ด้วยความตกใจหานรั่วหลานจึงถอยหลังล้มลงก้นกระแทกพื้น แต่สายตายังคงทอดมองจอมอนิเตอร์ที่ปรากฏภาพสินค้า และคำอธิบายด้วยหน้าจอที่ดูคุ้นตาอย่างยิ่ง
"นี่มัน…!!!"
"หากต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับการซื้อสินค้า สามารถปรึกษาพนักงาน เรามีเอไออัจฉริยะ เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณลูกค้าในหลายรูปแบบ"
หานรั่วหลานตั้งสติได้จึงรีบหยัดกายลุกขึ้น ดวงตาของนางเป็นประกายแวววับ มือบางค่อยๆ ยกขึ้นไปแตะหน้าจอที่อยู่บนอากาศ เพื่อเลื่อนดูข้อมูลต่างๆ ในแต่ละหน้า ด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง
"หากคุณลูกค้าต้องการสินค้าตัวใด แค่เพียงบอกเราๆ จะแสดงผลให้ท่านได้เลือกในเวลาไม่กี่วินาที"
"โต้ตอบได้ด้วย"
"ถูกต้องแล้วค่ะ เพราะเราเป็นระบบเอไออัจฉริยะ ที่มีไว้เพื่อทำการซื้อขาย จากต่างโลก เพียงแค่ท่านมีสิ่งที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ามากพอ กับสินค้าของเรา ก็สามารถได้รับสินค้านั้นตามที่ท่านต้องการ"
"แลกเปลี่ยน…!? "
หานรั่วหลานพึมพำออกมา ทันใดนั้นระบบหน้าจอตรงหน้าก็ปรากฏภาพและคำอธิบายให้นางเข้าใจมากยิ่งขึ้น
"ฉันสามารถซื้ออะไรก็ได้ที่มีอยู่ภายในโลกนั้น อย่างนั้นหรือ"
"ถูกต้องแล้วค่ะ จะซื้อสินค้าอะไรก็ได้ที่มีอยู่บนโลก ตั้งแต่อาหารไปจนถึง ข้าวของเครื่องใช้หรือแม้แต่อาวุธ ขอแค่ของสิ่งนั้นมีอยู่ภายในโลกของพวกเรา คุณลูกค้าก็สามารถทำการซื้อขายได้โดยมีข้อแลกเปลี่ยน คือจะต้องนำสินค้า ที่มีมูลค่าพอๆ กันมาให้กับเรา เราก็จัดส่งมอบสินค้านั้นให้กับคุณลูกค้าในทันที"
หานรั่วหลานหัวเราะออกมาในที่สุด
"นี่มันจะอัศจรรย์เกินไปแล้ว"
นางกล่าวเสร็จก็ยื่นมือไปบนหน้าจอ พร้อมทั้งเลือกซื้อสินค้าบางส่วน "งั้นลองสั่งของกินดูแล้วกัน เอาพิซซ่าขอบชีสพร้อมกับน้ำอัดลมเย็นๆ คงจะดี แล้วอะไรที่มีค่าพอกับอาหารแบบนี้นะ"
หญิงสาวลองหยิบถุงเงินตำลึงออกมาหนึ่งถุง นางไม่รู้ว่ามูลค่าเท่าใดถึงจะเรียกว่าเพียงพอ จึงได้ใส่มันลงไปทั้งหมด
ความอัศจรรย์ใจก็ปรากฏขึ้น เมื่อพิซซ่าและน้ำอัดลมจำนวนกว่าหนึ่งพันกล่อง ก็ได้ปรากฏขึ้นภายในห้องของนาง
"นี่มัน…!!!"
นางรีบไปเปิดกล่องออกทีละกล่องพบว่าเป็นพิซซ่าหน้าชีสร้อนๆ ที่นางสั่งไปเมื่อครู่นี้ และคล้ายกับเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ไม่เพียงเท่านั้น น้ำอัดลมและน้ำแข็งยังถูกวางไว้คู่กัน หญิงสาวระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เสียงดังออกไปนอกห้อง
"นายหญิงคงจะเสียใจมาก ที่ถูกปฏิบัติเช่นนั้นฟางไทเฮาก็กระไร เห็นนายหญิงของเราไม่มีปราณธาตุ ก็ข่มเหงรังแก ถึงขนาดยอมสละพลังของตนเอง หากไม่เกลียดชังกันมากจริงๆ คงทำเช่นนี้ไม่ได้หรอก"
"น่าสงสารก็แต่นายหญิง เพิ่งถูกท่านอ๋องหักหลัง และยังมาโดนแม่สามีกระทำการเช่นนี้อีก เป็นผู้ใดจะรับไหวเล่า ดูเอาเถิดตอนนี้น่าจะหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกที่เจ็บปวดของตนเองอยู่ ข้าว่าปล่อยให้นายหญิงได้อยู่กับตนเองสักพักคงจะดีขึ้น"
สาวรับใช้ที่คอย ปรนนิบัติดูแลอยู่ข้างกายนางอยู่เสมอ ต่างพยักหน้าเป็นเสียงเดียวกัน
แต่ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก พวกนางถึงกับผงะตกใจ
"พวกเจ้าทั้งหมดรีบเข้ามานี่เร็ว"
หานรั่วหลานกวักมือเรียกสาวใช้ของนางด้วยท่าทีกระตือรือร้นยิ่ง
"นี่มัน…!!!"
ภาพสิ่งของแปลกประหลาดที่วางอยู่จนเต็มห้อง ทำให้สาวใช้ทั้งแปดดูตกใจอย่างยิ่ง
"นายหญิงนี่มันอะไรกันเจ้าคะ"
"ข้ามีพลังปราณอย่างเช่นคนอื่นๆ แล้ว แต่ปราณธาตุของข้าอาจจะดูแปลกไปสักนิด พวกเจ้าดูนี่สิ"
นางเปิดกล่องพิซซ่า พร้อมกับนำเหยือกขนาดใหญ่มาวางไว้ หญิงสาวได้นำน้ำแข็งใส่ไว้ในเหยือกนั้นก่อนแล้ว และค่อยๆ รินน้ำอัดลมลงไปช้าๆ แต่ก็ยังเกิดฟองลอยขึ้นตามปกติของมันอยู่ดี"
"พิษหรือเจ้าคะ เหตุใดพิษชนิดนี้ถึงได้รุนแรงนัก มันเป็นพิษชนิดกัดกร่อนใช่หรือไม่" เมื่อลี่อินหนึ่งในสาวใช้ของนางเห็นว่าฟองนั้น เกิดปฏิกิริยาบางอย่าง จนเกิดเสียงและมีฟองบางส่วน กระเด็นขึ้นเหนือผิวน้ำ ก็ให้คิดว่าพิษชนิดนี้ช่างร้ายแรงนัก ไม่รู้ว่าหากเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะมีพิษสง ทำลายล้างได้มากเพียงใด
หานรั่วหลานกลอกตาของตนเอง ก่อนที่จะยกเหยือกนั้นขึ้นมาจรดริมฝีปาก สาวใช้ทั้งแปดคนถึงกับรีบคว้าเหยือกของนางเอาไว้จนหกเลอะเทอะ หานรั่วหลานได้แต่มองเหยือกที่ถูกขว้างออกไปอย่างอ้าปากค้าง
"นายหญิงถึงท่านจะเสียใจปานใด แต่ก็ไม่ควรคิดที่จะปลิดชีวิตตนเองเช่นนี้ ใหนท่านบอกว่า ท่านจะทำให้ฟางไทเฮา และคนที่มันเคยดูถูกท่านรู้สึกตกตะลึง ว่าท่านจะสามารถสั่นคลอนทั้งห้าแคว้นนี้ได้อย่างไรไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงได้ยอมแพ้ คิดจะปลิดชีวิตตนเองเช่นนี้เล่า"
คนหนึ่งร้องไห้อีกคนหนึ่งก็ดึงแขนทั้งสองข้างของนางไว้ ส่วนคนที่เหลือโผเข้ามากอดร่างของนางเอาไว้แน่น
ซึ่งทั้งหมดกำลังเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว หานรั่วหลานพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของพวกนาง แต่ดูเหมือนว่าจะสู้แรงไม่ไหว หญิงสาวจึงได้รีบเอ่ยออกมาว่า "พวกเจ้าเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ผู้ใดคิดที่จะปลิดชีวิตตนเอง ข้าเพียงจะแสดงให้พวกเจ้าดูว่า สิ่งที่อร่อยที่สุด และเป็นของโปรดที่ข้าชื่นชอบนั้นเป็นอย่างไร"
"คุณหนูโปรดปรานการดื่มยาพิษตั้งแต่เมื่อใดนี่ท่านเสียใจจนสติเลอะเลือนไปหมดแล้วหรือ"
หานรั่วหลานกลอกตาอีกครั้ง เมื่อทุกคนตั้งสติได้แล้ว นางจึงค่อยๆ อธิบายอย่างใจเย็น
"นี่คือปราณธาตุของข้า ที่เพิ่งตื่นขึ้นมา ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออันใด แต่แค่เพียงข้าลองคิดถึงอาหารหน้าตาแปลกประหลาด ก็ปรากฏเป็นลำแสงสีทอง แต่เมื่อข้าคิดจะคว้ามันก็ไม่สามารถคว้ามาได้ จึงได้ลองยื่นถุงเงินของตนเองเข้าไปในลำแสงนั้น ทุกอย่างก็ปรากฏเป็นภาพอย่างที่พวกเจ้าเห็น และก่อนหน้านี้ ข้าก็ได้ลิ้มลองรสชาติของมันแล้ว พบว่าเลิศรสยิ่งนัก ไม่มียาพิษแต่อย่างใด"
"นายหญิงดื่มมันเข้าไปแล้วหรือเจ้าคะ"
ทุกคนมีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ลี่จวงถึงขนาดรีบมาเขย่าร่างของนาง ลี่ฟางเองก็ลูบหลังของหญิงสาวพร้อมกับ ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
"นายหญิงอาเจียนมันออกมาให้หมดอย่าให้เหลือนะเจ้าคะ พวกเจ้าช้าอยู่ทำไมไปตามหมอมาเร็วเข้า"
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของคนสนิทหานรั่วหลานจึงได้ตวาดออกมาเสียงดังในทันที "พวกเจ้าหยุดได้แล้ว ข้าบอกไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ ว่ามันหาใช่อาหารที่มีพิษแต่อย่างใด แต่มันคืออาหารที่ข้าจินตนาการมันขึ้นมาต่างหาก"
นางสลัดสาวใช้ทั้งแปดจนหลุดออก พร้อมกับเดินไปหยิบขวดน้ำอัดลมขึ้นมา กรอกเข้าปากตนเอง และยังไม่ลืมที่จะหยิบชิ้นพิซซ่าขึ้นมาส่งเข้าปากจนสองข้างแก้มขยายใหญ่ขึ้น เมื่อเห็นว่าสาวใช้ทั้งแปดคน กำลังจะถลาเข้ามาจับตัวนางหญิงสาวก็รีบยกมือขึ้น
"หยุด…" หานรั่วหลานรีบเคี้ยวอาหาร ในปากจนหมด ก่อนที่จะยก ขวดน้ำอัดลมในมืออีกข้างขึ้นมาจรดริมฝีปากอีกครั้งนางหันมากล่าวกับสาวใช่ทั้งแปดคนว่า "พวกเจ้าเห็นหรือไม่ ว่ามันมิเป็นอันใด มิหนำซ้ำรสชาติ ยังเลิศรสยิ่งกว่าอาหารใดที่ข้าเคยลิ้มลองมา ไม่เชื่อ พวกเจ้าลองชิมดู"
หานรั่วหลานยื่นพิซซ่าให้กับสาวใช้ทั้งแปดคน เมื่อเห็นว่าพวกนางไม่มีทีท่าว่าจะรับไป หญิงสาวจึงได้กดเสียงให้เข้มขึ้น พร้อมกับยัดมันใส่มือของแต่ละคน ด้วยท่าทีบังคับแกมข่มขู่
"คุณหนูพวกบ่าวไม่กล้า"
ยังไม่ทันที่พวกนาง จะได้พูดจบ หญิงสาวก็รีบยัดมันเข้าปากของลี่ซือเป็นคนแรกในทันที แต่แค่เพียงสัมผัสแรกที่รับรู้ ลี่ซือก็มีดวงตาเบิกกว้าง นาง กัดพิซซ่านั้นอีกคำอย่างเชื่องช้า ก่อนที่คำต่อมาจะเต็มไปด้วยความเร่งรีบ หานรั่วหลานยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ พร้อมกับยื่นเหยือกน้ำอัดลมอันใหม่ให้กับนางอย่างใจดี
ลี่ซือทอดมองดวงหน้าผู้เป็นนายหญิง ก่อนที่จะเหลือบมองน้ำในเหยือกที่ถูกส่งมาด้วยความไม่มั่นใจ
"ดื่มมันลงไป"
คำสั่งนี้ไม่ได้มีตัวเลือกอื่นให้นางได้ทำตาม เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจัง อย่างที่ไม่เคยเป็นของหานรั่วหลาน ลี่ซือจึงได้แต่จำใจยอมยกเหยือกน้ำที่มีน้ำสีประหลาดอยู่ในนั้นจรดขึ้นแตะที่ริมฝีปาก
"นี่มัน…!!!"
"ข้าบอกแล้วว่ามันเลิศรส"
คราวนี้ลี่ซือไม่มีท่าทีลังเลอีกต่อไป นางยกทั้งเหยือกขึ้นดื่มอย่างรวดเร็วสาวใช้ทั้งเจ็ดคนที่เหลือเมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น ก็เกิดความลังเลและยอมทำตาม
"นายหญิงข้าไม่เคยลิ้มลองอาหารที่เลิศรสถึงเพียงนี้มาก่อน"
"ข้าก็เช่นกัน เอาไว้ครั้งหน้าข้าจะจินตนาการถึงอาหารที่แปลกประหลาดมากกว่านี้ก็แล้วกัน ไม่คาดคิดเลยว่าข้าจะมีปราณธาตุที่ไม่เหมือนผู้ใดแบบนี้"
หญิงสาวยิ้มรับให้กับความสามารถที่เพิ่งจะได้รับของตนเอง ถึงแม้พรวิเศษที่นางได้รับข้อนี้ จะไม่ใช่ปราณธาตุอย่างเช่นที่บอกกับผู้อื่น แต่นางรู้ดีว่ามันมีประโยชน์มากกว่า ปราณธาตุเหล่านั้นหลายเท่า และนางจะอาศัยเจ้าสิ่งนี้นี่แหละที่จะทำให้ทั้งห้าแคว้นสั่นสะเทือน
เฉินหลิวหยางนั่งอยู่ในห้องทรงอักษรกับ ฮ่องเต้แคว้นต้าหยางด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งเครียด เขาพึมพำกล่าวถามอีกฝ่ายออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ข้ากับนาง รักกันมากเลยหรือ"
"จะบอกว่ารักคงไม่ถูกต้องนัก คงต้องบอกว่าเจ้าหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวนางยิ่งกว่าสิ่งใด ถึงขนาดที่เสด็จแม่ จะตัดขาดความสัมพันธ์กับเจ้า เพราะไม่ยอมให้เจ้าตกแต่งนางเข้ามาในฐานะชายาเอก แต่เจ้าก็หาได้ยอมไม่ สุดท้ายเจ้าก็ฟันฝ่าอุปสรรคจนได้นางมาสมใจ ซึ่งความสัมพันธ์ของพวกเจ้าก็ราบรื่นดี จนเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ที่เจ้าทำผิดต่อนางนั่นแหละ ทำให้เสด็จแม่ก้าวเข้าไปวุ่นวายในชีวิตของพวกเจ้าอีกครั้ง แต่ข้าก็มิคาดคิดอยู่ดี ว่าเป็นเพราะเจ้าผิดหวังที่นางทำเช่นนั้นถึงขนาดจะร้องขอให้เสด็จแม่ ลบความทรงจำเกี่ยวกับนางทั้งหมดไปจริงๆ "
"แสดงว่าจะต้องเกิดเรื่องบางอย่าง ในระหว่างนั้น ที่ข้าอาจจะทำร้ายพระทัยเสด็จแม่ เพื่อนาง จนถึงขนาดที่เสด็จแม่ยอมสละพลังของตนเอง เพื่อหวังว่าจะทำลายความสัมพันธ์นี้ หากข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางแล้ว"
"ย่อมเป็นเช่นนั้น เจ้าก็อย่าได้โทษเสด็จแม่เลยเพราะแม้นแต่พี่เอง ก็ไม่ได้รู้สึกว่าการที่เจ้าตกแต่งนางเข้ามาในฐานะชายาเอก จะเป็นเรื่องที่สมควรด้วยฐานะของพวกเจ้าช่างห่างชั้นกันยิ่งนัก เจ้าที่ถือครองปราณธาตุขั้นมหาจักรพรรดิขั้นปลายส่วนนางไม่มีแม้แต่พลังธาตุติดตัว มันช่างไม่มีความเหมาะสมกันเอาเสียเลย"
"แม้แต่เสด็จพี่ก็รู้สึกว่านางมิคู่ควรกับข้าหรือ"
"ถูกต้อง"
"งั้นข้าต้องหลงใหลนางมากอย่างที่เสด็จแม่ว่าจริงๆ ความรู้สึกเหล่านั้นมันเกิดขึ้นมาเพราะอะไรกัน นางจะต้องมีดีพอตัว"
"อาจจะเพราะดวงหน้าที่งดงาม แทบจะกล่าวได้ว่างามล่มแคว้นของนางนั่นกระมัง ที่ทำให้เจ้าหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น"
"เสด็จพี่ทรงคิดว่าข้า หลงใหลนางเพราะเหตุนี้จริงๆ หรือ ท่านไม่รู้จักนิสัยใจคอของข้าเลยหรือไร นางจะต้องมีดีมากกว่านั้น และข้าจะต้องรู้ให้ได้ ว่ามันคืออะไร"