บทที่ 6
หลังจากหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ทั้งสามก็กลับมาที่บ้านหลักอีกครั้ง ตลอดการเดินทางหงหงยังคงหลับอยู่ในอ้อมแขนของซิงอี
“ให้ผมช่วยอุ้มไหม” เฉินกวงถามอย่างอ่อนโยนหลังจากการเดินทางที่ยาวนาน เขาเชื่อว่าแขนซิงอีตอนนี้คงจะชาไปหมดแล้ว
“ไม่เอาค่ะ ฉันกลัวลูกตื่น หงหงช่วงนี้อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ให้หลับน่ะดีแล้ว” เฉินกวงยิ้มและโอบไปที่บ่าของคนรักเพื่อช่วยพยุงแรงที่ต้องใช้อุ้มลูกสาวเอาไว้แทน ซึ่งแม้จะช่วยไม่ได้เยอะแต่ก็ทำให้ซิงอีสบายตัวขึ้น
พอกลับมาที่คฤหาสน์ที่เป็นบ้านหลักของพวกเขาเฉินกวงก็เป็นคนลงมาเปิดประตูรถให้ซิงอีและลูกน้อยอย่างหงหงด้วยตัวเองก่อนจะหันไปเรียกหานตงที่อยู่ไม่ไกลให้เข้ามารายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เขาไม่อยู่
“เป็นอย่างไรบ้าง” เฉินกวงถามเสียงเข้ม
แต่ยังไม่ทันที่หานตงจะได้ก้าวเข้ามาใกล้กับคนทั้งสามและตอบคำถามที่เจ้านายของเขาเอ่ย เสียงร้องไห้ของหงหงก็ดังขึ้น ทำเอาเฉินกวงต้องรีบเปลี่ยนคำสั่งใหม่ในทันที
"ไปที่ห้องทำงาน เดี๋ยวฉันตามไป" เฉินกวงบอกหานตงเสียงเรียบ แล้วหันมาดูภรรยาและลูกสาวของตัวเองด้วยสายตาเป็นห่วง
น่าแปลกที่ทันทีที่หานตงเดินออกไปหงหงก็หายงอแง “หวงพ่อเหรอคะ” ซิงอีที่อุ้มลูกสาวพูดกับหงหงเบา ๆ ซึ่งชายหนุ่มก็ได้ยินทั้งหมด
“หวงผมทำไมเหรอ” ซิงอีที่เพิ่งวางหงหงลงในเปลข้างตัวเงยหน้ามองเฉินกวง "ก็คงยังไม่อยากให้คุณต้องรีบทำงานมั้งคะ ต้องรายงานตอนนี้เลยเหรอคะ พักก่อนไหมคะ" น้ำเสียงของซิงอีมีแววเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะค้านอะไร เธอเข้าใจดีว่าเธอและลูกยึดเฉินกวงเอาไว้ทั้งสัปดาห์แล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่อีกฝ่ายจะต้องไปทำงาน
เฉินกวงพยักหน้าเบา ๆ เพื่อย้ำว่าเขาต้องไปจริง ๆ ก่อนจะกดจูบที่หน้าผากของซิงอี “ผมไปแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น” พูดจบชายหนุ่มก็หันไปที่ห้องทำงานตามที่ตั้งใจไว้ ขณะที่ซิงอีก็ทำได้เพียงแค่หันกลับไปห่มผ้าให้หงหงที่สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้พ่อของเธอไปโดยไม่ได้ร้องอะไร
“ติดพ่อเขาแล้วสินะหงหงของแม่” ซิงอีพูดกับลูกสาวด้วยรอยยิ้ม
ในห้องทำงานที่อยู่ติดกัน หานตงเริ่มรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่เฉินกวงไม่อยู่ น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและจริงจังตามปกติที่เขาเป็น "พวกเราจัดการเรื่องหุ้นบริษัทที่มีปัญหาได้แล้วครับ แต่เรื่องการขยายสาขายังต้องรอการอนุมัติจากทางการอีกสักพัก"
เฉินกวงฟังอย่างตั้งใจ และถึงแม้ว่าเขาจะทำงานอยู่ สมองก็เอาแต่คิดถึงคนที่อยู่ห่างไปเพียงกำแพงกั้นเท่านั้น แววตาของซิงอีช่วงนี้เหมือนอีกฝ่ายมีอะไรจะบอกเขา
“แล้วเรื่องการลงทุนใหม่ที่มณฑลทางเหนือ...” ทันใดนั้น เสียงร้องไห้ของหงหงก็ดังขึ้นจากห้องข้าง ๆ ขัดการรายงานของหานตงและก็ทำให้เฉินกวงนั่งแทบไม่ติด
“ฉันอ่านรายงานแล้ว นายลองไปสำรวจราคามา แล้วก็นะดูที่สำหรับสร้างบ้านหรือบ้านริมทะเลให้หน่อยเอาที่เซินเจิ้นนั่นแหละ แล้วลองเทียบการเปิดตลาดกับฮ่องกงดู บางทีฉันอาจจะไม่ไปทางเหนือแล้ว” พูดจบเฉินกวงก็ทิ้งหานตงให้มองตาม
ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นมือขวา ไม่รู้ว่าระหว่างหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้เจ้านายของเขายังอยากที่จะลงทุนทางเหนืออยู่มาก ๆ เลยนี่นา
แต่พอนึกว่านี่เป็นการตัดสินใจของเจ้านาย หานตงก็เลิกสนใจและเดินจากไป ที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากเข้ามาใกล้นักแต่เพราะเรื่องงาน คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
อีกด้านหนึ่งทันทีที่เฉินกวงเดินเข้ามาในห้องที่เป็นห้องนอนของหงหง เด็กน้อยก็หยุดร้องไห้แทบจะทันที “ปอ ปอ กอก” เฉินกวงที่กำลังจะถามซิงอีว่าลูกเป็นอะไรถึงกับหลุดหัวเราะออกมา “อยากให้พ่อกอดเหรอคะคนดี”
“กอก มาม่า ปะป้า กอด” คำพูดที่ฟังแล้วชัดขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาสองพ่อแม่มือใหม่ยิ้มให้กันอย่างยินดี ทั้งคู่เร่งเข้าไปกอดเด็กน้อยเอาไว้แน่น หงหงที่ถูกกอดรัดแน่นก็ร้องลั่นก่อนจะหัวเราะและยิ้มให้กับพ่อและแม่ของเธอ
“ซิงอีคุณร้องไห้ทำไม” หญิงสาวยิ้มให้สามี “ก่อนหน้านี้คุณหมอบอกว่าลูกพัฒนาการช้าฉันยังกังวลอยู่เลยตอนนี้น่าจะดีขึ้นแล้วนะคะ วันก่อนตอนที่อยู่ที่ทะเล หงหงของเราเกาะเปลแล้วเดินด้วยนะคะ” เฉินกวงทำหน้าสงสัย “แล้วทำไมไม่บอกผมเลย” ซิงอีก้มหน้า
“ฉันเห็นคุณคุยงานกับอาอิง” เฉินกวงขยับมาปาดน้ำตาคนรักของเขาเพราะหญิงสาวดีใจมากจนเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“ไปวันนี้เลยก็ได้นะ” ซิงอีส่ายหน้า “ฉันว่าลูกคงจะเหนื่อยจากการเดินทางค่ะ ฉันก็เหนื่อยด้วย” เฉินกวงหัวเราะก่อนจะกอดทั้งสองเอาไว้
ถึงแม้จะดูเหมือนเข้าใจกันดี แต่เฉินกวงรู้สึกว่าที่ผ่านมาเขาละเลยครอบครัวของเขามากไปจริง ๆ หลังจากนี้เขาสัญญาเลยว่า เขาจะสังเกตท่าทางของทั้งลูกและภรรยามากขึ้น และจะไม่ทำท่าอะไรให้ทั้งสองรู้สึกกดดันอีกแล้ว ต่อให้คนที่ซิงอีรักจะไม่ใช่เขาก็ไม่เป็นอะไร เขาจะเก็บมันเอาไว้ในใจเท่านั้น
อู๋ไฉ่หงในร่างของหงหง มองไปที่พ่อแม่ของเธอและรู้สึกพอใจที่สถานการณ์ดูเหมือนจะเป็นไปในทางที่เธอต้องการ