แคว้นชิงเป่ย คฤหาสน์ตระกูลหลิว
“แต่งงาน! ... ข้าฟังไม่ผิดใช่ไหมท่านพ่อ”
เสียงหวานใสของสตรีร่างอวบอ้วนผู้มีน้ำหนักตัวมากกว่าสองร้อยจินอุทานขึ้นมา ร่างเต็มไปด้วยไขมันสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น จนบิดาต้องรีบเอ่ยย้ำให้บุตรีเจ้าเนื้อฟังอีกรอบ
“ใช่เจ้าฟังไม่ผิดหรอก อีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ เจ้าจะต้องออกเรือนไปเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ”
หลิวกวานบอกบุตรสาว น้ำเสียงแสดงออกชัดเจนว่าดีใจยิ่งนัก เมื่อคนจากในวังหลวงได้นำพระราชโองการของฮ่องเต้แคว้นชิงเป่ยมาแจ้งให้ตนทราบว่า บุตรีได้รับคัดเลือกให้แต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ
“คนผู้นี้ มิใช่เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อหรือเจ้าคะท่านพ่อ”
ผู้เป็นบุตรีเอ่ยท้วงขึ้น ความดีใจลดฮวบลงเมื่อรู้ชื่อเจ้าบ่าว แม่ทัพหนุ่มผู้นี้เก่งกาจอาจหาญยิ่ง
ทว่า... เขากลับมีข่าวลือว่าชมชอบบุรุษด้วยกัน
“เจ้าไปฟังคำพูดพร่อยๆ เช่นนี้ มาจากผู้ใด”
หลิวกวานตำหนิบุตรสาว สายตามองไปรอบ ๆ ด้วยเกรงว่าจะมีผู้ใดมาได้ยินคำพูดของนางเข้า แม่ทัพหนุ่มผู้นี้ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้แคว้นชิงเป่ย จึงได้พระราชทานสมรสให้เขา
“ผู้คนมากมายล้วนเอ่ยถึงแม่ทัพเสิ่นเช่นนี้ ท่านพ่อไม่เคยได้ยินมาบ้างหรือเจ้าคะ”
นางพยายามจะอธิบายต่อ แต่ผู้เป็นบิดากลับยกมือห้าม มิให้นางเอ่ยคำพูดใดออกมา
“เหลวใหลทั้งเพ มิควรใส่ใจ เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม รอเป็นเจ้าสาวของท่านแม่ทัพเสิ่นเถอะ”
สีหน้าของหลิวกวานยามนี้เคร่งขรึมนัก พูดจบผู้เป็นบิดาก็เดินออกจากห้องบุตรสาวทันที ปล่อยให้บุตรีมองตามหลังไป แววตามีรอยครุ่นคิด
...
ก่อนคืนแต่งงาน ในห้องนอนของว่าที่เจ้าสาว ร่างกลมนั่งอยู่หน้ากระจกให้สาวใช้ปรนนิบัติก่อนนอน
“พรุ่งนี้คุณหนูจะได้ออกเรือนแล้ว คุณหนูดีใจหรือไม่เจ้าคะ”
หลิงเอ๋อหญิงรับใช้คนสนิทเอ่ยขึ้น ขณะใช้หวีไม้จันทน์ สางผมยาวดำขลับราวขนกาน้ำให้คุณหนูของตน
“เหตุใดเจ้าถามข้าเช่นนี้ ผู้เป็นเจ้าสาวล้วนต้องยินดี”
น้ำเสียงนั้นช่างตรงกันข้ามกับคำตอบ ใบหน้าอวบอูมกลับมีแววตาหมองหม่น คิ้วขมวดนิ่วราวกับมีบางสิ่งอยู่ภายในใจ
“แต่สีหน้าคุณหนู ดูวิตกกังวลนะเจ้าคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของบ่าวแล้ว ก็ผ่อนลมหายใจยาวออกมา
“เจ้าดูข้าสิ เหตุใดน้ำหนักข้าถึงไม่ลดลงบ้างเลย ข้าไม่กินไม่ดื่มมาตั้งหลายมื้อแล้ว”
นางก้มลงดูร่างเจ้าเนื้อของตน มองตรงไหนก็อวบพองมีแต่ก้อนไขมัน สารรูปเช่นนี้หากเจ้าบ่าวเห็นเข้าคงจะ...
“คุณหนูอย่าได้วิตกไปเลยเจ้าค่ะ ไม่ว่าต้นหญ้าหรือดอกไม้ ย่อมมีความงดงามของตนเอง คุณหนูมีความงามในแบบของตนเองนะเจ้าคะ”
หลิงเอ๋อมองใบหน้ากลมอย่างชื่นชม หากไม่นับรูปร่างอันอวบอ้วน ใบหน้าของคุณหนูของนางนั้นเรียกว่างดงามไม่แพ้ผู้ใด ผิวขาวผุดผ่องเนียนใสนุ่มลื่นราวกับน้ำนม ดวงตาเรียวงามคล้ายผลซิ่งประดับด้วยแผงขนตางอนหนา คิ้วเรียวดังวงพระจันทร์ ริมฝีปากบางแดงเรื่อราวกับผลอิงเถา
“หลิงเอ๋อ ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อผิดหวังในตัวข้า”
“คุณหนูอย่าวิตกไปเลยเจ้าค่ะ รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้จะต้องเข้าพิธีแล้ว ควรพักผ่อนให้มากๆ นะเจ้าคะ”
หลิงเอ๋อประคองผู้เป็นนายพาไปยังเตียง จัดการห่มผ้าดับเทียนพาเข้านอน ร่างบนเตียงขยับไปมาคล้ายยังไม่อาจข่มตาลงได้ง่ายๆ แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปก็นิ่งสงบลง พร้อมกับมีเสียงกรนดังขึ้น
///
ในวันมงคลสมรสพระราชทาน ล้วนเป็นที่สนใจของผู้คนมากมาย ใครจะไปเชื่อว่าบุตรีของคหบดีหลิว จะได้รับเลือกเป็นฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ผู้เลื่องชื่อของแคว้นชิงเป่ย
เจ้าบ่าวในชุดสีแดงขี่อาชาสีขาวสง่างามราวกับเทพเซียนมารับเจ้าสาว แม่ทัพหนุ่มลงจากม้าก้าวผ่านเข้าไปในคฤหาสน์ โดยมีลูกน้องคนสนิททั้งสี่ตามไปด้วย แม่สื่อทำหน้าที่ของตัวเองในพิธีการต่างๆ ฝ่ายญาติเจ้าสาวก็เตรียมต้อนรับเขยขวัญให้เซ่นไหว้บรรพบุรุษ
“ไปเชิญคุณหนู”
เมื่อทำพิธีเสร็จแล้ว หลิวกวานได้สั่งสาวใช้ให้พาบุตรสาวออกมาพบเจ้าบ่าวที่รออยู่
“เจ้าค่ะ นายท่าน”
ร่างเล็กของหลิงเอ๋อสาวใช้ต้นห้อง ลอบชำเลืองมองเจ้าบ่าวของคุณหนูของตนแล้วแอบอมยิ้ม
“ท่านแม่ทัพช่างองอาจ สง่างามยิ่งนัก”
รูปร่างสูงใหญ่และใบหน้าอันหล่อเหลาของแม่ทัพหนุ่ม ทำให้หลิงเอ๋อคิดว่าคุณหนูของตนช่างโชคดี จึงรีบเดินเข้าไปในห้อง
“เจ้าบ่าวมาถึงแล้ว เชิญคุณหนู เจ้าค่ะ”
หญิงสาวในห้องสวมชุดแดงมีผ้าคลุมหน้า เดินออกมาโดยเกาะแขนสาวใช้คนสนิทและแม่นม หลิงเอ๋อถูกคัดเลือกให้ติดตามไปรับใช้คุณหนูหลิวพร้อมกับแม่นมฉี ทางฝ่ายเจ้าบ่าวอนุญาตให้มีคนติดตามเจ้าสาวเพียงสองคนเท่านั้น
“หลิงเอ๋อ ข้ารู้สึกแปลกๆ ข้า... ”
ร่างอ้วนกลมนั้นรู้สึกใจสั่นหวิว พยายามสูดลมหายใจเข้าออก แข็งใจฝืนก้าวเดินไปตามแรงจับจูงของแม่นมและสาวใช้
“คุณหนูคงจะตื่นเต้น ระงับอารมณ์เอาไว้เจ้าค่ะ”
หลิงเอ๋อปลอบใจคุณหนูของตน งานมงคลเช่นนี้เจ้าสาวย่อมตื่นเต้น ตัวนางเป็นแค่คนรับใช้ ยังอดตื่นเต้นมิได้
“คุณหนูของข้าช่างมีวาสนาสูงส่ง ได้เป็นถึงฮูหยินท่านแม่ทัพ”
แม่นมฉีปาดน้ำตาเอ่ยเสียงเครือ นางเลี้ยงดูคุณหนูหลิวมาตั้งแต่แรกคลอด ไม่ใช่มารดาก็เหมือนมารดา ยามนี้คุณหนูของนางออกเรือนแล้วยังให้นางตามไปดูแล จะไม่ให้นางปลื้มใจได้อย่างไร
“คุณหนูค่อยๆ เดินนะเจ้าคะ”
แม่นมฉีกับหลิงเอ๋อพากันประคองร่างเจ้าสาวเดินออกมาช้าๆ หลายวันมานี้คุณหนูของพวกตนไม่กินไม่ดื่ม พยายามอย่างหนักในการลดน้ำหนัก จนบางครั้งหมดแรงนอนนิ่งไปหลายชั่วยาม แม้ผู้ใดห้ามปรามก็มิได้ใส่ใจยังคงตั้งใจลดน้ำหนัก แต่เหมือนสวรรค์ไม่เห็นใจ ร่างอ้วนพีนั้นยังคงสมบูรณ์เจ้าเนื้อเช่นเดิม
เกี้ยวเจ้าสาวสีแดงรอรับเจ้าสาวหน้าประตูคฤหาสน์ของคหบดีหลิว สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นบุตรีของคหบดีพ่อค้าใหญ่ของแคว้นผู้มั่งคั่ง การแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือเสิ่นมู่ฉือแม่ทัพใหญ่ของแคว้น ผู้คนพากันมายืนรอดูอยู่บริเวณโดยรอบ เจ้าบ่าวเดินนำเจ้าสาวมาขึ้นม้าด้วยท่าทีสง่างาม ในขณะที่เจ้าสาวถูกคนรับใช้สองคนประคองพามายังเกี้ยวเจ้าสาว ผู้คนพากันจดจ้องร่างอ้วนกลมนั้น
“คุณหนูดูสิเจ้าคะ ท่านแม่ทัพสง่างามราวกับเทพเซียน”
หลิงเอ๋อก้มลงกระซิบบอกคุณหนูของตน นางมองผ่านผ้าคลุมเห็นเพียงเงาของเจ้าบ่าวเลือนลาง ลมหายใจเริ่มหอบถี่จนเกิดเสียงดังฟืดฟาด พยายามฝืนทนพาร่างอันอ้วนกลมของตนก้าวเดินไปยังเกี้ยวเจ้าสาว แม่นมฉีกับหลิงเอ๋อประคองคุณหนูของตนมาถึงหน้าเกี้ยวแล้ว
“ถึงแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”
คนหามเกี้ยวทั้งแปดเมื่อเห็นรูปร่างของเจ้าสาวก็แอบลอบถอนหายใจ สบตากันราวกับรู้ชะตาว่า วันนี้ต้องพบเจออุปสรรคอันใหญ่หลวง ระยะทางจากคฤหาสน์เจ้าสาวไปยังจวนของเจ้าบ่าวนั้นไม่ใกล้เลย
“เชิญเจ้าสาวขึ้นเกี้ยว!”
แม่สื่อส่งเสียงดังขึ้น เจ้าสาวปล่อยมือจากคนรับใช้ทั้งสอง ขยับตัวก้าวเข้าไปในเกี้ยว
ทันใดนั้นเอง ! ก็รู้สึกหน้ามืด วิงเวียน โลกทั้งใบพลันมืดมน
ร่างเจ้าเนื้อหนักกว่าสองร้อยจินทิ้งตัวลงไปบนที่นั่ง เกิดเสียงดังคล้ายของหนักหล่นกระแทกพื้น เกี้ยวเจ้าสาวไหวโยกตามแรงสะเทือน คนแบกเกี้ยวทั้งแปดพยายามช่วยกันประคองเกี้ยวไว้เกรงว่าเกี้ยวจะเอียงล้มไป
หลิงเอ๋อรีบเปิดม่านเข้าไปดู ก่อนจะร้องอุทานขึ้นมา
“คุณหนู !”