จุดอ่อนของฉันคือ...

1688 คำ
"หัวหน้าห้อง ใบสมัครเข้าชมรมยังเหลืออยู่รึเปล่า" ฉันรีบลากคีตะออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อมาดักรอหัวหน้าห้อง ซึ่งพอก้าวขาผ่านรั้วโรงเรียนเข้ามาปุ๊บ เขาก็อันตรธานหายหัวไปทันที และที่ต้องถ่อสังขารมาโรงเรียนแต่เช้า ก็เพราะว่าใบสมัครเข้าชมรมของฉันอยู่ดีๆ ก็หายไป ทั้งที่แน่ใจว่าเก็บไว้ดีแล้ว และวันนี้ก็เป็นวันศุกร์ วันสุดท้ายที่ต้องส่งครูที่ปรึกษาแล้วด้วย "ไม่มีแล้วจ้ะ ครูก็บอกแล้วนี่ว่ามันสำคัญมาก ถ้าทำหายก็ไปขอเองกับครูก็แล้วกัน" อรอุมาตอบกลับมาอย่างเลือดเย็นมาก ใครกันนะช่างเลือกยัยนี่มาเป็นหัวหน้าห้อง ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย "ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันลองถามคนอื่นๆ ดูเผื่อมีใครยังไม่ได้กรอกข้อมูล ค่อยเอาไปถ่ายเอกสารก็ได้" ฉันตอบกลับไปอย่างมีความหวัง แต่ยัยหัวหน้าห้องก็ตอบช็อตฟีลกันซะเหลือเกิน "เสียใจจ้ะ คนอื่นๆ เขาส่งกันหมดแล้ว คงจะเหลือแค่เธอนี่แหละที่มัวแต่ลีลา ตัดสินใจไม่ได้สักที อยู่ชมรมไหนก็อยู่ๆ ไปเถอะ ดูอย่างฉันสิ เล่นบาสฯ ไม่เป็นแต่ก็เข้าชมรมบาสฯ เพราะว่าอยากใกล้ชิดกับคีตะ ว่าแต่เธอเถอะได้นั่งข้างเขาแล้ว หวังว่าคงไม่เข้าชมรมบาสฯ อีกหรอกนะ" แน่นอนอยู่แล้ว! ฉันไม่มีวันเฉียดกรายเข้าไปใกล้แน่นอน "งะ...งั้นเหรอ ถ้างั้นฉันไปขอกับครูเองก็ได้" เห็นทีฉันคงต้องบากหน้าสวยๆ ไปขอกับครูที่ปรึกษาซะแล้วล่ะ ณ ห้องพักครู "คุณครูคะ" ฉันเรียกคุณครูที่กำลังนั่งดูเอกสารอยู่อย่างเกรงใจ "อ้าว! ว่าไงจ๊ะ ตติยา วันนี้มาหาครูแต่เช้าเลย มีปัญหาอะไรรึเปล่า" คุณครูเงยหน้าขึ้นถามพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ฟังแล้วแอบสะดุ้งนิดหนึ่ง ราวกับถูกครูว่าทุกวันฉันมาสายทางอ้อม "เอ่อ...คือว่า หนูอยากจะขอใบสมัครเข้าชมรมน่ะค่ะ แผ่นที่หัวหน้าห้องแจกให้วันนั้น ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนน่ะค่ะ" ฉันตอบเสียงอ่อยอย่างกลัวว่าครูจะมองว่าฉันไม่มีความรับผิดชอบ "ใบสมัครเข้าชมรม? เธอส่งครูแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ" ส่งแล้ว? ส่งตอนไหน? ฉันยังไม่ได้กรอกรายละเอียดอะไรเลยนะ "นี่ไงจ๊ะ เธอส่งมาแล้ว จำไม่ได้เหรอ" ฉันรับกระดาษที่คุณครูยื่นให้มาอ่านดู เฮ้ย! นี่มันลายมือฉันชัดๆ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันจำได้ดีว่ายังไม่ได้เขียนอะไรลงไปสักตัว และที่สำคัญในนั้นยังเขียนว่า 'ชมรมบาสเกตบอล' อีกด้วย แง!!! จะเป็นไปได้ยังไง "ครูจำได้ว่านี่คือลายมือของเธอนะจ๊ะ ช่วงนี้พักผ่อนน้อยหรือไม่สบายตรงไหนรึเปล่า ถึงหลงๆ ลืมๆ แบบนี้" "อา...คงจะจริงค่ะ ช่วงนี้หนูนอนน้อยไปหน่อย เลยเบลอๆ ยังไงไม่รู้ค่ะ หนูจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเอามาส่งให้ครูตอนไหนอ่ะค่ะ" ฉันเนียนๆ ไปกับครู ทั้งที่มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ใช่ฝีมือตัวเองแน่ๆ "หัวหน้าห้องเป็นคนรวบรวมมาส่งจ้ะ พรุ่งนี้วันเสาร์แล้วก็วันอาทิตย์ หยุดเรียนสองวันก็พักผ่อนให้เยอะๆ นะจ๊ะ" ยัยหัวหน้าห้องรวบรวมมาส่งงั้นเหรอ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ที่ถามหาใบสมัคร ยัยนั่นไม่เห็นบอกสักคำว่าฉันส่งแล้ว ซ้ำยังว่าฉันลีลาไม่ยอมตัดสินใจซะทีอีกต่างหาก "ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง งั้นหนูไม่รบกวนครูแล้วนะคะ" ฉันยื่นใบสมัครคืนให้คุณครูแล้วเดินถอยหลังออกจากห้องพักครู ระหว่างทางจะลงไปรอเข้าแถว ก็พยายามใช้ความคิดไปด้วย ว่าใบสมัครนั้นมีลายมือตัวเองได้ยังไง แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งเรียกชื่อฉันซะเสียงดังขึ้นมาท่ามกลางนักเรียนคนอื่นๆ "ต้นเตย!" ป่านนี้คนทั้งโรงเรียนคงรู้จักชื่อฉันหมดแล้วมั้ง และใครคนนั้นก็คือ...ต้นน้ำ "ทำไมทำหน้าซังกะตายเหมือนข้าวโพดขาดน้ำแต่เช้าเลยล่ะ" ใช่ ตอนนี้ชีวิตฉันเหมือนข้าวโพดขาดน้ำจริงๆ อีกหน่อยก็คงแห้งตายแล้วล่ะ "เฮ้! มีปัญหาอะไรก็บอกมาดิ เผื่อฉันช่วยได้" ฉันหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าต้นน้ำ ที่กำลังยิ้มหล่อราวกับเทพบุตร นักเรียนหญิงที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับต้องมองเหลียวหลัง เพราะตกหลุมรักกับรอยยิ้มสุดบาดจิตบาดใจนั่น "ขอบใจ แต่นายช่วยฉันไม่ได้หรอก ใครก็ช่วยฉันไม่ได้ทั้งนั้น" เขาถึงกับทำหน้าตกใจเมื่อได้ยินเสียงอ่อนระโหยโรยแรง ที่ฉันพยายามเปล่งมันออกมา "เกิดอะไรขึ้น บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะต้นเตย" ต้นน้ำพยายามคาดคั้น แต่ถึงบอกไปเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี "อย่าให้ฉันพูดเลย แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ขอตัวก่อนนะ" พูดจบฉันก็เดินเลี่ยงออกมา แต่ต้นน้ำก็เดินตามหลังมาไม่ห่างโดยไม่พูดอะไร "ต้นเตย!" บ้าจริง! วันนี้มันวันเฮงซวยอะไรของฉันเนี่ย เหลือบันไดอีกสองขั้นฉันจะเหยียบพื้นแล้ว แต่ดันมีเสียงใครร้องเรียกชื่อจากทางด้านหลังขึ้นมา ฉันหันกลับไปมอง ต้นน้ำเองก็หันกลับไปมองเช่นกัน ฉันไล่สายตาขึ้นไปและเมื่อเห็นหน้าใครคนนั้น ก็รู้สึกคุ้นๆ ใครว้า...หน้าคุ้นๆ แฮะ "เห็นหน้าเพื่อนแล้วไม่ดีใจเหรอ เฮ้อ! มันน่าน้อยใจจริงจริ๊ง" เธอคนนั้นพูดขึ้นมาลอยๆ ว่าแต่หล่อนหมายถึงฉันเหรอ? หน้าคุ้น เสียงคุ้น แต่คิดไม่ออกอยู่ดีว่าใคร "ยัยบื้อเอ๊ย! ถ้ารอให้เธอคิดออกก็คงต้องรอจนน้ำท่วมโลกนู่นล่ะมั้ง ฉันฟ้าใสไง จำไม่ได้เหรอ ฟ้าใส? "ฟ้าใสเหรอ" "ใช่แล้ว ฟ้าใสเพื่อนรักของเธอไง" "ฟ้าใส!" "ต้นเตย!" "ฟ้าใส!" "ต้นเตย!" "ฟ้าใส!" "พอแล้ว!" คนที่อ้างตัวว่าเป็นฟ้าใสเพื่อนรักของฉัน โผเข้ามากอดฉันแน่นจนหายใจไม่ออก "คิดถึงเธอจังเลยต้นเตย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน" "ฉันก็คิดถึงเธอฟ้าใส ว่าแต่เธอคือฟ้าใสจริงเหรอ ทำไมหน้าตาเธอไม่เหมือนเดิมเลยล่ะ" "เรื่องมันยาว เอาไว้เดี๋ยวค่อยคุยกัน ว่าแต่นายคนนี้คือต้นน้ำใช่ไหม ฉันชื่อฟ้าใสอยู่ห้องเดียวกับนายนั่นแหละ จอมทัพเล่าให้ฟังหมดแล้ว แล้วฉันก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของต้นเตยด้วย ว่าแต่พวกเธอสองคน อ๊ะๆๆ ยังไงกัน แล้วเธอเอาคีตะไปไหนกันฮะ" ยัยฟ้าใสทำสีหน้าประหลาดใจ พลางมองหน้าฉันสลับไปมากับต้นน้ำ "อะไร ยังไง ก็เพื่อนกันทั้งนั้นแหละ ส่วนอีกชื่ออย่าถามหาเลย แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกเอือมจะแย่อยู่แล้ว" "อ๊ะๆๆ เข้าใจๆ ไม่ถามแล้วก็ได้ งั้นเราลงไปรอเข้าแถวดีกว่า ส่วนนายจะไปทางไหนก็ไป ฉันจะดูแลเพื่อนฉันเอง" ฟ้าใสหันไปไล่ต้นน้ำ ก่อนจะกอดฉันเดินลงบันไดสองขั้นที่เหลือ "เธอกับนายต้นน้ำอะไรนั่น ทำไมดูสนิทสนมกันจังล่ะ" ยัยเพื่อนตัวดีถามขึ้นเมื่อเดินมาได้สักระยะหนึ่ง "ไม่รู้สิ เขาบอกว่าถูกชะตากับฉันเป็นพิเศษ ส่วนฉันก็เห็นว่าเขาไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไร และยังเรียนชั้นเดียวกันด้วย ต่อไปก็คงได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นเพื่อนกันไว้ก็ไม่เสียหายอะไร" "งั้นเหรอ เห็นจอมทัพเล่าให้ฟังว่าเขามาจากต่างประเทศแน่ะ" "อืม ช่างเถอะ ว่าแต่เธอน่ะจะบอกได้รึยังว่าไปทำอะไรกับหน้ามา นี่ถ้าจำกลิ่นน้ำหอมไม่ได้ ฉันไม่เชื่อแน่นอนว่าเธอคือฟ้าใส" ใบหน้าที่เคยสวยเฉี่ยว เปลี่ยนเป็นสวยหวาน ผมสั้นประบ่าก็ยาวจนสามารถมัดรวบได้แล้ว ในขณะที่ฉันชอบผมสั้นเลยตัดสั้นและมีหน้าม้านิดหน่อย คุณลุงกับคุณป้าเลยชอบแซวว่าฉันดูเหมือนเด็กม.ต้นไม่หาย "แหม...คนเรามันก็ต้องมีพัฒนาการบ้างสิ ช่วงปิดเทอมฉันไปเที่ยวเกาหลีมาใช่ไหม ก็เลยแวะเสริมสวยมานิดหนึ่ง สองสามวันก่อนมันยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้มาเรียนน่ะ" "งั้นก็แปลว่าเธอไปทำศัลยกรรมมางั้นเหรอ ไม่เห็นบอกกันสักคำเลยอ่ะ" "ก็อยากให้มันเซอร์ไพรส์นี่นา คีตะกับจอมทัพน่ะรู้แล้วเพราะแวะไปที่บ้าน ฉันต้องขอร้องสองคนนั้นแทบตายว่าห้ามบอกเธอเด็ดขาด" "ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าฉันจะรู้คนสุดท้าย" ฉันแกล้งว่าเสียงงอนๆ ทำเอาฟ้าใสถึงกับรีบอธิบายจนลิ้นรัวเป็นพัลวัน "ไม่ใช่แบบนั้นนะ ฉันตั้งใจอยากจะเซอร์ไพรส์เธอจริงๆ ที่จริงก็อยากเซอร์ไพรส์ทั้งสามคนนั่นแหละ แต่สองคนนั้นดันแวะไปที่บ้าน จะหลบก็หลบไม่ทัน" "ช่างเถอะๆ ฉันแค่ล้อเล่นเอง เราไปเข้าแถวกันดีกว่า" "เธอไม่โกรธฉันจริงนะ" ฟ้าใสทำท่าทางเหมือนยังไม่เชื่อว่าฉันไม่ได้โกรธจริงๆ "จริงสิ ฉันจะโกรธทำไม ในเมื่อมีเพื่อนสวยและเท่แบบนี้" "เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย เดี๋ยวตอนเที่ยงฟ้าใสคนนี้จะเลี้ยงน้ำเลี้ยงขนม ให้เธอกินจนพุงกางไปเลย ดีไหม" "ดีจ้ะ" ของฟรีใครก็ชอบ โดยเฉพาะฉัน ซึ่งยัยฟ้าใสรู้ดีว่านั่นคือจุดอ่อนของฉัน ทั้งที่พยายามจะกำจัดจุดอ่อนแล้ว แต่เห็นของฟรีโดยเฉพาะของกินเมื่อไหร่ ก็ตาลุกวาวทุกที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม