจของพ่อแม่เรา ถ้ากูเจอมันอีกนะ สาบานได้ว่ากูจะเล่นมันให้กระอักเลือดตาย ระหว่างกูกับมัน ไม่มีคำว่าเพื่อนเหลือแล้ว!”
สายลมอ่อนๆ พัดมาปะทะร่างกายกำยำ เย็นกายแต่จิตใจไม่ได้เย็นตาม หลวงตาเดินผ่านมาได้ยินเข้าพอดีก็เทศนาเป็นธรรมทาน ชี้นำ แนะทางสว่างให้แก่ชายผู้หลงอยู่ในภวังค์มืดมน
“ใจสุขหรือใจทุกข์ คนเดียวที่สามารถเลือกได้ก็คือโยม หลวงตาขอบิณฑบาตนะโยมคีย์ เลิกเคียดแค้นอดีต เลิกจองเวรจองกรรมต่อกัน เห็นหน้าค่าตากันมาตั้งแต่สมัยโยมยังเด็กๆ หลวงตาไม่ต้องการให้ชีวิตโยมคีย์พบเจอแต่ความทุกข์ทรมาน หาความสุขทางใจยึดติดไม่ได้”
“ผมพยายามแล้วครับ แต่ผมก็เลิกแค้นเลิกคิดมากไม่ได้”
ชาครีย์พนมมือขึ้นทว่าก้มหน้าลงไม่กล้าสบสายตากับหลวงตาที่ตนเองนับถือ สมัยนั้นเขาลำบากมากก็ได้หลวงตาคอยช่วยเหลือ
“โยมวศินกับครอบครัวของเขา ต่างได้รับผลกรรมของพวกเขาแล้ว ส่วนโยมเอสป่านนี้ก็คงไปเกิดใหม่แล้ว เท่าที่หลวงตาเห็นก็มีแค่โยมคีย์คนเดียวที่ยังทุกข์ระทมกับเรื่องในอดีต ลองกลับไปคิดทบทวนดูนะ”
“ครับหลวงตา ผมจะพยายามสู้กับความคิดตัวเองให้ได้”
มือใหญ่พนมลงกราบแทบเท้าหลวงตาผู้มีบารมี ขยับกายขึ้นมองท่านเดินด้วยกิริยาสำรวมกลับไปยังศาลาวัด
ครอบครัวเขาเคารพท่านมาก เจ้าธัน เจ้าวิน ต่างก็มาขอฤกษ์แต่งงานจากท่านทั้งนั้น ท่านบำเพ็ญเพียรจนเป็นที่นับถือของคนในละแวกนี้ ไม่ยอมรับเงินก้อนใหญ่แม้เขาจะเต็มใจบริจาคเพื่อใช้จ่ายส่วนรวม หนี้บุญคุณของหลวงตาที่มีต่อเขามีมากเหลือเกิน มากจนเขาไม่สามารถตอบแทนหลวงตาได้หมด
“อะไรนะน้องนิว! จนป่านนี้แล้ว เพิ่งถึงแถวนั้นเองเหรอ กว่าจะมาถึงต้องสายแน่เลย ทำไมถึงไม่รักษาเวลา ไม่ประมาณเวลาการเดินทางก่อนฮะ เอางี้... ส่งข้อมูลงานคราวๆ มาให้พี่ทางเมล์ เดี๋ยวพี่จะลองคุยกับลูกค้าก่อนในระหว่างที่น้องกำลังเดินทางมา... แค่นี้นะ”
น้ำเสียงของหญิงวัยสี่สิบต้นแสดงออกถึงความหงุดหงิดที่มีต่อพนักงานในบริษัท แม้จะสนิทกันมาก แต่ถ้าเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับงานเอมิกาจะเข้มงวดเสมอ ไม่ต้องการให้งานออกมาไม่ดีหรือลูกค้าไม่ประทับใจ เดิมทีเอมิกาทำงานร่วมกับบริษัทออกแบบภายใน ณ เยอรมนี เก็บรวบรวมเงินทุนและประสบการณ์การทำงานจนเต็มอิ่มจึงตัดสินใจบินกลับไทยมาเปิดบริษัทที่กรุงเทพ เป็นบริษัทเล็กๆ เพิ่งเปิดมาได้สามเดือนเศษๆ เท่านั้น ต้องทำงานหนักมาก เพราะบริษัทยังไม่มีชื่อเสียง
ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา โต๊ะที่เลือกอยู่บริเวณด้านนอกสามารถมองเห็นวิวได้ชัดเจน
เอมิกานั่งรีเฟรซอีเมล์ประมาณห้ารอบก็มีไฟล์งานถูกส่งเข้ามา ถึงลูกค้าจะเป็นรุ่นน้องของสามี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะเลือกบริษัทของหล่อนไปทำงานเสมอไป ดังนั้นเอมิกาจึงตั้งความหวังไว้กับงานนี้สูงมาก ถ้าหากงานผ่านไปได้ด้วยดี บริษัทก็จะเป็นที่รู้จักมากขึ้น
“อ้าว น้าเอมหวัดดีครับ มานั่งหน้าเครียดอะไรคนเดียวตรงนี้” เสียงทักทายอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก เอมิกาละสายตาจากไฟล์งานมามอง ก็เห็นหลานชายตัวเองควงสาวสวย อกโต เดินมาหา
“ฟ้า นี่น้าของเราเอง”
“สวัสดีค่ะ”
สาวสวยดีกรีพริตตี้เงินล้านทำสีหน้าเบื่อโลกตลอดเวลา
“จ้ะ” สายตาคนเป็นน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย รับไหว้สาวสวยที่ไหว้ตนเองแบบจำใจ ก่อนเหลือบสายตามองมือหลานชายที่โอบเด็กคนนี้เหมือนไข่ในหิน เด็กสมัยนี้ทำไมถึงทำตัวแรงได้ขนาดนี้นะ
“มากินข้าวไกลบ้านจังเลยนะตาสอง แล้วทำเรื่องขอฝึกงานเสร็จแล้วเหรอถึงว่างมาควงสาว”
“ระดับสองแล้วมีดองงานด้วยเหรอครับน้าเอม เอกสารทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วเหลือแค่รอวัน แต่ผมโดนอาจารย์ที่ปรึกษาติว่าทำไมไม่เลือกไปฝึกบริษัทอื่นที่ใหญ่กว่านี้ อาจารย์ผมมองข้ามมาก ยิ่งเล็กสิดี ได้เรียนรู้งานครบทุกตำแหน่ง ตั้งแต่งานเบ๊ยันงานของเจ้าของบริษัท”
“คิดได้แบบนั้นก็ดี แต่ถ้าจะใช้เส้นเพื่อมากินแรงคนอื่นขอบอกเลยนะ ถึงเป็นสอง น้าก็ไม่ให้ผ่าน!” เจ้าของบริษัทออกแบบฝ่ายในขู่หลานชายตัวเอง ทว่าเขากลับทำลอยหน้าลอยตา
“สองคุยกับน้าไปก่อนนะ ฟ้าขอไปเข้าห้องน้ำแล้วจะออกไปรอที่รถ” พริตตี้สาวไม่รอได้รับอนุญาตรีบเดินบิดบั้นท้ายไปทันที ส่วนสองก็ไม่แคร์อะไร เพราะฟ้าก็เป็นแค่เพื่อนเที่ยวเพื่อนนอนที่เขาซื้อมาใช้บริการเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องแคร์ ไม่จำเป็นต้องถนอมน้ำใจอะไรหล่อนทั้งสิ้น
เอมิกาส่ายหน้าเร็วและแรงมาก รีบออกตัวแรง
“ถ้าสองคิดจะคบกับผู้หญิงแบบนี้น้าไม่ว่าหรอกนะ แต่อย่าคบให้ถึงขั้นหวังใช้ชีวิตด้วยกัน น้ากลัวจะโดนด่าโดนฉีกอกเข้าสักวัน”
หนุ่มหล่อกระตุกยิ้มมุมปาก ทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ “ผมก็ไม่คิดเอาผู้หญิงแบบนั้นมาทำเมียหรอกครับ เพราะผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วและน้าเอมก็รู้ดี... ว่าเป็นใคร ขอตัวไปรอฟ้าที่รถก่อนนะครับ”
“ย่ะ” มองตามเจ้าหลานจอมเจ้าชู้จนสุดสายตาก่อนจะกลับมาสนใจงานตัวเองต่อ ลูกค้าในร้านยังไม่เยอะเท่าไหร่เพราะยังไม่ถึงเวลาดินเนอร์ ส่วนใหญ่จะมากินขนมจิบกาแฟชมวิวมากกว่า
เอมิกานั่งรอต่อไม่นานนัก น้องพนักงานที่รู้จักกันก็เข้ามากระซิบบอกว่าลูกค้าคนสำคัญมาถึงแล้ว เขาหล่อมาก หล่อแบบคมเข้มสไตล์พระเอกละครไทย เดินเข้ามาสง่าผ่าเผยสาวในร้านมองตามเป็นตาเดียว สวมเสื้อผ้ามีราคาแพงรับกับสรีระ เรียกได้ว่าเพอร์เฟ็ค ชวนหลงใหล
เอมิกาวางโทรศัพท์ลงรีบลุกขึ้นยกมือไหว้นักธุรกิจหนุ่มหล่อ ใจสาวใหญ่เต้นตึกๆ กลัวการคุยงานจะออกก้อยมากกว่าออกหัว เพราะคนที่รับออกแบบงานนี้ยังเดินทางมาไม่ถึงร้าน
“สวัสดีค่ะคุณคีย์ พี่ชื่อเอลลี่นะคะ เชิญนั่งก่อนค่ะ”
เอมิกาผายมือเชิญด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับคุณเอลลี่” รับไหว้เร็วๆ แล้วนั่งลงตามคำเชิญของสาวใหญ่ ยิ้มให้นิดๆ พอเป็นพิธีสุดท้ายก็กลับมาตีหน้าขรึมเหมือนเดิม ยังกับตั้งเวลาเอาไว้ หยุดยิ้มเร็วจนเอมิกาใจแป้ว
“ก่อนอื่นเดี๋ยวพี่เอลลี่สั่งเครื่องดื่มให้นะคะ คุณคีย์ชอบดื่มอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ” ถามพลางยกมือเรียกเด็กเสิร์ฟมารับออร์เดอร์เพิ่ม หลังจากที่ตนเองสั่งกาแฟมาแล้วหนึ่งแก้ว
“กาแฟดำแล้วกันครับ”
เขาพับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยให้คลายความอึดอัด เมื่อกี้แวะเข้ามาเห็นเอมิกากำลังคุยกับคนรู้จักจึงเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำรอ แต่ก็เซ็งชะมัดมีสาวจากไหนไม่รู้เดินมาชนเขาเต็มๆ ไอ้เรื่องชนเขาไม่ถือสา แต่เรื่องหลังจากนั้นนี่สิ เบื่อชะมัดที่ต้องถูกยั่วกลางวันแสกๆ
“ไม่อ้อมค้อมนะครับ พอดีผมมีธุระต้องรีบไปทำต่อ ผมเห็นผลงานของบริษัทคุณจากในอินเทอร์เน็ตแล้วเกิดถูกใจ ก็เลยเข้าไปหาข้อมูลจนเจอว่าคุณเอลลี่เป็นภรรยาของพี่ทศ คงคุยกันง่ายนะ แต่ปัญหาใหญ่คือบริษัทของคุณเพิ่งเปิดใหม่ และเล็กมากถ้าเทียบกับบริษัทที่ผมเคยใช้บริการ”
เหมือนจะเป็นการเกริ่นแนะนำที่มาที่ไปแต่ก็แปร่งๆ แปลกๆ เอมิกาจะยิ้มก็ยิ้มไม่เต็มปาก ยิ้มไม่สุด ได้แต่เออออแล้วขานรับแบบยิ้มๆ ตามนักธุรกิจหนุ่ม ขณะเดียวกันเขาก็พูดต่อ
“ผมโอเคนะถ้าหากบริษัทคุณจะเข้ามาออกแบบภายในรีสอร์ทใหม่ของผม ผมไว้ใจในฝีมือของคุณ”
“เอลลี่ต้องขอขอบคุณนะคะที่คุณคีย์ให้ความสนใจในบริษัทเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ของเอลลี่ เทียบกันแล้ว บริษัทเอลลี่เล็กจ้อยจนไม่คู่ควรกับการรับผิดชอบรีสอร์ทใหม่ของคุณคีย์เลย แต่ถึงอย่างนั้นเอลลี่ก็อยากขอโอกาส ให้เอลลี่กับน้องในบริษัทได้ลองเสนอผลงานลองยื่นข้อเสนอสักนิดนะคะ ถึงบริษัทเราจะใหม่ แต่ประสบการณ์ของเราทุกคนในบริษัทไม่ใหม่นะคะ”