"มาทำอะไรตรงนี้เหรอ?" เสียงของปุณณ์ถามขึ้นเพราะว่าเขาเห็นว่าแคร์กำลังมองสองคนนั้นอยู่
"เอ่อ ท่านประธาน"
"ผมถามว่าคุณมาทำท่าทางแปลก ๆ อะไรตรงนี้?" ปุณณ์ถามซ้ำอีกครั้ง
"พอดีว่ากำลังเดินไปโรงอาหารน่ะค่ะแต่เห็นว่าพี่น้ำหนึ่งกลับแฟนกำลังสวีตกันอยู่เลยไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะ" แคร์พยายามเก็บอาการและสีหน้าไม่พอใจของตัวเอง
"อ่อ คู่นั้นเขาไปกันแล้วคุณแคร์ก็ควรเดินไปได้แล้วนะครับมันขวางทาง" ปุณณ์พูดกับแคร์ก่อนจะเดินผ่านเธอไปซึ่งแคร์เองก็รู้สึกหงุดหงิดมาก ๆ เพราะว่าปุณณ์ทำท่าทางเหมือนไม่ชอบเธอเท่าไหร่ทั้งที่เธอเป็นลูกสาวของหุ้นส่วนที่นี่แท้ ๆ กลับทำเหมือนว่าเธอเป็นเพียงพนักงานธรรมดา
"เหอะ!!" แคร์เดินกระทืบเท้าไปที่โรงอาหารอย่างไม่พอใจแถมยังต้องเห็นภาพบาดตาบาดใจอีกต่างหาก
โรงอาหาร
"แคร์มานั่งด้วยกันสิ!" น้ำหนึ่งส่งเสียงเรียกแคร์และโบกมือเรียกเธอที่กำลังเดินผ่านไป
"เอ่อ พี่น้ำหนึ่งนั่งกับแฟนเถอะค่ะเดี๋ยวแคร์ไปหาที่อื่นนั่ง" เธอไม่อยากเห็นภาพพวกนั้น
"มันมีหรือไงละตอนนี้เวลาเที่ยงคนเยอะแยะนั่งด้วยกันนี่แหละ และก็อีกอย่างพี่ไม่ได้นั่งกันแค่สองคนท่านประธานก็มานั่งด้วยแล้วก็มี จอย เจมส์ และมินด้วย" ชื่อที่พูดมาหรือคนในแผนกเลขาทั้งหมด ซึ่งต้องคอยช่วยเหลือประสานงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับท่านประธาน รองประธาน และคณะกรรมบริหารด้วย หรือเรียกว่าทีม SC หรือเต็ม ๆ ว่า Secretary of the Executive Committee and Coordination (เลขาคณะกรรมการบริหารและประสานงาน)
"นั่ง ๆ เถอะแคร์ไปหาที่อื่นไม่ว่างนะ" และเจมส์หนึ่งในทีมก็เดินเข้ามาและพูดกับแคร์พร้อมกับนั่งลงซึ่งคนอื่น ๆ ก็นั่งด้วย
"ก็ได้ เห็นว่าพี่สองคนเขานั่งอยู่เลยไม่อยากรบกวนเลยสวีตน่ะ" สุดท้ายแคร์ก็ต้องนั่งร่วมโต๊ะกับน้ำหนึ่งแม้ว่าจะไม่ได้อยากนั่งก็ตาม
"พวกคุณสั่งได้เลยนะเดี๋ยววันนี้ผมเลี้ยงเอง" ปุณณ์พูดขึ้น
"ขอบคุณค่ะ/ครับท่านประธาน"
"สรัลเอาอะไรเดี๋ยวหนึ่งไปเอาให้?" น้ำหนึ่งตั้งใจแสดงความเป็นห่วงต่อสรัล
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวสรัลไปเอาเองมีใครเอาน้ำอะไรไปจะได้ไปทีเดียวเลย" สรัลถามคนในโต๊ะแม้ว่าจะไม่ได้สนิทแต่เขาก็รู้จัก
"เอาครับพี่" มินบอก
"งั้นเดี๋ยวหนึ่งไปด้วยดีกว่าช่วยกัน^^ ใครเอาอะไรบอกมาเลย"
"โค้กค้าบบบบ" เจมส์บอกคนแรก
"จอยเอาส้มค่ะ"
"ผมเอาโค้กเหมือนเจมส์" มินบอก
"ท่านประธานละคะ??" น้ำหนึ่งถามปุณณ์
"เอาน้ำเปล่าแล้วกันนี่เงิน" ปุณณ์บอกพร้อมกับยื่นเงินให้น้ำหนึ่งไปซื้อ
"ขอบคุณมากค่ะไปกันเถอะค่ะสรัล" หมับ! และน้ำหนึ่งก็จูงมือสรัลออกไปโดยมีสายตาของแคร์มองอยู่ตลอดและปุณณ์ก็เห็นสายตานั้นด้วย
"พี่น้ำหนึ่งกับพี่สรัลนี่เขาคบกันมานานแล้วเนอะ" ระหว่างรอน้ำคนในโต๊ะก็พูดขึ้น
"ใช่ ๆ จะ 7 ปีแล้วมั้งนานมากฉันก็อยากมีความรักดี ๆ ยาว ๆ แบบนั้นบ้างอ่าาาาา" จอยพูดอย่างอิจฉา
"เหอะ!" แคร์ส่งเสียงไม่พอใจ
"จะว่าไปแคร์เคยบอกว่ามีแฟนนิทำไมไม่ลองพามาบ้างละ?" มินหันไปถามแคร์
"พี่เขาไม่ค่อยว่างน่ะ"
"คุณมีแฟนแล้วเหรอคบกับมานานแค่ไหนแล้วนะ?" ปุณณ์เลยถือโอกาสถามไป
"ก็...ปีกว่าแล้วละคะเรามีแพลนว่าจะแต่งงานกันด้วย" แคร์พูดและใช้มือที่สวมแหวนทัดผม
"นั่นนนนนแหวนแต่งงานเหรอสวยมากกกกกก!!!" จอยเอ่ยชมเมื่อเห็นแหวนในมือของแคร์
"พี่เขาซื้อให้น่ะ -////-" แคร์พูดด้วยท่าทางเขินอาย
"กลับมาแล้วอ้าว...แคร์เป็นอะไรหน้าแดงเชียว?" ไม่นานน้ำหนึ่งก็กลับมาพร้อมกับน้ำของทุกคน
"พอดีว่าเรากำลังคุยเรื่องแฟนของคุณแคร์อยู่น่ะเธอบอกว่าคบมา 1 ปีกว่าแล้วและกำลังจะแต่งงาน" ปุณณ์เป็นคนเฉลยออกไป
"อ่อออ~~ดีจังเลยแหะคบแค่ปีกว่าๆ ก็ได้แต่งแล้วพี่คบมาตั้ง 7 ปียังไม่แต่งเลยอ่าาาา อิจฉาจัง >_'แหวนนั่นสินะที่ฉันเกือบคิดว่าเป็นของตัวเอง....'
น้ำหนึ่งคิดในใจก่อนจะยิ้มและพูดออกไป
"สวยมากเลยแฟนแคร์ตาถึงนะเนี่ยยินดีด้วยน้าาาาา^^ สรัลค่ะยินดีกับน้องหน่อยสิ" เธอหันไปพูดกับเขาที่กำลังดื่มน้ำ
"แค่ก ๆ ๆ " เลยทำให้สำลักนิดหน่อย
"อ้าวว~ ค่อย ๆ ดื่มสิคะดูสิเปียกหมดแล้ว" และน้ำหนึ่งก็เช็ดน้ำดูแลเอาใจใส่สรัลต่อหน้าของแคร์
"มะไม่เป็นไร...ยินดีด้วยนะครับน้องแคร์"
หลายวันต่อมา...
ห้างสรรพสินค้า H
ร้านอาหารอิตาเลี่ยน
"ขอบคุณมากนะครับที่ให้ความร่วมมือกับบริษัทของเรา" หมับ! ปุณณ์ยื่นไปจับมือกับคู่ค้าคนใหม่ที่พึ่งเซ็นสัญญากันไป
"ด้วยความยินดีครับไม่มีเหตุผลอะไรที่เราต้องปฏิเสธบริษัทของคุณปุณณ์ที่ตอนนี้กำลังมาแรงแถมยังเป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอีก" อีกฝ่ายเอ่ยชื่นชมเพราะว่าปุณณ์นั้นเก่งและบริหารได้ดีจริงจนใคร ๆ ก็อยากร่วมงานด้วย เมื่อก่อนบริษัทนี้ยังไม่ได้เติบเท่าไหร่เรียกได้ว่าเติบโตช้ามากถ้าเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ที่เปิดพร้อมกัน แต่เมื่อมีปุณณ์เข้ามาทำงานบริษัทก็เติบโตอย่างฉุดไม่อยู่
"ขอบคุณมากครับคุณเสธเอาไว้เจอกันนะครับ"
"ครับ กลับก่อนนะครับคุณน้ำหนึ่ง" เขาหันไปทักทายเธอด้วยอย่างสุภาพ
"เดินทางปลอดภัยนะคะคุณเสธ" น้ำหนึ่งกล่าวกลับไปอย่างสุภาพเช่นกันเพราะว่าเขาคือลูกค้าของบริษัทและทั้งคู่ก็แยกย้ายกัน
"คุณจะกลับบริษัทเลยไหมหรือว่าจะไม่เข้าก็ได้นะเพราะว่าวันนี้ไม่ได้มีอะไรแล้ว?" ปุณณ์หันไปถามคนข้าง ๆ
"เอ่อ หนึ่งว่าจะไปร้านเครื่องประดับหน่อยน่ะค่ะ"
"หืม? งั้นเดียวผมไปช่วยเลือกแล้วกัน"
"ไม่เป็นไรค่ะวันนี้ท่านประธานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วกลับไปพักก่อนก็ได้นะคะ" น้ำหนึ่งปฏิเสธเขาทันทีเพราะด้วยความเกรงใจก็เขาเป็นเจ้านายของเธอนิ
"ผมไม่เหนื่อยครับและหลังจากนี้ก็ว่างด้วยผมไปช่วยเลือกแล้วกัน^^" หมับ! ปุณณ์ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะคว้ามือของน้ำหนึ่งเดินออกจากร้านอาหารและนำหน้าไปที่ร้านขายเครื่องประดับซึ่งเป็นร้านของเพื่อนเขาเอง
ร้านเครื่องประดับเพชร
"เอ่อ ท่านประธานคะร้านนี้หนึ่งว่ามันเกินตัวหนึ่งไปหน่อยน่ะค่ะไปร้านอื่นดีกว่านะคะ" แต่ก่อนจะเข้าร้านน้ำหนึ่งก็ขืนแขนของปุณณ์เอาไว้ก่อนจะบอกเหตุผลกับเขาเธอรู้ดีว่าร้านนี้เป็นร้านเครื่องเพชรแบบน้ำร้อยและราคาแพงมากด้วยแค่ไม่กี่กะรัตก็เป็นแสนเป็นล้านแล้วเธอไม่กล้าซื้อของราคาแพงขนาดนั้นหรอก และที่เธอจะมาซื้อก็แค่อยากปั่นประสาทใครบางคนเท่านั้นเอง
"ไม่เป็นไรหรอกครับมากับผมมีราคาพิเศษเป็นเลขาของผมจะใส่เครื่องประดับราคาถูกได้ยังไงละครับมาเดี๋ยวผมช่วยเลือก" แต่ว่าน้ำหนึ่งก็ไม่อาจจะต้านแรงของปุณณ์ได้จำเป็นต้องเดินเข้ามาในร้านกับเขา
"ทะท่านประธาน..."
"สวัสดีค่ะร้านเครื่องประดับเพชรยินดีต้อนรับค่ะสนใจแบบไหนสอบถามก่อนได้นะคะ^^" และเมื่อเข้ามาในร้านพนักงานก็ต้อนรับอย่างสุภาพเพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าคือใคร
"คุณน้ำหนึ่งอยากได้อะไรครับที่อยากมาซื้อ?" เขาหันไปถามน้ำหนึ่งที่ตอนนี้กำลังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เธอเองก็ชอบเครื่องประดับแต่ว่าไม่เคยได้เข้าร้านแบบนี้มาก่อนเพราะรู้ว่ามันราคาสูง
"เอ่อ วะแหวนน่ะค่ะเอาแบบเล็กกกก ๆ เลยนะคะใส่สบาย ๆ น่ะค่ะ แฮะๆ" น้ำหนึ่งยิ้มแห้งบอกกับพนักงานไป
"ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ" ระหว่างรอพนักงานในร้านหยิบน้ำหนึ่งก็มองไปที่เครื่องประดับต่าง ๆ มันสวยจนเตะตาของเธอจริง ๆ ส่วนปุณณ์เองก็กวาดสายตาไปมองแหวนในตู้เพื่อเลือกให้น้ำหนึ่ง
"มีแต่สวย ๆ " น้ำหนึ่งเผลอพูดขึ้นมาปุณณ์ได้ยินเลยมองไปที่เธอ
"มาแล้วค่ะแหวนแบบเรียบง่าย ไม่ได้ประดับเพชรเยอะค่ะ ตัวเรือนเป็นทองคำขาวบริสุทธิ์ 99.99% ไม่ลอกไม่ดำและสามารถขายคืนได้ถ้าเบื่อหรือว่าต้องการเปลี่ยนวงค่ะลองสวมดูก่อนได้นะคะว่าชอบไหม? ^^" พนักงานยิ้มให้น้ำหนึ่ง
"เอ่อ เริ่มต้นที่ราคาเท่าไหร่เหรอคะ?"
"ในถาดนี้จะเริ่มต้นที่ 99,999 บาทค่ะเป็นราคาแบบโปรโมชั่นเลยค่ะ"
"แสนนึง 0.0" น้ำหนึ่งตาโตทันทีเมื่อได้ฟังราคาแค่เริ่มต้นเท่านั้น
"ผมว่ามันดูเรียบง่ายและไม่ค่อยสะดุดตาเท่าไหร่เลยครับถ้าอยากเอาไปอวดให้ใครสักคนเห็น...ก็น่าจะสักวงนี้ดีไหมครับ?" ปุณณ์ชี้ไปที่แหวนวงที่เขาถูกใจและคิดว่าเหมาะกับน้ำหนึ่งที่สุด
"ตาถึงมาก ๆ เลยค่ะคุณปุณณ์วงนี้เป็นแหวนที่ได้รับการออกแบบจากดีไซเนอร์ชื่อดังเลยนะคะราคาเริ่มต้นจะอยู่ขึ้น 1,300,000 บาทค่ะ"
"ละล้านสาม 0.0" เป็นอีกครั้งที่น้ำหนึ่งช๊อกกับสิ่งที่ได้ยิน
"เอามาลองหน่อยครับ" ส่วนอีกคนไม่ได้ตกใจอะไรเลยแถมยังมีท่าทางสบาย ๆ ขอลองแหวนอีก
"ได้ค่ะคุณปุณณ์" และพนักงานก็หยิบแหวนขึ้นมา
"ขอมือด้วยครับคุณหนึ่ง..." ปุณณ์แบบมือตรงหน้าของน้ำหนึ่ง
"ทะท่านประธานค่ะหนึ่งไม่ซื้อนะคะราคามันสูง..." หมับ!! แต่ว่าปุณณ์ไม่ได้สนใจในสิ่งที่น้ำหนึ่งพยายามจะพูดเลยเขาจับมือของเธอขึ้นมาและสวมแหวนที่นิ้วนางของเธอทันที
"พอดีเลย" ก่อนจะพูดขึ้นมาและยิ้มอ่อนให้เธอ
"มะมันก็ใช่..." น้ำหนึ่งก้มมองแหวนที่นิ้วของเธอมันสวยมากจริง ๆ
"สวยไหม?"
"สวยค่ะแต่ราคา..."
"งั้นเอาวงนี้เลยครับคิดเงินได้เลยนี่ครับ" ปุณณ์พูดกับพนักงานและส่งบัตรเครดิตให้เธอ
"ได้ค่ะคุณปุณณ์"
"ท่านประธานคะหนึ่ง..."
"ผมซื้อให้ถือว่าเป็นโบนัสที่เป็นเลขาของผมมานานแล้วกัน ถ้าไม่มีคุณผมคงไม่ได้เป็นผู้บริหารที่ดีแบบนี้แน่นอนเพราะงั้นไม่ต้องคิดมากผมยินดีให้"
"แต่ว่ามันแพงเกิน..."
"แค่นี้ไม่ได้ทำให้ผมจนหรอกนะครับ..."
"แต่.."
"มันเป็นเศษเงินในบัญชีที่ผมอยากจะปิดน่ะครับแต่ว่าขี้เกียจไปธนาคารเลยถือโอกาสรูดให้หมดเลยแล้วกัน ไม่ต้องมาห่วงกับเรื่องเศษเงินของผมหรอกครับ^^"