ศึกรบ ตอนที่ 1

2902 คำ
“น้ำหวาน...น้ำหวานเอ๊ย...คุณหทัยถามทำไมไม่ตอบ...” เสียงนางศรีผู้เป็นป้าเรียกสาวน้อยที่นั่งพับเพียบเหม่อลอยอยู่บนพื้น “คะ...ว่าไงนะคะ” มธุรสรู้สึกว่าตัวเองไม่มีมารยาทเอาเสียเลยในขณะที่อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ซึ่งเป็นประมุขของบ้านแต่กลับนั่งเหม่อใจลอย แต่จะให้เธอทำตัวปกติเหมือนชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างทำตัวไม่รู้ไม่ชี้อ่านหนังสือพิมพ์หน้าตาเฉยคนนั้นได้อย่างไรกัน เมื่อภาพวาบหวิวระหว่างเขาและเธอเมื่อตอนเย็นยังคงหลอกหลอนเธออยู่ทุกฉากทุกตอน หลังจากกิจกรรมบนเตียงจบลง เธอก็ถูกเขาอุ้มไปอาบน้ำล้างตัวแบบทุกซอกทุกมุมก่อนจะพากันแต่งตัวและนำเธอมาพบบิดามารดาและพี่ชายบุญธรรมของเขาที่กลับมาจากกรุงเทพฯ แล้ว ตอนนั่งมาบนรถก็ไร้คำพูดใดๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนเธอหวั่นใจ เสียใจที่ตัวเองใจง่ายกับเขา เลยทำเป็นหลับเสียเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน ก้าวแรกแทบจะยกขาไม่ขึ้นเมื่อเดินเข้ามาก็พบว่าทุกคนนั่งรอที่ห้องรับแขกเหมือนเธอเป็นคนสำคัญหนักหนา ณกรเดินล่วงหน้าไปนั่งบนโซฟาเฉย ไม่สนใจเธอสักนิดจนนางศรีต้องเดินไปพาเธอมาไหว้บุคคลทั้งสาม หลังจากพูดคุยซักถามกันสักพักมธุรสแอบเหลือบมองชายหนุ่มเจ้าของหัวใจเธอเมื่อเห็นเขานั่งคุยกับพี่ชายที่ไม่แม้จะชายหางตามาสนใจเธอแม้แต่น้อย สาวน้อยก็รู้ตัวแล้วว่าเธอคงเป็นแค่ของเล่นของเขา สิ่งที่เขาทำก็แค่ต้องการให้เธอทดแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือเท่านั้นเอง      “น้ำหวานขอโทษค่ะคุณหทัย...คือน้ำหวาน...” สายตาหลบผู้ใหญ่อย่างคนกระทำความผิด “ไม่เป็นไรหรอก...น้ำหวานอย่าเรียกฉันว่าคุณเลยนะเรียกป้าดีกว่าจ้ะ ป้าถามว่ายังอยากจะเรียนต่อไหมป้าจะส่งเสียให้เราเรียนเอง” ตาโตลุกวาวด้วยความดีใจ แต่แล้วเมื่อนึกได้ว่าเธอเป็นแค่กาฝากได้มีที่อยู่ที่กินก็ดีมากแล้ว ถ้าต้องให้เขาส่งเสียให้เรียนอีกดูจะเป็นการเรียกร้องที่เกินตัว ตาคมจึงสลดลงทันที “คือ...อย่าเลยค่ะคุณ...ป้าหทัย แค่น้ำหวานได้มีที่อยู่ที่กินก็มากพอแล้วล่ะค่ะ อย่าสิ้นเปลืองไปมากกว่านี้เลยนะคะ” “อย่าด่วนตัดสินใจสิจ๊ะ...ยังมีเวลาอีกตั้งหลายเดือนกว่าจะเปิดเทอมใหม่ ป้าไม่ได้ให้น้ำหวานเรียนฟรีๆ เสียหน่อยกะว่าจบแล้วก็ให้มาทำงานที่บ้านเรานี่ล่ะ ป้าเสียดายน่ะยังเด็กอยู่อนาคตยังอีกไกล ป้าอยากให้หนูได้มีโอกาสเรียนสูงๆ นะน้ำหวาน ถ้าแม่หนูรู้ก็คงดีใจเหมือนกัน” มธุรสนั่งน้ำตาคลอหน่วยด้วยความตื้นตัน และเสียใจกับสิ่งที่ทำในวันนี้ แม่เธอจะดีใจได้อย่างไรในเมื่อลูกสาวกำลังทำตัวกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาอยู่ “ขอบคุณคุณป้ามากค่ะ...แล้วน้ำหวานจะคิดดูอีกทีค่ะ” ดวงหทัยรับไหว้เด็กสาวอย่างนึกเอ็นดู และแสนสงสารในโชคชะตาของเธอ ตัวเธอเองก็ไม่มีลูกสาว ถ้าได้เด็กดีอย่างมธุรสมาคอยดูแลก็ดีไม่น้อย ลูกๆ เธอเองก็เป็นผู้ชาย วันๆ เอาแต่ทำงาน ผู้ชายไม่ละเอียดอ่อนเท่าผู้หญิง งานบ้านงานเรือนก็ไม่ได้เรื่องอย่าว่าเธอให้มาดูแลคนแก่เลย อาทิตย์นึงได้เห็นหน้าเกินสามครั้งก็ถือว่ามากแล้ว “เอาล่ะ...เอาล่ะ ใกล้มื้อค่ำแล้วทุกคนเราไปทานอาหารกันดีว่า ดูท่าแม่ของเราจะเห่อลูกสาวคนใหม่คนใหม่จนลืมพวกเราแล้วล่ะมั้ง” ธนาสามีผู้แสนดีของดวงหทัยสัพยอกขึ้นพร้อมยักคิ้วหลิ่วตากับบรรดาลูกชายซึ่งณกรก็ยังคงทำเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ                                                                                                                                “แหม...เป็นคนแก่ขี้น้อยใจไปได้คุณน่ะ หัวยังไม่ล้านนะคะ หิวก็ไปกินพร้อมๆ กัน น้ำหวานด้วยนะลูกเดี๋ยวไปกินข้าวกับป้านะ ได้ข่าวแม่ศรีบอกว่าเราทำอาหารเก่งทั้งคาวหวานแถมอร่อยอย่าบอกใคร ไว้พรุ่งนี้เรามาทำกินกันนะ ป้าอยากกินฝีมือเรา...อ้อ...แล้วเดี๋ยวให้เด็กไปเก็บกวาดห้องให้หน่อยนะ ชั้นบนห้องติดกับณกรนั่นล่ะ ให้น้ำหวานนอนห้องนั้น ไม่ต้องไปนอนกับแม่ศรีแล้วนะ คับแคบอุดอู้กันเปล่าๆ นอนเสียที่บ้านใหญ่นี่ล่ะจะได้อยู่ดูแลตากับยายได้สะดวกนะ...ว่าไงแม่ศรี จะว่าอะไรไหม” “โถคุณ...ฉันจะว่าอะไรล่ะค่ะมีแต่ดีใจที่คุณๆ เมตตาเด็กอาภัพอย่างน้ำหวานไม่นึกเลยจริงๆ ค่ะว่าฟ้าหลังฝนจะสวยงามอย่างนี้” แม่บ้านใหญ่ถึงกับปาดน้ำตาด้วยความตื้นตันแทนเด็กสาวที่รักเหมือนหลานแท้ๆ “ทำตัวดีๆ นะลูก ป้าเชื่อว่าทำได้โดยไม่ต้องฝืนใจเพราะเอ็งเป็นเด็กดี...ต้องกตัญญูเชื่อฟังคุณๆ เขาให้มากๆ รู้ไหม” มธุรสโผเข้ากอดป้าที่ถึงไม่ใช่ก็เปรียบเสมือน “จ้ะป้า...หนูขอบคุณคุณป้าแล้วก็คุณๆ ทุกคนมากนะคะที่เมตตาหนู” เมื่อรับปากป้าของเธอแล้วก็ไม่ลืมยกมือไหว้ขอบคุณทุกคนในบ้าน ซึ่งต่างก็รักและเอ็นดูเธออย่างไม่นึกรังเกียจ ธนายิ้มรื่นที่ภรรยาของเขาจะสมหวังได้มีลูกสาวมาคอยดูแลเสียทีแถมยังเป็นเด็กดีเอาเสียด้วย สองตายายยิ่งไม่ต้องกังวลเพราะต่างก็เอ็นดูน้ำหวานมาตั้งแต่ต้น ส่วนภูมิศิลาเขาก็พลอยเบาใจที่แม่จะได้ไม่ต้องคอยตามจิกเขานักเมื่อมีลูกสาวคนสวยอย่างนี้แล้ว  ณกรนั้นดูเหมือนจะนิ่งเฉยมากกว่าใครเพื่อน แต่ภายในใจใครจะรู้ไหมว่าเขาไม่อยากให้แม่สาวน้อยคนนี้มาเป็นน้องสาวสักหน่อย ถึงจะไม่มีการบอกกล่าวอย่างเป็นทางการว่าต้องการรับมธุรสเข้ามาเป็นลูกบุญธรรมในครอบครัวแต่อาการที่ทุกคนแสดงออกก็เป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ดูท่าเขาคงต้องหยุดความสัมพันธ์กับเธอไว้เพียงแค่นี้... “ว่าไงพี่ชายดูนายจะปลื้มน้องสาวคนใหม่ไม่น้อยนะ” ณกรเดินเข้ามาทักทายพี่ชายบุญธรรมที่กำลังนั่งปลีกวิเวกอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้ใหญ่นอกบ้าน ท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืนที่อากาศเริ่มหนาวเหน็บลงทุกขณะ เพราะบ้านของพวกเขาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและต้นไม้นั่นเอง “หือ...อะไรของแกณกร จะหาเรื่องอะไรฉันอีกล่ะ” คนถูกทักหันหน้ามามองผู้มาใหม่นิดนึง “เปล๊า!!!...หาเรื่องอะไรล่ะฉันแค่จะออกมาคุยด้วย อยู่ข้างในรู้สึกเป็นหมาหัวเน่ายังไงก็ไม่รู้สิ” คนมาใหม่ได้ทีฟ้องพี่ชาย มันเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ แต่ละคนเอาแต่พูดคุยกับสมาชิกใหม่จนเขาต้องส่ายหัวกับความเห่อของคนในบ้านโดยเฉพาะแม่บุญธรรมของเขาดูเหมือนจะเป็นมากกว่าใครๆ “น้ำหวานเป็นเด็กน่ารัก น่าเอ็นดู เป็นธรรมดาที่ใครเข้าใกล้ก็ต้องหลงเสน่ห์...นายว่าจริงไหม” “อืม....คงงั้น ว่าแต่ได้ข่าวแม่แวะไปหาเพื่อนเก่าเหรอเป็นไงบ้าง หวังว่าคงไม่เจอพ่อนายด้วยหรอกนะ” คนหลงเสน่ห์แม่สาวน้อยนัยน์ตาเศร้าเป็นคนต้นๆ รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “อือฮึ...ไปกินข้าวที่บ้านน้าพรรณษาเมื่อตอนเช้าน่ะ ไม่เจอใครหรอก...แม่เค้าก็พูดคุยกับเพื่อนสนิทเขาตามประสาคนไม่ได้เจอกันนานนั่นแหละ นายถามทำไมเหรอ” ณกรเดินมานั่งตรงข้ามกับพี่ชาย ไม่ว่านานแค่ไหนภูมิศิลาก็ดูอ่อนโยนสุขุมเสมอ แต่จะมีสักกี่คนหนอที่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าอบอุ่นนั้นซ่อนความโหดเหี้ยมที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึงไว้แค่ไหน หนึ่งในนั้นมีเขาล่ะที่ประจักษ์แก่สายตามาแล้วหลายครั้งหลายครา “เปล่า ก็แค่แปลกใจ...ที่อยู่ๆ แม่ก็ติดต่อกับคนทางนั้นทั้งๆ ที่แม่ไม่เคยคิดติดต่อกับใครอีก...แล้ว...ดูหน้านายสิ ถึงจะดีหน้าเฉยปิดคนทั้งโลกได้แต่ปิดฉันไม่ได้หรอกนะ...มีอะไรให้ช่วยไหม...” ดูเหมือนไม่มีอะไรที่ปกปิดน้องชายต่างสายเลือดคนนี้ได้จริงๆ แม้เขาจะทำตัวให้ปกติยังไง ณกรก็ยังจับผิดเขาได้เสมอ แต่เรื่องที่เขาเป็นกังวลไม่ใช่เรื่องของแม่เขาเสียหน่อยแต่เป็นเรื่องอื่นต่างหากล่ะ             “เรื่องส่วนตัวน่ะ...ว่าแต่นายเถอะอย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ นายอาจจะเนียน แต่น้ำหวานไม่เจ้าเล่ห์เหมือนนาย สายตาน้ำหวานปิดฉันไม่ได้หรอกกลับกันมาซะมืดขนาดนั้นหวังว่าหมาป่าคงไม่งาบหนูน้อยหมวกแดงไปแล้วหรอกนะ ฉันขอเตือนไว้ก่อน นายน่ะมีโฉมอยู่ทั้งคนแล้วไหนจะแม่ของเราอีก รายนั้นดูจะหวงน้ำหวานออกหน้าออกตา ทำอะไรไม่คิดระวังจะลำบากทีหลัง” โอ...เวรกรรมมีจริงทันตาเห็นกะจะแขวะคนอื่นเสียหน่อยดันโดนจับไต๋ได้ซะเอง หวังว่าหมอนี่คงไม่มองทะลุปรุโปร่งขนาดเห็นเขาทุกอิริยาบถหรอกนะ ณกรยักไหล่แบะปากกับความเฉียบคมของพี่ชายจอมแสบ “ไม่มีอะไรอย่างที่นายคิดหรอกน่า” สายตาคมหลบเฉไฉมองนั่นนี่ไปเรื่อยจนคนเป็นพี่ต้องแอบยิ้ม “แล้วจะคอยดู...เข้าเรื่องดีกว่าที่ให้ไปสืบได้ความว่าไงบ้าง” “ยังไม่ได้เรื่องเท่าไหร่เพราะเราต้องทำกันอย่างลับๆ ฉันคอยจับตาดูอยู่คิดว่าคงไม่ผิดคน” “ใคร?” สายตาจับจ้องหน้าผู้เป็นน้องชายเขม็ง “ฉันคิดว่าเป็นไอ้ชื่นกับไอ้แสน...ดูมันกวนเบื้องล่างฉันพิลึกเหลือเกินช่วงนี้” “ยังไง...” “ก็...ฉันสังเกตทุกคนล่ะที่ใกล้ตัว พวกมันสองคนดูผิดปกติที่สุด ฉันก็บอกไม่ถูกนะ...แต่ฉันมีเซ้นส์คิดว่าไม่ผิดตัว” เพราะช่วงหลังภูมิศิลาต้องออกไปพบปะลูกค้ารายใหม่ที่ต่างจังหวัดบ่อยมากขึ้น ณกรจึงดูแลทุกอย่างเพียงคนเดียว การรับผิดชอบสวนผลไม้ผสมที่มีเนื้อที่หลายร้อยไร่ งานบัญชี ดูแลคนงาน และงานอีกจิปาถะทำให้เขาดูงานได้ไม่ทั่วถึง นั่นทำให้ปุ๋ยคุณภาพอาหารเสริมรวมถึงของต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการบำรุงพืชผลซึ่งมีราคาสูง ที่พวกเขาได้สั่งซื้อจากต่างประเทศถูกตัดตอนปล้นไปในระหว่างทาง ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีคนในรู้เห็นเพราะเรื่องอย่างนี้ไม่มีใครที่ไหนจะมารับรู้ถึงเวลาที่แม่นยำในการขนส่งได้และดูจากการทำงานของพวกมันก็เหมือนจะมีการเตรียมการล่วงหน้าไว้แล้ว  เนื่องจากพวกมันกระทำกันอย่างเป็นขบวนการเริ่มจากการปล้นสินค้ารวมทั้งรถที่ใช้บรรทุก โดยการทำร้ายคนขับรถและเด็กในรถจนปางตายแล้วนำไปส่งต่ออีกทอดอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงรถเปล่าๆ ที่ทิ้งให้ดูต่างหน้า ซึ่งแม้จะแจ้งความไปแล้วแต่ตำรวจก็ยังคงหาหลักฐานไม่ได้ และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกเสียด้วย ในรอบปีที่สั่งของมาห้าครั้งพวกเขาถูกปล้นมาแล้วสองครั้งรวมมูลค่าก็หลายสิบล้านบาทเนื่องจากสินค้าทั้งหมดเป็นสินค้าเกรดพิเศษที่นำเข้ามาจากต่างประเทศจึงมีราคาสูงลิ่ว พวกเขาจำเป็นต้องเลือกใช้ของดีเช่นนี้เพราะมันทำให้ได้รับผลผลิตเป็นที่น่าพอใจมาก และเมื่อนำมาทดลองใช้ร่วมกับปุ๋ยชีวภาพที่ผลิตขึ้นมาเองทำให้ผลผลิตยิ่งมีคุณภาพชนิดที่แทบไม่มีผลเสียเลย และลูกค้าก็เพิ่มขึ้นทุกๆ ปีแน่นอนว่าคู่แข่งก็เพิ่มขึ้นด้วย และที่น่าแปลก คือ ชาวสวนชาวไร่ไม่ได้มีแต่พวกเขาที่สั่งซื้อวัสดุจากต่างประเทศ แต่ทำไมจึงมีแต่พวกเขาที่โดนปล้นอย่างอุกอาจ โจรที่ทำการปล้นสินค้าดูเหมือนจะรู้ความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาดูจากการเว้นระยะห่างในการปฏิบัติการให้พวกเขาตายใจแล้วเริ่มลงมือใหม่อีกครั้ง ภูมิศิลาและณกรไม่ได้นิ่งนอนใจตั้งแต่แรกแต่พวกเขาพยายามกระทำการให้เงียบและมีคนรู้น้อยมากที่สุดเพื่อจะจับตัวไส้ศึกให้อยู่หมัดโดยที่มันไม่รู้ตัวนั่นเอง “ฉันไม่อยากแค่จับตาดูเฉยๆ แล้วล่ะ ภายในสัปดาห์นี้ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร ฉันมีเวลาแค่เจ็ดวัน...ณกรอาทิตย์หน้าเราต้องไปช่วยงานแต่งของลินกันนะ” ลินที่ว่าคืออลินดา เป็นลูกสาวลุงชามีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของภูมิศิลาซึ่งพวกเขาทั้งสองต่างก็สนิทสนมและรักอลินดาเหมือนน้องสาวแท้ๆ คนนึง                          อลินดามีโครงการแต่งงานกับแฟนหนุ่มลูกชาย ส.ส. คนดังในสัปดาห์หน้าและอาจมีการยืดเยื้ออยู่กันที่นั่นหลายวัน ดังนั้นพวกเขาควรจัดการปัญหาให้สิ้นสุดเสียเพื่อป้องกันการถูกลอบกัดทางด้านอื่น ด้วยยามไม่มีใครอยู่ดูแลที่นี่ หากมีคนจ้องจะเล่นงานจริงๆ มันคงไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปแน่ “ครับ...คุณภูมิศิลา วันพรุ่งนี้ผมจะประกาศให้คนงานบางส่วนไปช่วยกันอารักขาปุ๋ยล็อตใหม่ที่กำลังจะมาถึงอีกสามวันข้างหน้าซึ่งมีมากกว่าล็อตก่อนๆ ถึงสามเท่าตัว คุณภูมิว่าดีไหมครับ...” ภูมิศิลาอดขำกับความทะเล้นทะลึ่งของน้องชายจอมแสบสันไม่ได้ “ฮึ ฮึ ฮึ...เพิ่งจะมาคิดได้วันนี้เองเหรอ เราเสียหายไปเกือบสิบล้านแล้วไอ้น้องชาย” “โธ่...ฉันก็ตามสืบมาตลอดนายก็รู้แต่การทำงานอย่างลับๆ ทั้งงานราษฎร์งานหลวงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ฉันก็ต้องสืบให้แน่ใจก่อนสิว่าคนน่าสงสัยมีใครบ้างเราจะได้จับตาดูเป็นพิเศษ คนงานทั้งหมดของเราเกือบพันคนเชียวนะ และฉันไม่ใช่ทศกัณฐ์” คนงานเยอะได้ทีโวยวาย “อืม...ฉันเองก็ต้องขอโทษนายด้วยเหมือนกันที่ปล่อยงานทั้งหมดไว้ให้นายคนเดียว นายคงเหนื่อยแย่” “ไม่เป็นหรอกภูมิ...ฉันเต็มใจ นายเองก็ทำเพื่อฉันมาไม่น้อย...อย่าลืมสิฉันเป็นน้องชายและนาย...เป็นพี่ชายของฉัน” ณกรตบบ่าให้กำลังใจ เขารู้ว่าภูมิศิลาไม่เคยทิ้งเขาและชายหนุ่มเองก็เหน็ดเหนื่อยมาไม่น้อย กว่าที่เขาจะเรียนรู้และก้าวเข้ามาช่วยถึงจุดนี้ได้และภูมิศิลาเองก็ใช่ว่าจะอยู่เฉยๆ เสียเมื่อไหร่ เขาต้องวิ่งเต้นติดต่อคนโน้นคนนี้เพื่อขยายกิจการ ไหนจะสัมมนาบ้าบออะไรต่อมิอะไรมากมายอีกล่ะ “เอาตามที่นายว่าก็แล้วกันนะ ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งให้ใครรู้ว่าฉันกลับมาแล้วฉันจะอยู่ที่บ้านเงียบๆ ส่วนนายก็ไปขุดดินขุดทรายเหมือนเดิมก็แล้วกัน...ฉันง่วงแล้วไปนอนก่อนนะขับรถมาไกล...เหนื่อย” พูดจบร่างบึกบึนสมชายชาตรีก็ลุกขึ้นเดินอาดๆ เข้าบ้านไปเฉยปล่อยให้คนขุดดินขุดทรายออกอาการเซ็งสุดๆ ตัวเองเหนื่อยแล้วไปนอนสบายทีเขาเหนื่อยแสนเหนื่อยก็ต้องทนทำงานงกๆๆ คล้อยหลังพี่ชายจอมแสบไปแล้ว ณกรก็ต้องมานั่งถอนหายใจยาวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็น เพียงแค่คิดถึงร่างกายอันอวบอัดเต็มวัยของแม่สาวช่างยั่วที่นั่งคุยจ้อกับครอบครัวเขาด้านใน ความร้อนรุ่มก็มาเยือนชายหนุ่มทันที ทำไมเขาถึงได้ติดอกติดใจถึงขนาดทำรุ่มร่ามกับเด็กอายุสิบแปดอย่างมธุรสได้นะ จะว่าเขาเป็นพวกนิยมกินเด็กหรือชอบมั่วเซ็กซ์ไปทั่วก็ไม่ใช่แต่กับแม่หนูน้อยคนนี้เขากลับอยากจะจับเธอกดลงตรงบนพื้นหรือที่ไหนๆ ก็ได้เพื่อให้เธอช่วยปลดปล่อยความทรมานที่อัดอั้นอยู่ในตัว “แม่งเอ๊ย!!!...อย่ามาหิวมั่วซั่วได้ไหมไอ้ลูกชาย” เมื่อมังกรตัวย่อมที่นอนหลับใต้ร่มผ้าเริ่มตื่นตัว ชายหนุ่มก็สั่งสมองให้หยุดจินตนาการถึงทรวดทรงองค์เอวที่ได้มองได้สัมผัสเมื่อตอนเย็น ถ้าไม่หยุดตอนนี้มีหวังแม่บุญธรรมคงได้จับเจ้าลูกชายของเขาเจี๋ยนทิ้งไม่เหลือไว้สืบพันธุ์เป็นแน่ ณกรเป่าลมออกจากปากแล้วพยายามเขวความคิดหันมาวางแผนจับคนร้ายในอีกสมวันที่จะมาถึงทุกอย่างจะต้องรอบคอบ รวดเร็ว และเป็นความลับที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม