ตอนที่ 12 อุปราชอำมหิต 1

2119 คำ
พระราชวังหลวงซางเป่ย “อะไรนะ!”สุรเสียงของฮ่องเต้หยวนเป่ยดังก้องขึ้นมาทันที เมื่อกองทหารองครักษ์จากวังหลวงที่ถูกส่งไปให้ทำหน้าที่ถวายอารักขาองค์หญิงจากแคว้นต้าเหลียง ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับทรัพย์บรรณาการและมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้นกับทางหยวนเป่ยนั้น ได้ส่งม้าเร็วกลับมาแจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันขององค์หญิงจากแคว้นต้าเหลียงที่เดินทางมาถึงหยวนเป่ยเป็นขบวนแรกพร้อมทรัพย์บรรณาการดังกล่าว สาเหตุที่ขบวนเสด็จจากแคว้นต้าเหลียงมาถึงรวดเร็วเสียยิ่งกว่าแคว้นอื่นๆ ที่กำลังเดินทางมาถวายบรรณาการเช่นเดียวกัน ด้วยเพราะองค์หญิงจากแคว้นต้าเหลียงมีความต้องการที่จะเดินทางมาถึงหยวนเป่ยเพื่อได้เข้าพิธีอภิเษกกับอุปราชรูปงาม เพื่อครองตำแหน่งเป็นพระชายาเอกก่อนองค์หญิงจากแคว้นต้าซางที่ยังไม่ทันเดินทางออกจากแคว้นเสียด้วยซ้ำ เพราะผู้ที่มาถึงภายหลังจะได้รับตำแหน่งพระชายารองไปครอบครองแทน ทว่าอีกเพียงแค่สามวันเท่านั้นก็จะเข้าเขตแคว้นหยวนเป่ย ขบวนเสด็จขององค์หญิงจากแคว้นต้าเหลียงจำต้องตั้งค่ายหยุดพักกลางทางไม่สามารถเดินทางมาถึงเมืองหลวงได้ ด้วยเพราะองค์หญิงจากแคว้นต้าเหลียงทรงประชวรอย่างกะทันหัน พระนางมีไข้สูงติดต่อกันในระหว่างการเดินทางมานานติดต่อกันหลายวันไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้แต่น้อย จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ลงอย่างสงบตามความต้องการของอุปราชลือชื่อที่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น และองค์หญิงจากต้าเหลียงคือรายแรกที่ประสบชะตากรรม ถูกฆ่าอย่างไร้ร่องรอยเก็บเงียบและแนบเนียนหามีผู้ใดล่วงรู้ ว่าสาเหตุการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงจากต้าเหลียงแท้จริงแล้วผู้อยู่เบื้องหลังคืออินอวิ๋นหยาง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะทันทีที่อินอวิ๋นหยางมีสาสน์ส่งกลับมาว่ายินยอมรับสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทน้อยของหยวนเป่ย ด้วยเพราะพระองค์ได้สัมผัสถึงน้ำพระทัยอันงดงามของอินอวิ๋นฉวี่ซึ่งอยากให้เสด็จอาที่เหลืออยู่เพียงพระองค์เดียว ได้อภิเษกสมรสมีพระชายาเพื่อแผ่สายสกุลอินให้สืบทอดต่อไป หากอุปราชหนุ่มตอบปฏิเสธความหวังดี จะเป็นการกระทำที่รานน้ำใจกับพระนัดดาผู้ซึ่งเป็นฮ่องเต้ของหยวนเป่ยที่ตั้งพระทัยมอบให้ จึงทรงยินยอมและตอบตกลงกลับมา โดยมีข้อแม้ว่างานสมรสดังกล่าวจะทรงจัดขึ้นเป็นการส่วนพระองค์ ในสถานที่ประทับของอุปราชหนุ่มไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามาร่วมงานพิธีกราบไหว้ฟ้าดินนี้เป็นอันขาด หากไม่ทำตามที่อุปราชหนุ่มต้องการ การสมรสระหว่างแคว้นก็จะไม่เกิดขึ้นแต่อย่างใด จึงทำให้อินอวิ๋นฉวี่จำต้องรามือแผนฉีกหน้าของอินอวิ๋นหยางซึ่งตั้งพระทัยว่าจะลงมือในงานเลี้ยงสมรสที่พระองค์มีพระบัญชาให้จัดขึ้นเพื่อมอบให้แก่อุปราชรูปงามและพระชายาต่อหน้าธารกำนัลไปอย่างเสียไม่ได้ และทันทีที่อินอวิ๋นหยางตอบตกลง เสี่ยวฉิงจื่อรีบส่งสาสน์ลับไปที่ต้าเหลียงเพื่อรายงานข่าวให้กับฮ่องเต้ต้าเหลียงล่วงรู้ ในขณะที่องค์หญิงจากต้าเหลียงที่ถูกคัดให้มาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ครั้นล่วงรู้ว่า ผู้ที่นางจะต้องอภิเษกด้วยนั้นหาใช่อินอวิ๋นฉวี่ฮ่องเต้ของหยวนเป่ย ซึ่งมีอายุน้อยกว่านางสองปี แต่กลับกลายเป็นอุปราชผู้ลือนามอินอวิ๋นหยางซึ่งต่างโจษขานกันไปทั่วแดนดินว่า เป็นบุรุษรูปงามยิ่งนัก ในรอบหนึ่งพันปีจะปรากฏให้เห็นเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และนั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้องค์หญิงจากแคว้นตาเหลียงไม่รั้งรอแต่อย่างใด ในขณะที่ก่อนหน้านั้นนางไม่คิดอยากจะเดินทางออกจากแคว้นเลยเสียด้วยซ้ำ ด้วยเพราะเหตุนี้องค์หญิงต้าเหลียงจึงเร่งรีบเดินทางมาถวายตัวเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับอุปราชลือชื่อเพื่อให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาเอกของอุปราชอินอวิ๋นหยาง และพระนางก็เอาชีวิตมาทิ้งก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง พระวรกายสูงโปร่งของฮ่องเต้น้อยหยวนเป่ย ลุกพรวดพราดขึ้นจากตั่งที่ประทับ ทรงวางของเล่นที่ประดิษฐ์จากฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทันทีที่ทหารองครักษ์เข้ามาถวายรายงานในพระตำหนักส่วนพระองค์ “องค์หญิงจากต้าเหลียงตายแล้วอย่างนั้นเหรอ! นางตายด้วยสาเหตุอะไร!”อินอวิ๋นฉวี่รับสั่งถามกลับไป “องค์หญิงจากต้าเหลียงประชวรลงจากสาเหตุเพราะพิษไข้รุมเร่าเรื้อรังพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีไข้สูงอยู่ตลอดระยะเวลาการเดินทางที่ผ่านมาไม่เคยลดลงเลยสักวัน จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ลงอย่างสงบเมื่อสามวันก่อน กองทหารองครักษ์จึงได้ส่งกระหม่อมควบม้าเร็วมาถวายรายงานให้ฝ่าบาททรงทราบพ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ฝายข่าวถวายรายงานอย่างละเอียด พระพักตร์ของอินอวิ๋นฉวี่ถึงกับกระตุกติดต่อกันขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินข่าวรายงานกลับมาเช่นนั้น แรงพิโรธปะทุขึ้นมาทันทีเมื่อแผนหญิงงามล่มเมืองเพียงแค่เริ่ม ตัวหมากสำคัญกลับสิ้นชื่อลงด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝัน “ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้! เหตุใดต้องมาตายลงเอาตอนนี้จะตายหลังจากทำงานให้ข้าสำเร็จลงแล้วไม่ได้หรืออย่างไง! ทำไม! ทำไม!” ฮ่องเต้น้อยรับสั่งพร้อมกระทืบพระบาทรัวๆ ติดต่อกันราวเด็กน้อยไม่ได้สมดั่งใจลงกับพื้นพระตำหนักเพื่อระบายแรงพิโรธที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เสี่ยวฉิงจื่อได้ยินรับสั่งที่เผลอหลุดออกมาเห็นเช่นนั้น รวมไปถึงพระอาการราวเด็กเล็กๆ ที่ถูกขัดใจจึงรีบโบกมือไล่องครักษ์ที่นำข่าวมากราบทูลฮ่องเต้น้อยให้ออกไปจากพระตำหนักส่วนพระองค์ ท่ามกลางรอยแสยะยิ้มเหยียดขององค์รักษ์คนดังกล่าว ซึ่งล้วนเป็นคนของอุปราชอินอวิ๋นหยางถูกส่งมาเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ในวังหลวงเพื่อรายงานข่าวกลับไป หลังจากฝ่าบาทน้อยล่วงรู้ข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงต้าเหลียง ทันทีที่องครักษ์ผู้นั้นล่าถอยออกไปจากพระตำหนักส่วนพระองค์ เสียงของเสี่ยวฉิงจื่อกราบทูลขึ้นมาทันที “ฝ่าบาทสงบพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ยังหลงเหลือองค์หญิงจากแคว้นต้าซางอีกผู้หนึ่งที่กำลังเตรียมตัวจะออกเดินทางมาจากแคว้นมุ่งหน้ามาที่หยวนเป่ยแล้ว”เสี่ยวฉิงจื่อกราบทูลรายงานกลับไป “เหตุใดนางจึงเดินทางออกมาล่าช้านักเล่า! เกิดอะไรขึ้นอีกอย่าบอกนะว่าต้าซางยกเลิกการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับหยวนเป่ยทั้งๆ ที่คู่อภิเษกคืออุปราชลือชื่อผู้นั้น”รับสั่งถามสุรเสียงห้วนกลับไปด้วยความขุ่นเคือง “หาเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ! ทางต้าซางได้ส่งสาสน์มาแล้วว่าได้เลือกองค์หญิงฟางเยี่ยนลี่ มาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์แต่ที่เสด็จมาช้านั่นก็เพราะทรงประชวรมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ก่อนหน้าที่จะล่วงรู้ว่าจะได้ถูกเลือกมาแต่งงานกับทางหยวนเป่ยเสียด้วยซ้ำ เห็นว่าตอนนี้พระอาการทุเลาลงมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ” “แล้วไป! ถ้าอย่างไงจัดหาหมอหลวงส่งไปสมทบกับต้าซางคอยรักษานางระหว่างการเดินทางจะได้ไม่ต้องเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนองค์หญิงต้าเหลียงอีก เข้าใจหรือเปล่า!”รับสั่งกำชับกลับไป “รับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมจะส่งสาสน์ขอกำลังจากแคว้นต้าซางเฝ้าถวายอารักขาพร้อมหมอหลวงให้ติดตามขบวนเสด็จองค์หญิงฟางเยี่ยนลี่เพื่อให้เดินทางมาถึงหยวนเป่ยด้วยความปลอดภัย พระองค์จะได้ทรงวางพระทัยลงได้” ฮ่องเต้น้อยหันกลับมาทอดพระเนตรขันทีคนสนิททันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “ถ้าเช่นนั้นเจ้ารีบไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย! คุ้มครองนางอย่าให้เป็นอะไรไปเหมือนองค์หญิงต้าเหลียงอีกเป็นเด็ดขาด! หากนางต้องเป็นอะไรลงไปอีกคน ข้าจะสั่งตัดหัวของเจ้าแทน! จำเอาไว้ให้ดี”รับสั่งด้วยแรงพิโรธไม่จางหายพร้อมยกพระหัตถ์ไล่คนสนิทออกไปจากพระตำหนัก “ออกไปให้พ้น! ข้าอยากอยู่คนเดียว”รับสั่งสุรเสียงห้วน เสี่ยวฉิงจื่อโน้มศีรษะก้มคำนับทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมขอทูลลา”เสี่ยวฉิงจื่อกราบทูลพร้อมล่าถอยออกไปจากพระตำหนักส่วนพระองค์อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายพระเนตรของฮ่องเต้น้อยหยวนเป่ย และทันทีที่ประทับอยู่เพียงลำพังภายในพระตำหนักส่วนพระองค์ ท่าทีที่แสดงพระอาการดั่งเช่นเด็กเอาแต่ใจเมื่อครู่ที่ผ่านมากลับแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พระพักตร์เย็นชาประดุจดั่งน้ำแข็งเข้ามาแทนที่ พร้อมรอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนพระพักตร์ที่ถอดแบบมาจากพระบิดาไม่มีผิดเพี้ยนราวกับว่าเป็นพระองค์เดียวกันก็ว่าได้ ทรงมีพระพักตร์ไม่แตกต่างจากอดีตฮ่องเต้พระองค์ก่อนอย่างยิ่งยวด พระวรกายสูงโปร่งหันพระวรกายกลับ พระดำเนินไปยังโต๊ะตัวยาวที่พระองค์ทรงวางหุ่นไม้จำลองมากมาย และแผนผังจำลองแสดงที่ตั้งของเทือกเขาสูงเสียดฟ้า และจำลองบ้านของผู้คนภายในแคว้นหยวนเป่ย ซึ่งล้วนเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ด้วยกันทั้งสิ้น พระหัตถ์เอื้อมหยิบหุ่นไม้ที่มีเค้าโครงหน้าละม้ายอุปราชลือชื่อที่ยังทำค้างไว้ยกขึ้นมาทอดพระเนตร “ท่านคงจะคิดว่าข้าก็คือเด็กเมื่อวานซืนอยู่ร่ำไปใช่หรือไม่เสด็จอา! คิดผิดเสียแล้วเพราะข้าไม่ใช่เสด็จพ่อที่ไม่สามารถทำอะไรท่านได้ แต่ข้าทำได้มากเสียยิ่งกว่าที่ผู้อื่นคิดเอาไว้เสียอีก แผ่นดินหยวนเป่ยนี้หากมีท่านจะต้องไม่มีข้า! และเรื่องอะไรที่จะต้องเป็นเช่นนั้นเพราะข้าคือผู้ครองผืนแผ่นดินนี้อย่างแท้จริง มีข้าจะต้องไม่มีท่านบนแผ่นดินหยวนเป่ยจึงจะถูก!”รับสั่งกับหุ่นไม้ตรงพระพักตร์ พระหัตถ์เฝ้าลูบไล้หุ่นตรงพระพักตร์ไปมา ผลัวะ!!! ส่วนหัวถูกหักลงด้วยพระหัตถ์เพียงข้างเดียว ก่อนจะนำหุ่นไม้หัวขาดตัวดังกล่าวปักลงบนเทือกเขาสูงตรงหน้า ซึ่งมีจวนขนาดใหญ่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางเทือกเขาสูง พระเนตรสีนิลลุกโชนแฝงเร้นความอำมหิตอย่างเห็นได้ชัดพร้อมมีรับสั่ง “อีกไม่นานหรอกเสด็จอาท่านจะต้องล่วงรู้ว่า แท้จริงแล้วข้าเป็นอย่างไร!”สิ้นพระสุรเสียง ฮ่องเต้หนุ่มในวัย 17 พระชันษาเปล่งเสียงพระสรวลดังกึกก้องอยู่เพียงลำพัง ภายในพระตำหนักส่วนพระองค์ ท่ามกลางความคิดของผู้คนในแผ่นดินหยวนเป่ย ต่างคิดว่าฮ่องเต้น้อยผู้นี้ยังไม่รู้จักโต ทรงติดเล่นสนุกสนานไปวันๆ ในแต่ละวันนั้นหมดไปกับการสร้างหุ่นจำลอง บ้านเรือน พระราชวังหลวงและทุกอย่างในแคว้นหยวนเป่ยด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง แต่มีผู้ใดล่วงรู้บ้างว่าแผนผังจำลองดังกล่าว หมายถึงแผนที่ตั้งของศัตรูเวลาใช้โจมตีเพื่อยึดครองแคว้นต่างๆ ก่อนจะลงมือให้กองทัพเคลื่อนพล ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความรู้มาจากอินอวิ๋นหยางผู้เป็นอา ที่ทุ่มเทให้พระองค์ได้ล่วงรู้ทุกอย่างตามสัตย์สัญญาที่ทรงให้ไว้กับฮองไทเฮา และอินอวิ๋นหยางก็ไม่ผิดหวังเมื่อหลานชายเพียงหนึ่งเดียว สามารถรับทุกสิ่งที่ถ่ายทอดเรียนรู้จนแตกฉานทุกอย่าง แต่เนื้อแท้ในความเป็นตัวตนของอินอวิ๋นฉวี่ฉลาดปราดเปรื่องไม่ยิ่งหย่อนไปจากผู้เป็นอา และฉลาดมากกว่าพระบิดาของพระองค์มากมายหลายเท่ายิ่งนัก ภายใต้ความเยาว์วัยที่คิดว่าทรงเป็นเด็กไม่รู้จักโตเสมอ ฮ่องเต้น้อยผู้นี้กลับมีความคิดที่โตกว่าอายุจริงถึงสิบปีเลยทีเดียว ไม่แตกต่างไปจากผู้เป็นอาแม้แต่น้อยและยังมีจิตใจที่แฝงเร้นความอำมหิตและเลือดเย็นเอาไว้ภายใน แผ่นดินหยวนเป่ยในยามนี้กำลังเกิดฮ่องเต้โฉดที่มีจิตใจอำมหิต และพยายามทำทุกอย่างเพื่อกำจัดผู้เป็นอาเพื่อไม่ให้พระองค์อยู่ภายใต้เงาของอุปราชผู้ลือนามอีกต่อไป ในขณะที่ผู้เป็นอาเนื้อแท้ของจิตใจอ่อนโยนแต่ต้องโหดเหี้ยมและอำมหิตเพื่อทำให้ชีวิตของตัวเองเป็นผู้อยู่รอด แต่ผู้เป็นหลานกลับจิตใจโฉดชั่วเพราะได้รับการสั่งสอนจากฮองไทเฮานับตั้งแต่จำความได้ จึงอำมหิตและเลือดเย็นจนหยั่งรากลงลึกไปถึงหัวใจ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม