Chris Part
.
ผมจอดรถหน้าบ้านที่คุ้นเคย ช่วงนี้มาที่นี่บ่อยกว่าบ้านตัวเองด้วยซ้ำ มันว่าง ๆ ไม่ค่อยอยากเที่ยวหรืออยากไปคั่วสาวที่ไหน โปรเจกต์จบก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ก็เลยใช้เวลาว่างด้วยการมากวนเพื่อนและแฟนมันเล่น
ผมดูออกหรอกว่าไอ้มาเฟียมันหึงผมกับนับดาว ไม่รู้จะหึงทำไมเพราะนับดาวก็ดูรักมันออกปานนั้น แต่ถ้าให้เดาคงเพราะผมหน้าตาดีมาก แถมคารมก็ดี มันเลยกลัวว่านับดาวอาจจะตาพร่ามาหลงเสน่ห์ผม ซึ่งแม่งโคตรไร้สาระ ถึงจะเป็นแบบนั้นจริงผมไม่มีทางสนใจนับดาวหรอก สวยแค่ไหนก็ไม่มีทางกินเมียเพื่อนเด็ดขาด
“กูโคตรเบื่อหน้ามึง” คำทักทายของมาเฟียเปลี่ยนไปทุกวัน และร้ายขึ้นทุกวัน ผมโคตรชินกับมัน มันมีใบหน้าที่เฉยชาแต่ปากโคตรจัด อยู่กับมันมาเกือบทั้งชีวิตโดนด่าโดนเหน็บจนชิน แค่นี้สบายมาก
“หวัดดีนับดาว” ผมไม่สนใจคนปากปีจอและหันไปทักทายนับดาว สาวสวยที่สุดในมหาวิทยาลัยหันกลับมาส่งยิ้มบาง ๆ ให้ผม นี่ก็อีกคน ทำหน้าเป็นอยู่ไม่กี่หน้า เพราะแบบนี้นับดาวถึงรอดจากมือผมไปได้ เธอดูไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่ ไปเล่นด้วยคงไม่แคล้วถูกส้นสูงปาใส่หัว ไม่รู้ไปลงเอยกับไอ้มาเฟียได้ยังไง แต่ก็เหมาะกันดี เจ้าหญิงน้ำแข็งกับเจ้าชายเย็นชา
“มาทำไมอีกวันนี้”
“มาเยี่ยมคุณย่า”
“คุณย่าพักผ่อนอยู่”
คำตอบเดิม ๆ ไม่ได้ทำให้ผมถอดใจและยอมกลับบ้านแต่อย่างใด เพราะผมเปลี่ยนเป้าหมายทันที
“นับดาว ช่วยดูผลงานลูกศิษย์คนนี้หน่อยได้ไหมว่าพอใช้ได้หรือเปล่า”
“ได้สิ” ช่วงนี้ผมกำลังสนใจเรื่องกล้อง และโชคดีที่มีคนใกล้ตัวอย่างนับดาวที่มีความรู้เรื่องกล้องหลายแบบ ทั้งกล้องดิจิตอล กล้องฟิล์ม ถึงแม้เธอจะถ่อมตัวอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ได้เก่งอะไร แต่จากที่ได้เห็น ฝีมือถ่ายรูปของเธอดีเหมือนเป็นช่างภาพมืออาชีพ ผมเลยถือโอกาสฝากตัวเป็นศิษย์เสียเลย ซึ่งนับดาวเองก็เต็มใจ(หรือเปล่า)
มือบางรับกล้องราคาแพงของผมไปถือ ก่อนเลื่อนดูรูปในนั้นอย่างตั้งใจ ใบหน้าสวยพยักขึ้นลงกับตัวเองในบางครั้ง เธอเลื่อนดูจนไม่มีอะไรให้ดูแล้วจึงส่งกล้องตัวนั้นกลับมาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“ฝีมือดีนะเนี่ย คงไม่ต้องให้สอนแล้วมั้งเพราะดูท่าจะเก่งกว่าฉันแล้ว”
“บ้า ศิษย์จะเก่งกว่าครูได้ไง” ผมตอบเธอขำ ๆ แต่ก็ยอมรับว่าฝีมือการถ่ายรูปของตัวเองดีขึ้นกว่าตอนแรกมาก เพราะนอกจากเรียนรู้จากนับดาวแล้วผมก็แสวงหาเทคนิคอื่น ๆ จากในอินเตอร์เน็ตไปเรื่อย ๆ ด้วย เพราะเอาเวลาไปทุ่มเทให้กับเรื่องถ่ายรูปช่วงนี้ผมถึงได้ห่างหายจากเรื่องเที่ยวไปพอสมควร
พอไม่ได้เที่ยวไม่ได้นอนกับใครผมกลับไม่ได้รู้สึกโหยหาขนาดนั้น เมื่อก่อนก็เคยคิดว่าตัวเองเจ้าชู้และต้องขาดเซ็กส์ไม่ได้แน่ ๆ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเพราะตอนนั้นยังไม่ได้มีงานอดิเรกมาดึงความสนใจเหมือนตอนนี้ เรื่องเซ็กส์เลยกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สุดและขาดไม่ได้ไป เมื่อก่อนผมต้องออกไปเที่ยวขั้นต่ำอาทิตย์ละครั้ง และต้องได้สาวกลับมากอดด้วยทุกครั้งไม่เคยขาด แต่ตอนนี้ผมแค่ออกไปเที่ยวบ้างถ้าเพื่อนชวน ทว่าไม่ได้คิดจะหิ้วสาวไปต่อด้วยเหมือนเคย ผมจำได้แม่นว่าเซ็กส์ครั้งล่าสุดของผมเกิดกับผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงที่เคยเป็นคู่หมั้นของเพื่อนสนิทผมเอง
เรื่องราวในคืนนั้นสร้างความประทับแบบที่ต่อให้ตายผมก็ไม่สามารถลืมได้ลง เธอวิเศษจนไม่มีใครมาแทนที่ได้ หรือนี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มเบื่อเซ็กส์? ไม่รู้สิ... ผมไม่ได้ชอบเธอจนถึงขั้นอยากจริงจังด้วย แต่ก็ยอมรับว่าทุกอย่างในคืนนั้นยังติดอยู่ในความทรงจำทุกขั้นตอน ทุกครั้งที่เราได้เจอกันผมต้องข่มอารมณ์ที่อยากดึงเธอมาทำเหมือนกับคืนนั้นเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราพิเศษกว่าคนอื่น
ผมยังไม่พร้อมที่จะหยุดที่ใคร
“ภาพนายสวยมากจริง ๆ นะคริส ถ่ายวิวออกมาเหมือนว่าได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ทำไมไม่มีรูปคนเลยล่ะ” ผมกลับมาสนใจนับดาวอีกครั้งหลังจากปล่อยความคิดให้ลอยล่องไปไกล นั่นสิ...ทำไมผมถึงไม่มีรูปผู้คนเลยนะ ทุกครั้งที่ยกกล้องขึ้นเพื่อที่จะถ่ายใครมันก็มักจะหมดอารมณ์เอาซะดื้อ ๆ ทุกที ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็เลยถ่ายได้แค่วิวกับสัตว์ อาจจะเป็นเพราะ...
“เพราะยังไม่เจอคนที่ถูกใจจนอยากกดชัตเตอร์น่ะ”
ใช่ ผมยังไม่รู้สึกถูกใจใครจนอยากถ่ายรูปเก็บไว้ รูปถ่ายมันเป็นเหมือนกล่องความทรงจำที่แสนมีค่า ทุกครั้งที่อยากถ่ายรูปก็เพื่อจะเก็บสิ่งที่มีค่านั้นไว้ให้อยู่ตลอดไป และผมยังไม่เจอคนนั้น คนที่อยากเก็บบันทึกไว้ในกล่องความทรงจำของผม
“อืม...ซักวันก็จะเจอเองแหละ”
“หวังว่านะ”
“คุณพิมพ์คะ! คุณพิมพ์! คุณหนูยังมีแขกนะคะ เข้าไปไม่ได้ค่ะ”
“เสียงอะไร” ผมตั้งตำถามเป็นคนแรก แต่ไม่มีใครให้คำตอบได้เพราะทุกคนก็นั่งอยู่ในห้อง และไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างนอกเหมือนกัน
“ฉันจะเข้าไป วันนี้ฉันต้องคุยกับมาเฟียให้รู้เรื่อง!” เจ้าของชื่อลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ผมและนับดาวตัดสินใจลุกตามไปด้วย
“น้าพิมพ์”
ผู้หญิงสวยสง่าดูคุ้นหน้าคนหนึ่งยืนอยู่กลางโถงของบ้าน ใบหน้าสวยแดงด้วยความโกรธ มือข้างหนึ่งกำบางอย่างไว้แน่น
“ออกมาได้แล้วเหรอ ยังดีที่เป็นลูกผู้ชายพอ”
“นี่มันอะไรกันครับน้าพิมพ์”
“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ หึ!” เธอปาของที่กำไว้เข้าที่หน้าหล่อ ๆ ของมาเฟีย มันไม่ได้หลบ แถมยังก้มลงไปเก็บสิ่งที่อีกฝ่ายปาใส่ขึ้นมาอ่าน
“นี่มัน...”
“ใช่ ยาบำรุงครรภ์ของลูกสาวฉัน”
“คุณน้าต้องการจะพูดอะไรครับ”
“แม่พรีมไม่เคยปล่อยตัวกับใคร ผู้ชายที่ลูกสาวฉันใกล้ชิดด้วยมีแค่เธอ ช่วงที่คุณนงนาถเข้าโรงพยาบาลพวกเธอเอาเวลาว่างไปทำอะไรกัน ลูกสาวฉันถึงท้องแบบนี้”
“เฟีย...” นับดาวเรียกคนรักของตัวเองด้วยความตกใจ ผมเองก็ตกใจไม่น้อย คุณน้าคนนี้คือใคร ลูกสาวที่เธอเอ่ยถึงคือใคร ทำไมถึงมาโวยวายแบบนี้เพราะลูกสาวตัวเองตั้งท้อง และพูดเหมือนว่าพ่อของเด็กคือมาเฟียอย่างไงอย่างงั้น
“คุณน้า ผมไม่เคยทำอะไรพรีมเลยนะครับ ให้ผมสาบานก็ได้”
“ฉันไม่เชื่อ หรือเธอจะบอกว่าลูกสาวฉันใจแตก เลยท้องไม่มีพ่อแบบนี้ ใช่ไหม?”
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะครับ” มาเฟียพูดด้วยเสียงที่เบาลง ใบหน้าคมเต็มไปด้วยความกังวล มันใช้มืออีกข้างกุมมือนับดาวได้แน่นราวกับจะไม่มีทางปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป
“คนนี้ใช่ไหมแฟนเธอ มีคู่หมั้นอยู่แล้วแท้ ๆ แต่กลับไปมีแฟนหน้าตาเฉย จนลูกสาวฉันต้องมานั่งบอกว่าจะยกเลิกทุกอย่างเอง ส่วนทางตระกูลนี้กลับเงียบกริบ นี่น่ะเหรอตระกูลใหญ่ ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี!”
“นี่มันอะไรกัน พิมพ์นภา!” เสียงที่ทรงอำนาจดังก้องกังวานจนทุกคนหันกลับไปมอง คุณย่าที่ถูกพยุงโดยอุ้ม คนรับใช้คนสนิท และคุณหมิวนักกายภาพบำบัดเดินเข้ามาใกล้พวกเราที่ยืนคุยกันอยู่เรื่อย ๆ จนเหลือระยะห่างไม่มาก
“คุณป้ามาก็ดีแล้วค่ะ จะได้รู้เรื่องที่หลานชายคุณป้าไปทำงามหน้าไว้”
“หลานฉันทำอะไร”
“ลูกสาวดิฉันท้องค่ะ” คำพูดนั้นทำให้คุณย่าเอามือทาบอก ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างด้วยความตกใจ “และคุณป้าเองก็รู้ดีว่าลูกสาวดิฉันเป็นเด็กดีแค่ไหน ผู้ชายที่ใกล้ชิดด้วยก็มีแต่คู่หมั้น ไม่สิ... อดีตคู่หมั้น”
คำว่าคู่หมั้นที่อีกฝ่ายย้ำแล้วย้ำอีกทำให้ผมตกใจ ถ้าลูกสาวของคุณน้าคนนี้คือคู่หมั้นของมาเฟีย ก็หมายถึงผู้หญิงคนนั้นอย่างนั้นเหรอ
ผมประมวนผลทุกอย่างอย่างรวดเร็ว จำได้แล้วว่าคุณน้าคนนี้คือคุณพิมพ์นภา เธอมีชื่อเสียงในแวดวงผู้ดีตระกูลเก่าแก่ไม่ต่างอะไรจากตระกูลของมาเฟีย ซึ่งมันแตกต่างจากแวดวงพ่อชาวจีนแบบบ้านผม ไม่แปลกเลยที่ผมจะไม่ค่อยรู้จักเธอเท่าไหร่ แต่ก็เคยคุ้นหน้าคุ้นตามาบ้าง
ส่วนพรีม อดีตคู่หมั้นของมาเฟียก็เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณพิมพ์นภา ผมไม่นึกแปลกใจแล้วที่สองตระกูลนี้ถูกหมั้นหมายกันไว้ เพราะความเหมาะสมทั้งหน้าตา ฐานะ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลนี่เอง
แต่เรื่องการหมั้นอะไรนั่นถ้าไม่ใกล้ชิดจริง ๆ คงไม่มีทางรู้ เพราะมันเป็นแค่การหมั้นปากเปล่าของผู้ใหญ่ ตัวผมเองขนาดเป็นเพื่อนสนิทกับมาเฟียมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง ถ้ารู้ก่อนหน้านี้เรื่องคืนนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น...
“เธอได้ถามหนูพรีมหรือยังพิมพ์นภา”
“ลูกสาวดิฉันไม่อยู่ให้ถามหรอกค่ะ แม่พรีมหอบเอาลูกในท้องกลับไปอยู่ที่ออสเตรเลียแล้ว”
“อืม เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่ พูดมากไปคนที่จะเสียหายก็คือหนูพรีม เธอกลับไปก่อน ฉันสัญญาว่าจะทำทุกอย่างด้วยความเป็นกลาง ขอให้ฉันได้คุยกับหลานหน่อยก็แล้วกัน”
“แต่ว่า...” ดูเหมือนว่าคุณพิมพ์นภาจะไม่ยอมง่าย ๆ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนัก เพราะยังไงที่ตรงนี้คุณย่าก็เป็นใหญ่ที่สุดอยู่ดี
“ฉันเอาศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีเป็นประกัน ถ้าฉันตัดสินทุกอย่างด้วยความลำเอียงจริง ๆ เธอจะประจานฉันก็ได้ แค่นี้พอที่ทำให้เธอเชื่อใจได้บ้างหรือเปล่าพิมพ์นภา”
คำพูดของคุณย่าทำให้เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ เพราะไม่มีใครคิดว่าผู้ใหญ่วัยเจ็ดสิบที่รักศักดิ์ศรีตัวเองยิ่งกว่าอะไรจะเอาสิ่งนั้นมารับประกัน คุณพิมพ์นภานิ่งไปสักพัก ก่อนจะยอมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่อ่อนลง
“ก็ได้ค่ะ ดิฉันต้องกราบขอโทษด้วยที่มาแบบเสียมารยาทแบบนี้ แต่เพราะดิฉันกำลังตกใจ และโกรธที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับลูกสาวตัวเอง หวังว่าคุณป้าจะเข้าใจนะคะ”
“ฉันเข้าใจ เธอกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะโทรหา”
“ค่ะ ดิฉันลานะคะ” คุณพิมพ์นภาไหว้ลาคุณย่าของมาเฟีย ก่อนที่จะเดินออกไปโดยที่ยังไม่วายมองมาเฟียด้วยสายตาตำหนิ เมื่อร่างโปร่งบางนั้นหายลับไปจากสายตาคุณย่าก็หันกลับมามองหน้าของหลานชายตัวเอง สลับกับมองหน้านับดาว และสุดท้ายเอ่ยสั่งเสียงเฉียบขาดก่อนจะเดินนำไปที่ห้องหนังสือ
“มาเฟีย ไปคุยกับย่า นับดาวรออยู่นี่ก่อน”
“ค่ะคุณย่า”
“เชื่อใจกันนะ เข้าใจไหม” มาเฟียหันมาบอกนับดาวด้วยเสียงที่ร้อนรนผิดวิสัยของมัน ส่วนนับดาวพยักหน้ารับไปทั้ง ๆ ที่สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่
“นายไปคุยกับคุณย่าก่อน ไว้เราค่อยคุยกัน”
“อืม” มาเฟียเดินตามคุณย่าไป แต่ยังไม่วายจะหันมามองนับดาวอยู่เป็นระยะ ผมเห็นสีหน้าของนับดาวค่อนข้างแย่จึงเอ่ยชวนให้เธอเข้าไปนั่งพักก่อน
“นับดาวเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นก่อนนะ”
“อือ” นับดาวพยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับไปในห้องนั่งเล่น เธอนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำแต่กลับไม่มีน้ำตาซักหยด
ผมกลับมานั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น วันนั้นที่เจอพรีมที่โรงพยาบาลผมได้เห็นรูปถ่ายอัลตร้าซาวด์ของเธอ แต่เพราะหลังจากนั้นผมต้องรับมือกับโบตั๋นเลยทำให้ลืมเรื่องของพรีมไปสนิท เพิ่งมานึกได้ก็วันนี้ แปลว่าเธอกำลังท้องจริง ๆ คุณพิมพ์นภาไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง
แล้วเธอท้องกับใคร...
ผมจำได้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ แต่ใครเป็นคนต่อจากนั้นล่ะ ตัดมาเฟียออกไปได้เลย เพราะมันไม่มีทางนอกกายนอกใจนับดาวเด็ดขาด แล้วใครล่ะที่ทำให้เธอท้อง...
หรือว่าแท้จริงแล้วพ่อของเด็กจะเป็นผม
ไม่มีทาง
ผมรีบปัดความคิดนั้นออกไป วันนั้นถึงแม้จะได้เป็นคนแรกแต่ผมก็ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่สอดใส่ เรื่องพวกนี้ผมถูกป๊าสอนมาอย่างดีว่าให้ดูแลตัวเองและคู่นอนไม่ให้ติดโรคหรือพลาดทำผู้หญิงท้อง ซึ่งผมก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด และไม่เคยพลาดเลยซักครั้งเดียว ไม่ใช่ผมแน่ ๆ
แม้จะมั่นใจ แต่ทำไมมันรู้สึกหวิว ๆ แบบนี้นะ....