นินทาระยะเผาขน

1475 คำ
หลังจากที่ฉันกับฟ้าใสหาที่นั่งได้แล้ว ครู่หนึ่งก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดานักเรียนหญิงดังขึ้น ราวกับมีขบวนพาเหรดดาราผ่านมา ฉันที่นั่งก้มหน้าอยู่เพราะพลังงานที่เหลือไว้ใช้ช่วงบ่ายเริ่มลดลงทุกที บวกกับสายลมเอื่อยๆ ทำให้หนังตาก็เทียวแต่จะปิดลงอยู่เรื่อย เลยเงยหน้าขึ้นมองว่ามีเหตุอันใดทำให้พวกหล่อนส่งเสียงชวนปวดแก้วหูเช่นนี้ โว้ะ! นึกว่าอะไร ที่แท้ก็เป็นเหล่าหนุ่มหล่อขวัญใจชมรมกว่าสิบคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคีตะและต้นน้ำรวมอยู่ด้วย พวกเขาเดินฝ่าฝูงสมาชิกที่แน่นหนาเข้ามา แล้วยืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดานบริเวณใต้แป้นบาส เสียงกรี๊ดราวกับอยู่ในฮอลล์ที่มีคอนเสิร์ต ทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นปิดหู ในขณะที่บางคนถึงกับเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปหนุ่มหล่อที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ จะว่าไปแล้วก็มีแต่คนหล่อๆ แฮะ ยิ่งพอมองเทียบกันแล้วก็ต้องยอมรับแม้ไม่อยากจะยอมรับก็เถอะ ว่าคีตะน่ะหล่อจริงหล่อจัง ราวกับหลุดออกมาจากอานิเมะ แถมยังสูงที่สุดในบรรดานักกีฬาบาสเกตบอลทั้งหมดด้วย หมอนั่นหล่อจริงๆ นี่นา แต่อย่าให้ได้อ้าปากเลย เพราะต่อหล่อแค่ไหนแต่ถ้าพูดจาสุนัขไม่รับประทาน ความหล่อก็จะลดลงจนติดลบได้เหมือนกัน ฉันเลื่อนสายตาจากคีตะเลยไปหาต้นน้ำที่ยืนข้างๆ กัน เขาส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้ พร้อมกันนั้นก็มีเครื่องหมายคำถามตัวเบ้อเร่อฉายชัดอยู่บนใบหน้า คงจะแปลกใจที่เห็นฉันเข้าชมรมนี้ล่ะมั้ง ฉันเลยยิ้มตอบกลับไป แต่พอเหลือบมาเห็นคนข้างๆ ฉันก็ทำตาโตใส่แล้วสะบัดหน้าหนีทันที เชอะ! อย่างนายน่ะไม่อยากมองให้เสียสายตาหรอกย่ะ หลังจากนั้นก็มีคุณครูที่ปรึกษาชมรม เข้ามากล่าวทักทายและต้อนรับนักเรียนทุกคนเข้าสู่ชมรม ก่อนจะพูดถึงจุดประสงค์และแนวทาง เพื่อให้สมาชิกทุกคนปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานนัก "วันแรกก็ไม่มีอะไรมาก เราจะเริ่มเข้าคลาสอย่างจริงจังก็คือสัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้ก็แยกย้ายกันได้ครับ" คุณครูพูดจบก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างเกรียวกราว ก่อนที่ทุกคนจะทยอยลุกขึ้นยืนแล้วย้ายไปยืนข้างสนามแทน "ลุกขึ้นได้แล้ว จะนั่งจนรากงอกรึไง" ฟ้าใสว่าพร้อมดึงแขนฉันให้ลุกขึ้น จังหวะนั้นเองจอมทัพก็เดินเข้ามาหาเรา เขายิ้มแบบมีเลศนัยให้ฉันกรุบหนึ่ง ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้หวานใจอย่างฟ้าใส พร้อมกับถามอย่างเอาอกเอาใจ "ที่รักหิวน้ำไหมครับ เค้ามีน้ำนะ" "แหวะ! เหม็นความรัก" ฉันพูดแทรกขึ้นก่อนที่ยัยฟ้าใสจะตอบ "เหม็นก็ไปไกลๆ สิ พวกคนโสดก็แบบนี้แหละ ไปอยู่ด้วยกันเลยกับไอ้คีตะโน่นเลยไป" จอมทัพพูดแล้วก็ผลักไหล่ฉันทีหนึ่ง ทำเอาต้นน้ำรีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับถามเสียงห้วน ใบหน้าแลดูจริงจังมาก "นายผลักต้นเตยทำไม!" "ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!" ฉันรีบออกตัวแทนจอมทัพ เพราะเราเล่นกันแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว "ไม่ใช่อะไร ก็เห็นอยู่ว่าเขาผลักเธอ ทำไมต้องปกป้องคนที่รังแกตัวเองด้วย" ต้นน้ำยังไม่ยอมหยุด ดูท่าทางจริงจังกว่าเดิมด้วยซ้ำ เขาเป็นอะไรไปเนี่ย "ไม่ได้ปกป้อง แต่เมื่อกี้เราแค่พูดกันเล่น แหย่กันเล่นเป็นปกติของพวกเราอยู่แล้ว ฉันกับจอมทัพเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนม.ต้นแล้ว เขาไม่มีทางรังแกฉันแน่นอน นายน่ะคิดมากไปแล้ว" "ใช่ คิดมากไปจริงๆ นายน่ะ พวกเราเป็นเพื่อนที่รักและสนิทกันมาก ถ้าจอมทัพรังแกต้นเตย ฉันนี่แหละที่จะจัดการเขาเอง" ฟ้าใสเสริมทัพขึ้นมาอีกคน "ถ้าพวกเธอยืนยันแบบนี้ งั้นก็แล้วไป ทีหลังอย่าทำต้นเตยแรงๆ แบบนี้อีก ก็เห็นอยู่ว่าเธอตัวเล็กๆ เอง" ยังดีแฮะที่ต้นน้ำพูดว่าฉันตัวเล็ก ไม่ได้พูดว่าฉันเตี้ยเหมือนที่คีตะชอบพูดค่อนแคะอยู่เป็นประจำ "ไม่ได้แรงอะไรเลย ก็บอกแล้วไงว่าพวกเราเล่นกันแบบนี้ประจำ" "อืม โอเค" ต้นน้ำพยักหน้าเข้าใจแล้วดึงแขนฉันให้เดินตามไปที่ม้านั่งข้างสนาม "ทำไมเธอถึงเข้าชมรมนี้ล่ะ" เขาถามพร้อมยื่นขวดน้ำให้ แต่พอฉันจะยื่นมือไปรับ เขาก็ชักมือกลับ อ้าว! อ๋อ... เขาชักมือกลับเพื่อเปิดฝาขวดน้ำให้ แล้วค่อยยื่นให้ฉันอีกรอบ ช่างเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกิน ไม่เหมือนคนบางคน ที่ชาตินี้คงหาความเป็นสุภาพบุรุษจากคนแบบนั้นไม่ได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหม ว่าฉันหมายถึงใคร ซึ่งตอนนี้เขานั่งอยู่ที่ข้างสนามอีกฝั่ง โดยที่ข้างกายมีสาวสวยลูกครึ่งนั่งอยู่ด้วย ฉันเคยถามหลายรอบแล้วว่าเขากับหล่อนกำลังคบกันอยู่หรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทุกรอบก็คือ 'ปัญญาอ่อนเหรอ เอาสมองส่วนไหนคิด' ฉันก็อยากบอกอ่ะนะว่าไม่ได้ใช้สมองคิด เพราะสมองฉันเอาไว้คิดเรื่องมีสาระและมีประโยชน์เท่านั้น แต่ที่ถามนี้ก็แค่ถามไปตามที่เห็น และที่ฉันเห็นก็คือ เห็นผู้หญิงคนนั้นที่ชื่ออะไรนะ ซัม...ซัมอะไรสักอย่างนี่แหละ ชอบประกาศตัวว่ากำลังคบกับเขาอยู่ และยังเห็นควงกันไปโรงอาหาร ไปนั่นไปนี่ด้วยกันบ่อยๆ ซ้ำยังเรียนห้องเดียวกันอีกด้วย "ดูสิเธอ สองคนนั้นเขาช่างเหมาะสมกันจริงๆ ฉันว่าเราเข้าชมรมผิดแล้วล่ะ แทนที่จะได้ชื่นชมความหล่อ แต่ต้องมานั่งดูเขารักกันแทน" "นั่นน่ะสิ รู้สึกเจ็บแปลบๆ เหมือนคนอกหัก ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย" เสียงนักเรียนหญิงสองคนคุยกันอยู่ด้านหลัง "ใช่เหรอ ฉันนึกว่ารุ่นพี่คีตะกำลังคบอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งต่างหาก ที่ผมสั้นๆ หน้าตาเหมือนเด็กม.ต้นน่ะ แต่หน้าจืดๆ หรอก สวยไม่สู้รุ่นพี่ซัมเมอร์ด้วยซ้ำ" "อ๋อๆ ฉันก็เคยเห็น วันเปิดเทอมวันแรกไง ฉันเห็นรุ่นพี่คีตะช่วยเธอหิ้วกระเป๋าด้วย ตอนอยู่ในแถวน่ะ แต่ไม่น่าจะใช่หรอกมั้ง คนหล่อๆ อย่างรุ่นพี่คีตะคงไม่คว้าเอาคนที่ไม่น่าสนใจแบบนั้นมาเป็นแฟนหรอก" เสียงอีกคนดังแทรกขึ้นมา ว่าแต่ที่ว่าผมสั้นๆ หน้าตาเหมือนเด็กม.ต้นน่ะ รู้สึกคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่หน้าจืดๆ งั้นเหรอ? แถมหมอนั่นเคยช่วยหิ้วกระเป๋าอีกด้วย ยะ...อย่าบอกนะว่านังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่อยู่ข้างหลัง กำลังพูดถึงฉันอยู่ อยากหันกลับไปดูหน้าจริงๆ ว่าใครกันที่กล้าพูดแบบนั้นออกมา ฉันอยากจะถอดรองเท้าเบอร์สามสิบเจ็ดตีปากจริงๆ เลย "น้องๆ ครับ การวิจารณ์คนอื่นนี่ไม่ดีเลยนะครับ และจากที่พี่ฟังอยู่มันเข้าข่ายนินทาซะมากกว่า อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่าเอาได้ ว่าพ่อแม่ไม่อบรมสั่งสอน พี่เตือนด้วยความเป็นห่วงนะครับ" ขณะที่ฉันโมโหจนควันแทบจะออกหู ต้นน้ำก็ลุกขึ้นแล้วหันกลับไปจัดการเด็กผู้หญิงพวกนั้นแทน เห็นยิ้มๆ อัธยาศัยดี ไม่นึกว่าจะแอบปากร้ายอยู่เหมือนกันแฮะ เขาจะรู้หรือเปล่านะว่าฉันคือคนที่เด็กผู้หญิงพวกนั้นพูดถึง แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงก็ขอบคุณเขาที่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ ในเวลาที่ฉันต้องการ "เอ่อ...ขอโทษค่ะ" เด็กพวกนั้นรีบขอโทษแล้ววิ่งหนีออกไปทันที เป็นไงล่ะ! ถ้าเป็นฉันนี่แทบอยากหาปี๊บคลุมหัวเดินเลยนะ "เอ่อ...ฉันรำคาญเด็กพวกนั้นน่ะ นินทาคนอื่นอยู่ได้ ฉันจะลงไปเล่นสักเกม เธอนั่งเชียร์ฉันอยู่ตรงนี้นะ" "หือ? อือ ได้สิ สู้ๆ นะ" ฉันบอกพร้อมชูกำปั้นสองข้าง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝั่งของสนาม คีตะทุ่มลูกบาสฯ ในมือลงพื้นสุดแรง แล้วเดินออกไปจากสนามด้วยท่าทางหงุดหงิด โดยมีผู้หญิงคนนั้นเดินตามหลังออกไปด้วยอีกคน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม