ภายในสนามบินนานาชาติดอนเมือง แม้เวลาจะเกือบหกโมงเย็นแต่ผู้โดยสารยังคงหนาแน่นดังเดิม ‘ชาครีย์ ชนานนท์’ นักธุรกิจมาดเข้มวัยสามสิบหกปีอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กวัยสามขวบเจ็ดเดือนไว้ในอ้อมแขนแบบสบายๆ ในสายตาคนนอกมองมาเสี้ยววินาทีก็ตัดสินว่าทั้งสองเป็นพ่อลูกกันร้อยเปอร์เซ็น แม้หน้าตาจะคล้ายกันเพียงบางส่วน บางทีหนูน้อยอาจจะได้หน้าตาและผิวพรรณขาวผ่องมาจากผู้เป็นแม่
“ลุงคีย์ กินอีกนะคะ”
ขนมอีกชิ้นถูกป้อนเข้าปากคุณลุงมาดเข้ม หนูน้อยร่างกะทัดรัดมีใบหน้าเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักน่าเอ็นดู ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรักชื่อ 'เด็กหญิงเกวลิน ชนานนท์' เพิ่งย้ายจากประเทศสหรัฐอเมริกากลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่ถึงปี ย้ายมาครั้งนี้เป็นการย้ายถาวรเพราะคุณพ่อคุณแม่ปรับความเข้าใจกัน ฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันมาหลายปีในที่สุดก็ได้ครองรักและมีพยานรักเพิ่มอีกหนึ่งคนอยู่ในท้อง
คุณพ่อของหนูน้อยชื่อ ‘ธนาตย์ ชนานนท์’ น้องชายคนเล็กของชาครีย์ เจ้าน้องชายหนีไปพักใจที่เกาะไอรักตอนถูกเมียขอหย่าเพราะเข้าใจผิดคิดว่าธนาตย์มีเมียน้อย หลังจากความจริงเปิดเผยณิชาภัทรกระเตงลูกสาวตัวน้อยกับลูกในท้องไปง้อสามีถึงบ้านเขา ง้อกันไปง้อกันมาทั้งสองเปลี่ยนเกาะเขาเป็นสีชมพูหวานแหวว หนุ่มโสดอย่างเขาทนดูไม่ไหวต้องหอบหลานสาวกลับกรุงเทพ
“น้องเกวหิวข้าวหรือยังคะ”
“ไม่หิวค่า”
“หึหึ วันหลังลุงคีย์จะให้กินขนมน้อยๆ”
“ไม่ได้น๊า น้องเกวชอบกินขนมค่ะ” หนูน้อยประท้วงเสียงเล็ก แก้มป่อง น่ารักน่าเอ็นดูที่สุด ลุงคีย์พูดเหมือนคุณแม่เลยชอบบอกจะไม่ให้น้องเกวกินขนมกับช็อกโกแลตทั้งที่น้องเกวชอบมากแท้ๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องกินข้าวเยอะๆ นะคะ ไหน อยากกินอะไรเอ่ย เดี๋ยวลุงคีย์พาไปกิน ชี้เลย ร้านนั้นดีไหมคะ” ชาครีย์อุ้มหลานสาวมายังโซนร้านอาหาร ชี้นิ้วไปร้านนั้นร้านนี้ขอความเห็นจากหนูน้อย
นิ้วเล็กจิ้มบนแก้มเอียงลำคอซ้ายทีขวาทีใช้ความคิดก่อนจะคลี่รอยยิ้มซุกซน ชี้นิ้วป้อมๆ ไปยังร้านสีแดง “น้องเกวอยากกินไก่ค่ะ”
“โอเคค่ะ เราไปกินไก่ทอดแล้วค่อยกลับบ้านเนอะ” ชาคีย์ยิ้มน้อยๆ กระชับอ้อมแขนอุ้มหลานสาวตัวน้อยตรงดิ่งไปยังร้านอาหาร
“ค่า” น้องเกวตอบรับเสียงสดใส มือเล็กหยิบขนมเข้าปากตลอดเวลา กินเก่งแต่น้ำหนักก็ยังตัวเบาเหมือนเดิม
ชาคีย์มองหาโต๊ะว่าง เห็นมุมหนึ่งว่างไร้ผู้คนก็ก้าวเท้าไปทางนั้น เขาวางหลานลงบนเก้าอี้ “น้องเกวนั่งรอตรงนี้ อย่าลุกไปไหนนะคะ”
“ค่ะ หนูจะคุยกับคุณพ่อรอ” หนูน้อยว่านอนสอนง่าย ยิ้มแฉ่งประจบประแจงคุณลุงสุดหล่อ ซึ่งคุณลุงก็รับรู้และหยิบโทรศัพท์ออกมา
“จ้ะ เดี๋ยวลุงต่อสายให้” ชาคีย์กดเบอร์ของน้องชาย “นี่จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ” หนูน้อยร่าเริง รับโทรศัพท์มาจากคุณลุง รอครู่เดียวก็ได้ยินเสียงคุณพ่อ น้องเกวร้องทักเจื้อยแจ้ว
“คุณพ่อขา คิดถึงจังเลย หนูมาถึงสนามบินแล้วนะคะ ลุงคีย์พามากินไก่ บอกถ้าน้องเกวไม่กินข้าวจะไม่ให้กินขนมเยอะๆ”
ปากเล็กจิ้มลิ้มคว่ำลงอย่างเอาแต่ใจ แต่ก็แป๊บเดียวเท่านั้นเพราะน้องเกวไม่อยากเอาแต่ใจนาน ถ้าคุณแม่รู้ คุณแม่จะดุ แล้วก็จะลงโทษด้วยการไม่ให้กินขนมหนึ่งวันเต็มๆ ลำบากคุณพ่อต้องแอบเอามาให้กิน พอคุณแม่จับได้ คุณพ่อก็ต้องถูกลงโทษตามน้องเกวอีกคน เด็กหญิงเกวลินไม่อยากเห็นคุณพ่อถูกคุณแม่ดุ
‘หึหึ คิดถึงคุณพ่อหรือขนมของคุณพ่อกันแน่คะ’ ธนาตย์รู้ทันลูกสาว ยัยหนูยิ่งโตยิ่งน่ารัก พูดเก่งมาก บางครั้งเขาแทบฟังไม่ทัน
“น้องเกวคิดถึงคุณพ่อ คุณแม่ รีบมากอดหนูไวๆ นะคะ”
‘ไว้อีกสองสามวันคุณพ่อกับคุณแม่จะกลับไปกอดนะคะ จะกอดแน่นๆ เลยลูกรัก’ คุณพ่อตอบกลับมาอย่างเอาใจ น้องเกวดีใจมาก ยิ้มแฉ่งให้โทรศัพท์ จับไว้แน่นๆ เครื่องมันใหญ่ไปกลัวจะหลุดมือ
“ค่ะ” น้องเกวกลับกรุงเทพมาหาคุณปู่คุณย่าที่กรุงเทพพร้อมกับลุงคีย์ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ยังไม่กลับมาจากภูเก็ต
‘ลุงคีย์อยู่ไหนเหรอลูก’
“ไปซื้อไก่ทอดค่ะ”
‘ลุงคีย์กลับมาโต๊ะหรือยังเอ่ย’
“ยังค่ะ แต่ลุงคีย์ยืนมองน้องเกวตลอดเลย อิอิ”
ฟันเล็กสวยมากเวลายิ้มทำให้โลกสดใสขึ้นมา น้องเกวไม่ใช่เด็กขี้แยร้องไห้งอแงเวลาอยู่ห่างจากพ่อแม่ เพราะเดิมทีตั้งแต่แรกเกิดหนูน้อยอาศัยอยู่กับคุณแม่ที่ต่างประเทศ ส่วนคุณพ่อเทียวบินไปหาบ่อยๆ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ขอแค่ได้ยินเสียงจากในโทศัพท์แม้จะไม่ได้เห็นหน้าหนูน้อยก็ไม่ร้องไห้
‘นั่งรอลุงคีย์อยู่ตรงนั้นนะลูก อย่าไปไหนโดยไม่บอกลุงคีย์ คุณพ่อห่วง’ กำชับอีกครั้ง น้องเกวซุกซนตามวัย ดื้อไม่มีใครเกินจึงต้องห่วง
“ค่ะ คุณพ่อขา ลุงคีย์บอกว่าจะพาน้องเกวไปดูพี่เสือพี่ช้างด้วยค่ะ แล้วก็ไปนั่งเรือเป็ดที่สวนสัตว์ อาข้าวหอมกับลุงวินก็ไปด้วย ต้องสนุกมากแน่เลยค่ะ น้องเกวจะไปนั่งดูพี่เสือนอนหลับ อิอิ”
เหมือนครั้งก่อนที่เคยไปกับคุณพ่อคุณแม่ น้องเกวขี่หลังคุณพ่อเดินดูพี่เสือในหลายๆ กรง หนูน้อยพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อยเปื่อยเสียงสดใส
‘หึหึ ระวังโดนพี่เสือจับกินนะคะ’
ธนาตย์เสมองภรรยานั่งลงเคียงกายทิ้งศีรษะลงนอนหนุนตักหล่อนเปิดลำโพงวางโทรศัพท์กลางอกกว้างฟังเสียงแก้วตาดวงใจพูด
“คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ น้องเกวเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่งอแง พี่เสือไม่กินน้องเกวหรอกค่ะ อิอิ”
‘จ้ะ ลูกสาวของคุณพ่อน่ารักน่าเอ็นดูที่สุดเลย’
“น้องเกวน่ารัก อิอิ”
‘หลงตัวเองเหมือนคุณพ่อไม่เปลี่ยนเลยนะ ลูกรัก’
“น้องเกวป่าวน๊า คุณแม่”
ลูกสาวยิ่งโตยิ่งพูดเก่ง ณิชาภัทรเอ็นดูลูก
‘ตาชมมาถึงหรือยังคะ’
“ยังค่ะ ลุงคีย์โทรหาเมื่อกี้คุณตาชมบอกรถติดมากเลย อุ๊ย คุณแม่ขา กระเป๋าใครไม่รู้เงินตก น้องเกวขอไปเก็บให้นะคะ”
หนูน้อยตกใจรีบวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ร่างกะทัดรัดรีบปีนป่ายลงจากเก้าอี้วิ่งออกไปหน้าร้าน หยิบกระเป๋าเงินสีขาวขนาดยาวบนพื้นขึ้นมา ออกแรงวิ่งตามหลังผู้หญิงเจ้าของกระเป๋าเงินคุณคนนั้นกำลังอุ้มเด็กชาย น้องน้อยมองมายังตนเองตาแป๋วปากดูนิ้วโป้งจ๊วบๆ
“น้องเกว อย่าวิ่งออกไป!” ร้องตามหลังเสียงดัง
“เดี๋ยวกลับมาเอานะครับ”
หันหน้ามาบอกพนักงานก่อนวิ่งตามหลานสาวออกมา กลัวจะพลัดหลงกับหลานเพราะช่วงเย็นวันเสาร์นักเดินทางเยอะมาก เขาเป็นผู้ชายตัวโต ขายาว วิ่งตามแป๊บเดียวมาหยุดอยู่หน้าร้าน
“กระเป๋าเงินของคุณตกค่ะ หนูเก็บให้” หนูน้อยวิ่งไปดักข้างหน้าเจ้าของกระเป๋าเงินและส่งคืนให้ จ้องมองผู้หญิงคนนั้นนัยน์ตาใส
“ขอบใจนะจ๊ะ เอาตังค์ไปกินขนมนะ” ผู้หญิงคนนั้นเปิดกระเป๋าอย่างยากลำบากเพราะอุ้มตัวเล็กอยู่ด้วย หยิบเงินออกมาส่งให้
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องเกวทำดีไม่หวังสิ่งตอบแทน”
.........................................................
นางฟ้าลวงรัก
เขียนโดย คณานางค์
ติดตามผลงานนักเขียนได้ที่แฟนเพจ คณานางค์